หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 511
บทที่ 511
เจียงหย่วนเฉาจ้องมองเฉียวเจานิ่งๆ ไม่ขยับไปที่ใดเป็นนาน ทันใดนั้นเขาพลันโน้มตัวไปเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ข้างหูนาง “คุณหนูเฉียว…”
คิ้วเรียวสวยของเด็กสาวในภวังค์ฝันย่นเข้าหากันน้อยๆ นางขานตอบตามสัญชาตญาณ “หือ?”
เจียงหย่วนเฉายืดตัวขึ้นพรวด ริมฝีปากเขาสั่นระริกไปหมด เขายื่นมือไปจะสัมผัสกลีบปากแห้งแตกของเด็กสาวอย่างระมัดระวัง แต่ยังแตะไม่โดนก็หดมือกลับ
เขาไม่กล้าแตะต้อง ถ้านางเป็นคุณหนูเฉียว เขาจะล่วงเกินนางอย่างนี้ได้เช่นไร
ทว่าไฉนมีเรื่องพิสดารพันลึกเพียงนี้ได้
“คุณหนูเฉียว” เจียงหย่วนเฉาพึมพำเรียกพลางใช้นิ้วมือวาดเส้นสายตามเค้าโครงใบหน้าของเด็กสาวทีละนิดๆ กลางอากาศ
คนสองคนที่ต่างกันเฉกนี้…
หรือว่าวิญญาณที่สถิตอยู่ภายในเป็นดวงเดียวกัน
ชายหนุ่มขบคิดอย่างไรก็ไม่ได้รับคำตอบ คิดจนเจ็บปวดหัวใจไปหมด เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ มองนางโดยไม่ละสายตา ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นใส่พวงแก้มขาวกระจ่างของนาง
แพขนตาของเฉียวเจากระพือขึ้นลงถี่ๆ จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้น
สายตานางปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาขยายใหญ่ของชายหนุ่มในระยะประชิดจนลมหายใจของคนทั้งคู่รินรดใส่กัน
เฉียวเจาตะลึงงัน นางเงื้อมือขึ้นตบหน้าเขาทันที
เจียงหย่วนเฉาคว้าข้อมือนางไว้หมับ พอสังเกตเห็นนางขมวดคิ้วก็รีบปล่อยออก เขาสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านในใจไว้ก่อนเปล่งเสียงพูดคำหนึ่ง “ตื่นแล้วหรือ”
เฉียวเจาไม่กล่าววาจา แต่ความคิดในหัวแล่นเร็วรี่คาดคะเนท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของเขา
“ไฉนไม่พูดไม่จา” เขาไต่ถาม
นางหลุบตาลง “ไม่มีอะไรน่าพูด”
เขาลุกขึ้นยืนกะทันหัน หมุนกายเดินไปข้างโต๊ะรินน้ำถ้วยหนึ่งแล้วย้อนกลับมายื่นมือพยุงเฉียวเจาขึ้น ก่อนกล่าวเสียงนุ่มว่า “ดื่มน้ำก่อนเถอะ”
นางมองมือที่วางอยู่บนหัวไหล่ตน พูดอย่างเย็นชา “ใต้เท้าเจียง โปรดสำรวมกิริยาด้วย”
เจียงหย่วนเฉากระตุกมือกลับเหมือนโดนไฟลวก สีหน้าเขาฉายแววอับอาย
เฉียวเจาลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ รับถ้วยน้ำมาดื่มติดๆ กันหลายอึก
ลำคอนางยังเจ็บร้าวดุจเก่า ต้องยกให้เป็นความชอบของบุรุษตรงหน้าแท้ๆ แต่นางไม่มีอะไรจะตัดพ้อต่อว่าได้ เดิมทีทั้งคู่ก็ยืนอยู่กันคนละฝ่าย นางแย้มพรายเรื่องราวในอดีตแบบกำกวมเพื่อใช้เป็นกลลวงเขาเช่นเดียวกัน
กระนั้นนางใช้กลลวงอีกฝ่ายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่จู่ๆ เจียงหย่วนเฉาก็ยื่นมือยุ่งเรื่องของผู้ตรวจการสิงเป็นเพราะอะไรกัน
“ยังเจ็บหรือไม่”
เฉียวเจาอึ้งงันไปเล็กน้อย นางกุมถ้วยน้ำด้วยสองมือหันไปมองเขา
เจียงหย่วนเฉาตวัดสายตามองข้อมือเรียวเล็กขาวผ่องของเด็กสาว รอยฟกช้ำดำเขียวรอบข้อมือนั่นเด่นชัดสะดุดตาจนน่าตกใจ
