หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 513
บทที่ 513
เจียงหย่วนเฉาเป็นบุตรชายบุญธรรมคนโปรดของเจียงถัง ซ้ำยังเป็นว่าที่บุตรเขยของเขา ถ้าหากเซ่าหมิงยวนลงมือสังหารเจียงหย่วนเฉาตอนนี้ นั่นก็คือแตกหักกับเจียงถังโดยสิ้นเชิง
ยามนี้ฮ่องเต้หมิงคังยังต้องใช้เซ่าหมิงยวน อาจจะไม่กำจัดเขาในชั่วครู่ชั่วยาม แต่มีเจียงถังคอยเป่าหูบ่อยๆ ช้าเร็วก็ต้องเป็นดังคำกล่าวว่ากระต่ายม้วยย่างสุนัข
เฉียวเจารู้ว่าเซ่าหมิงยวนกำลังโกรธจัด แต่นางปล่อยให้เขาระบายอารมณ์ไม่ได้
พอนางตะโกนเรียกคำนี้เซ่าหมิงยวนกับเจียงหย่วนเฉาหันมามองพร้อมกัน
นางก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปยืนข้างกายเซ่าหมิงยวนพลางส่งยิ้มให้เจียงหย่วนเฉา “ใต้เท้าเจียงรั้งอยู่ที่นี่ต่อจะดีกว่านะ”
ถ้อยคำนี้แฝงนัยบางอย่างไว้ เจียงหย่วนเฉาย่อมฟังออกแล้ว ดวงตาที่มองเฉียวเจาอยู่ของเขาเปล่งประกายวูบหนึ่ง “ท่านอยากให้ข้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อหรือ”
เซ่าหมิงยวนย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ท่าทีและน้ำเสียงที่เจียงหย่วนเฉาแสดงต่อเฉียวเจาแปลกไปบ้าง ดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนกับแต่ก่อน เป็นเหตุให้เขาไม่สบอารมณ์โดยไม่รู้ตัว
“ใต้เท้าเจียงรู้สึกไม่สบายตรงนี้หรือไม่” เฉียวเจามองกลุ่มคนเต็มพรืดในลานเรือนแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับ ยกมือชี้จุดจุดหนึ่งบริเวณท้องของตนเอง
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงันไป เขายกมือกดจุดนั้นตามสัญชาตญาณ ความเจ็บปวดแล่นปราดมาฉับพลัน
นั่นเป็นความรู้สึกเจ็บคล้ายลำไส้ถูกบิด มาตรว่าจะแค่พริบตาเดียว กลับทำให้เขาเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
เขามองไปทางเฉียวเจาด้วยสีหน้าแววตาสงบนิ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นน้ำแกงชามนั้น?”
เฉียวเจามิได้ปฏิเสธ
ตราบเท่าที่มีความหวัง แม้เพียงริบหรี่นางก็จะไม่นั่งรอความตาย ยาพิษในน้ำแกงหน่อไม้หมูรมควันเป็นฝีมือนางเอง
เจียงหย่วนเฉายิ้มเยาะตนเอง “คุณหนูหลีเก่งกาจยิ่งนัก”
เขานึกว่านางยังมีความอ่อนโยนให้กับเขาอยู่บ้างเล็กน้อย ใครจะรู้ว่านางจะใจแข็งดุจหิน ใช้ทุกๆ โอกาสเล่นงานเขาให้ถึงที่ตาย
หากนางเป็นแค่หลีเจา ทำเช่นนี้กับเขาเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจกันได้
หากนางเป็นคุณหนูเฉียว…
เพียงคิดไปเช่นนี้เจียงหย่วนเฉาก็รู้สึกว่าเจ็บตรงหัวใจรุนแรงยิ่งกว่าอาการปวดบิดในท้อง ส่งผลให้เขาแทบหายใจไม่ออก
สุ้มเสียงเรียบเรื่อยของเด็กสาวดังขึ้น “พิษที่ใต้เท้าเจียงได้รับคือผงไส้ขาดเจ็ดทิวา หลังเจ็ดวันผ่านไปไม่มียาถอนพิษ ในท้องจะเน่าเฟะแหลกเหลวจนตาย นอกจากข้าแล้วในแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่มียาถอนพิษ ดังนั้นเห็นแก่ร่างกายของใต้เท้าเจียง ท่านอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพวกข้าดีหรือไม่”
เจียงหย่วนเฉายกมือกุมท้อง เขามองเฉียวเจาพร้อมรอยยิ้มหม่นๆ “ท่านว่าดีก็ดี”