“เจ็บ” เฉียวเจาหลุบตาลง ตอบโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อยนิด
เขานิ่งขึงไป
นางยิ่งวางตัวตามสบายอย่างนี้ เขายิ่งรู้สึกว่านางละม้ายคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำผู้นั้น
บางทีโลกนี้อาจมีปาฏิหาริย์อยู่จริง
เจียงหย่วนเฉารู้สึกคอแห้งอยู่บ้างกะทันหัน เขาเม้มริมฝีปากบางทีหนึ่งก่อนเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “เป็นท่านใช่หรือไม่”
เฉียวเจาวางถ้วยน้ำลง นางมองเขานิ่งๆ “เฉินกวงกับผู้ตรวจการสิงเล่า”
“เป็นท่านใช่หรือไม่” เขาลอบกำมือเป็นหมัด เอ่ยถามซ้ำคำเดิม
“เฉินกวงกับผู้ตรวจการสิงเล่า” นางเฉไฉไม่ตอบและถามขึ้นอีก
เจียงหย่วนเฉามองนางอย่างพินิจแล้วอ่อนข้อให้ในที่สุด “ตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นไร”
ตั้งแต่รู้ว่าเป็นไปได้มากว่านางก็คือ ‘นาง’ ก็คล้ายว่าเขาทำใจแข็งไม่ได้แล้ว
เฉียวเจาลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง นางพลิกกายลงจากเตียง “ข้าไปดูพวกเขาสักหน่อย”
ชายหนุ่มอ้าปากตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายมิได้ขัดขวางนาง เขากล่าวทอดถอนใจ “ตามข้ามาเถอะ”
นางได้พบกับเฉินกวงอย่างรวดเร็ว
เขานอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว
นางเดินลิ่วๆ เข้าไปเอามืออังหน้าผากเขา ก่อนจะค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกดูบาดแผลตามตัว
เจียงหย่วนเฉายื่นมือออกไปจะห้ามแล้วก็ดึงมือกลับอย่างขัดเคือง
เห็นได้ชัดว่ามีคนทำแผลให้เฉินกวงแล้ว แต่ก็แค่ล้างแผลเท่านั้น ดีที่อากาศตอนนี้เย็นลงแล้วจึงไม่เกิดอาการบวมเป็นหนอง
“จะตามหมอก็ไม่สะดวกเลยให้เจียงเฮ่อเอาสุราฤทธิ์แรงล้างแผลให้เขา” เจียงหย่วนเฉาเอ่ยอธิบายอย่างอดใจไม่อยู่
เฉียวเจาปรายตามองเขา ข้าสมควรกล่าวขอบคุณหรือไม่
“เฉินกวงบาดเจ็บสาหัสมาก ต้องใช้สมุนไพรหลายตัวทำยา จะช่วยไปซื้อให้ข้าได้หรือไม่”
“ท่านบอกมา”
“มีพู่กันกับกระดาษหรือไม่”
“ตามข้ามา”
เจียงหย่วนเฉาพานางไปที่ห้องหนังสือ
เฉียวเจาหยิบพู่กันเขียนใบสั่งยาแผ่นหนึ่งยื่นส่งให้เขา “รบกวนด้วย”
เขาหยุดสายตาบนแผ่นกระดาษ จ้องมองตัวอักษรเล็กๆ ที่บรรจงเป็นระเบียบสละสลวยอย่างใจลอย
“ใต้เท้าเจียง?”
เจียงหย่วนเฉาดึงสติคืนมาแล้วตะโกนเรียก “เจียงเฮ่อ…”
เจียงเฮ่อโผล่ออกมาจากซอกมุมใดก็สุดรู้ “มาแล้วขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาส่งใบสั่งยาให้เขา “ไปซื้อสมุนไพรตามใบสั่งยานี้”
“ขอรับ” เจียงเฮ่อพยักหน้าขานรับ เขาอดชายตามองเฉียวเจาไม่ได้
ใต้เท้าบอกว่าได้เจอคุณหนูหลีอีกทีจะไม่ละเว้นนางเป็นแน่มิใช่หรือ แต่รูปการณ์ตอนนี้ไม่เป็นเช่นที่ว่าสักเท่าไร ใต้เท้าเจอคุณหนูหลีแล้วเชื่อฟังนางทุกอย่างชัดๆ
ใต้เท้าแปลกไปมาก!
“หือ?” เจียงหย่วนเฉาเห็นเจียงเฮ่อทำสีหน้าชอบกลก็ส่งเสียงเตือนอย่างไม่พอใจ
เจียงเฮ่อถอนใจแล้วหมุนกายออกไป
เห็นทีจะเข้าตำราที่ว่าวีรบุรุษยากฝ่าด่านสาวงาม ใต้เท้าของเขาถูกตาต้องใจคุณหนูหลีเสียแล้ว
จบกันๆ ท่านผู้บัญชาการใหญ่รู้เข้า ใต้เท้าคงโดนถลกหนัง!