“ใต้เท้า…” เจียงเฮ่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเจียงหย่วนเฉาทำสีหน้าไม่ดี เขาจึงเปล่งเสียงเรียกด้วยความกังวลเป็นห่วง
เจียงหย่วนเฉายกมือส่งสัญญาณไปทางลานเรือน คนที่อยู่ตรงนั้นก็ล่าถอยหายไปคนละทิศละทางดุจน้ำลงประหนึ่งว่ามิเคยปรากฏตัวมาก่อน
เซ่าหมิงยวนจับตามองความเคลื่อนไหวของคนพวกนั้นด้วยท่าทางครุ่นคิด
การปฏิบัติการของคนกลุ่มนี้มีแบบแผนไม่ใคร่เหมือนกับกององครักษ์จินหลิน
ชายหนุ่มเก็บข้อกังขานี้ไว้ในใจ เขาจูงมือเฉียวเจาไว้ “ใต้เท้าเจียงพักผ่อนตามสบายเถอะ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับคุณหนูหลี”
เจียงหย่วนเฉามองเฉียวเจาปราดหนึ่ง เห็นนางยอมให้บุรุษกุมมือไว้อย่างว่าง่ายเช่นนี้ ทั้งยังคิดถึงเสียงเรียกขานว่า ‘ถิงเฉวียน’ คำนั้น เขาก็รักษารอยยิ้มตรงมุมปากไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
เขานึกขึ้นได้แล้ว ตอนกวนจวินโหวแห่ศพภรรยาผู้ล่วงลับไปฝังเมื่อหลายเดือนก่อน นางไล่กวดตามขบวนแห่ศพไปตลอดทาง วิ่งไปร้องไห้ไปพร้อมกับจ้องมองคุณชายใหญ่สกุลเฉียวไม่วางตา
ตอนนั้นเขาก็เอะใจแล้วถึงอดถามนางว่าเพราะอะไรไม่ได้ แต่นางตอบว่าเพราะคุณชายใหญ่สกุลเฉียวรูปงามหล่อเหลา
เขารู้ในประเดี๋ยวนั้นว่าแม่นางน้อยผู้นี้มิได้พูดความจริง ทว่าคิดหาเหตุผลไม่ออก ตอนนี้เขาแน่ใจได้แล้วว่าเพราะนางคือคุณหนูเฉียวใช่หรือไม่
ฉะนั้นถึงได้กระทำตัวผิดชาวบ้านอย่างนั้น
แต่ว่าเหตุใดนางกับกวนจวินโหวถึงอยู่ด้วยกัน หรือจะบอกว่านางไม่ถือสาหาความกับลูกธนูดอกนั้นของกวนจวินโหวแม้แต่น้อยนิด
เมื่อเซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาเดินไปทางห้องอื่น เจียงหย่วนเฉาจึงเอนกายพิงผนังแล้วหลับตาลง
นางให้อภัยคนที่คร่าชีวิตนางไป แต่กลับแล้งน้ำใจกับเขาถึงเพียงนี้จะให้เขาทานทนอย่างไรไหว
“ใต้เท้า…”
เจียงหย่วนเฉาลืมตาขึ้น ความเจ็บปวดอย่างลึกล้ำถูกบดบังไว้ใต้แววตานิ่งเฉย เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “อย่ากวนใจข้า ไสหัวออกไป”
เจียงเฮ่อไสหัวออกไปนั่งถอนหายใจบนขั้นบันไดหน้าประตูอย่างคับข้องใจเต็มอก
เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาเข้าไปในอีกห้องหนึ่งแล้วกอดนางไว้ทันที เขาสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ซุกใบหน้าในซอกคอนางไม่กล่าววาจาเนิ่นนาน
สุดท้ายเฉียวเจาผลักเขาเบาๆ “ถิงเฉวียน หมดเรื่องแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้นกลับเห็นรอยจ้ำเขียวบนเรียวคอขาวผ่องของเด็กสาว สายตาเขาปึ่งชาไปในพริบตา “เขาทำใช่หรือไม่”
เฉียวเจายกมือลูบคอโดยไม่ทันคิด แขนเสื้อก็ไหลเลื่อนลงอวดท่อนแขนกลมกลึง บนข้อมือมีรอยฟกช้ำดำเขียวดุจเดียวกัน
เซ่าหมิงยวนคว้ามือนางขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงจุมพิตตรงข้อมืออย่างทะนุถนอม หัวใจปวดหนึบอย่างยากจะบรรยาย
ทันทีที่คิดถึงว่าสตรีที่เขาเห็นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าเกือบต้องมีอันเป็นไป เขาก็อยากเอามีดแทงตนเองซ้ำๆ ใจจะขาดถึงจะบรรเทาความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเจียนคลั่งนั่นลงได้
น้ำตาอุ่นจัดหยดลงต้องข้อมือเฉียวเจา นางตกใจยกหนึ่งก่อนจะพูดพึมพำขึ้น “ถิงเฉวียน ท่านร้องไห้หรือ”
เซ่าหมิงยวนเหลือบตาขึ้น ในดวงตาที่เห็นเส้นเลือดฝอยขึ้นเต็มตาขาวฉาบด้วยม่านน้ำตาใส
เขายกมือขึ้นเช็ดออกพลางเอ่ยเสียงแหบแห้ง “ไม่ได้ร้อง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันไหลออกมาเอง”
เขาจับมือเฉียวเจาขึ้นมาถูไถกับริมฝีปาก “เจาเจา เป็นเพราะข้าคนเดียวที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว”
เฉียวเจาเป็นฝ่ายยกแขนโอบเอวชายหนุ่มไว้ พูดทอดถอนใจเบาๆ “คนโง่ มีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่จะเก่งไปเสียทุกอย่าง ท่านอย่าตำหนิตนเองเลย ใครจะคาดคิดได้ว่าเจียงหย่วนเฉาจับตาดูพวกเราแต่แรกแล้วเล่า”
นางสังหรณ์ใจว่าวันหน้าคงต้องเกี่ยวข้องพัวพันกับเจียงหย่วนเฉาอย่างหนีไม่พ้น แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ นางหาได้นึกเสียใจภายหลังไม่
ถ้าตอนนั้นไม่บอกตัวตนแท้จริงของนางเป็นนัยๆ กับเจียงหย่วนเฉา เวลานี้นางคงตายอีกครั้งหนึ่งไปนานแล้ว
“ท่านตามหามาถึงที่นี่ได้อย่างไร” พอได้พิงซบแผงอกกว้างของชายหนุ่ม เฉียวเจาเพียงรู้สึกอุ่นใจสุดจะเปรียบ
“พอเสร็จงานแล้ว ข้ารีบเร่งขี่ม้าไปยังที่ที่นัดหมายกับพวกเจ้าโดยไม่หยุดพัก พบว่าพวกเจ้ายังมาไม่ถึงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบพามากล ข้าเลยย้อนกลับไปตามหา เห็นสัญลักษณ์พิเศษที่เฉินกวงทำทิ้งไว้ แล้วยังพบจุดที่เกิดการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ข้าเสาะหาไปตามร่องรอยที่เหลืออยู่จนได้เจอองครักษ์จินหลินผู้นั้นไปซื้อยาพอดี ข้าจึงตามเขามา”
เฉียวเจากระชับวงแขนแน่นขึ้น
เซ่าหมิงยวนพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่นางรู้ว่าเขาต้องลำบากสาหัสสากรรจ์ปานใด
เขากลับไปสะสางงานที่เมืองฝูซิงแล้วรีบเร่งมาที่ที่นัดหมายกับพวกนาง จากนั้นยังต้องย้อนกลับมาตามหาพวกนางอีก เขาทำทั้งหมดนี้ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่เหลือแรงกายแรงใจอดทนมาถึงตอนนี้แต่แรกแล้ว
เซ่าหมิงยวนยังคงไม่อาจสลัดความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจทิ้งไปได้ เขาเอ่ยถามเสียงสั่น “เจียงหย่วนเฉาคิดจะลงมือสังหารเจ้าใช่หรือไม่”
เฉียวเจาพยักหน้าเบาๆ “เขาจะพาตัวผู้ตรวจการสิงไป คงเห็นว่าข้ารู้อะไรๆ มากเกินไปเลยจะฆ่าข้ากับเฉินกวง ท่านก็จะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครแล้ว”
เซ่าหมิงยวนแข็งเกร็งไปทั้งร่าง นานครู่ใหญ่ถึงเอ่ยเสียงแหบเครือ “สักวันข้าต้องฆ่าเขาแน่”
เฉียวเจาสั่นศีรษะ “ช่างเถอะ อย่างนั้นก็ต้องกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกับเจียงถัง ปัญหาจะยิ่งมากขึ้น”
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า” เซ่าหมิงยวนกล่าวคำนี้แล้วนิ่งเงียบไปนาน ท้ายที่สุดเขามิได้ถามว่าเหตุใดเจียงหย่วนเฉาถึงไว้ชีวิตนาง
เขาเป็นบุรุษย่อมจะรับรู้ได้ว่าเจียงหย่วนเฉามีความรู้สึกฉันชายหญิงกับเจาเจา แล้วเขาจะหักใจถามเรื่องนี้ขึ้นมาให้เจาเจาต้องอับอายได้เช่นไรเล่า
สำหรับบุรุษที่แอบหมายปองภรรยาของเขา ช้าเร็วเขาต้องคิดบัญชีนี้กับมันผู้นั้นแน่!