“ผู้ตรวจการสิงอยู่ที่ใด” เฉียวเจาอ้าปากถาม
เจียงหย่วนเฉายืนนิ่งไม่ขยับ เขาเอ่ยถามพร้อมอมยิ้มที่มุมปาก “หิวแล้วหรือยัง”
เฉียวเจากัดริมฝีปาก นางถามเขาว่าผู้ตรวจการสิงอยู่ที่ใด เขากลับถามนางว่าหิวแล้วหรือยัง
คนผู้นี้เจตนากระมัง
“ข้าพาท่านไปกินอาหาร” เจียงหย่วนเฉาไม่กล้าแตะแขนของนาง เพียงทำมือบอกให้นางออกเดิน
เขานึกว่าเด็กสาวตรงหน้าจะพูดตั้งแง่ว่า ‘ไม่หิว’ ก็คิดเตรียมคำพูดเกลี้ยกล่อมไว้ในใจอยู่แล้ว ไม่คาดว่านางกลับพยักหน้า “ได้”
กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงเจรจาเรื่องอื่น
เฉียวเจาคิดไม่ถึงว่าในเรือนสามัญธรรมดาหลังหนึ่งอย่างนี้ ข้าวปลาอาหารที่ตระเตรียมไว้กลับพร้อมพรักมาก ในนั้นยังมีเกี๊ยวไส้ปูของโปรดของนางด้วย
“มือท่านเป็นแผล อยากกินอะไร ข้าจะคีบให้”
“มิบังอาจ” เฉียวเจาจับตะเกียบคีบเกี๊ยวไส้ปู
สายตาของเจียงหย่วนเฉาทอประกายวูบ
หลังคุณหนูเฉียวช่วยเขาเอาไว้ เขาอดมิได้ที่จะไปสืบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาง ไม่ว่าเป็นเรื่องใดๆ ของนาง เขาล้วนอยากรู้ทั้งหมด
เขาจำได้ว่านางชอบกินเกี๊ยวไส้ปูมากที่สุด
อำเภอจยาเฟิงมีแม่น้ำลำคลองมาก พอถึงฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นเทศกาลกินปูทะเลสาบ ที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดต้องยกให้เกี๊ยวไส้ปูของหอวั่งเจียงในเมือง
ครั้งสุดท้ายที่คุณหนูเฉียวไปหอวั่งเจียงก่อนออกเรือน เขาซ่อนตัวอยู่ในที่ลับแอบมองอยู่ตลอด
ไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ เขาทำได้เพียงอวยพรนาง
ทว่าหญิงในดวงใจเขากลับต้องตายในแดนเหนือซึ่งปกคลุมด้วยหิมะหนาวเหน็บ นำกลับมาได้เพียงศพที่ยิ้มไม่ได้อีกต่อไป
เจียงหย่วนเฉามองดูเฉียวเจาราวกับจะมองลึกเข้าไปถึงใจนาง
นางหลุบตากินอาหารด้วยท่วงท่าสง่างาม
เจียงหย่วนเฉาเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำที่สุดในบรรดาคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่นางเคยพบเจอมา นางทำได้เพียงพยายามรักษาความได้เปรียบไว้ในจุดนี้ให้พอดิบพอดี ทั้งไม่ยอมรับว่านางคือเฉียวเจาที่ยืมศพคืนวิญญาณมาอยู่ในร่างหลีเจา ทั้งต้องทำให้เขาอดคิดไปในทางนั้นไม่ได้ด้วย
สิ่งที่นางไม่แน่ใจยิ่งกว่าคือเขาสามารถอ่อนข้อให้เฉียวเจาได้กี่ส่วน
บุญคุณช่วยชีวิตนั้นสำหรับบางคนแล้วขอตอบแทนจนวันตาย แต่สำหรับบางคนกลับไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำไป
การเดิมพันกับใจคนเดิมก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจมั่นใจได้มากที่สุด
“น้ำแกงหน่อไม้หมูรมควันโถนี้ก็ไม่เลวนะ” เจียงหย่วนเฉาตักน้ำแกงชามหนึ่งให้นาง
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่ม นางหยิบช้อนมาตักน้ำแกงชามหนึ่งแล้วเลื่อนไปตรงหน้าเขา พูดด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ “ใต้เท้าเจียงก็ดื่มด้วยสิ”
เขาอึ้งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยรอยยิ้ม “ได้ ข้าดื่มด้วย”
นางมองเขาดื่มน้ำแกงพร้อมกับแย้มปากยิ้ม