หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 514
บทที่ 514
“ถิงเฉวียน งานของท่านเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
“เรียบร้อยแล้ว เจ้าวางใจเถอะ” เซ่าหมิงยวนลูบข้อมือเฉียวเจาเบาๆ “ยังเจ็บหรือไม่”
เฉียวเจาส่ายหน้า “ไม่เจ็บแล้ว”
นางแหงนหน้ามองบุรุษที่มีสีหน้าเหนื่อยล้าจากการเดินทางแล้วแย้มปากยิ้ม “นอกจากเจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ ในตอนแรก ข้าก็ได้กินอิ่มนอนหลับ ยังได้กินเกี๊ยวไส้ปูกับน้ำแกงหน่อไม้หมูรมควันด้วย…”
เซ่าหมิงยวนรวบตัวนางมาแนบอก “ข้าเห็นศพบนต้นไม้”
ถ้อยคำเดียวทำให้เฉียวเจานิ่งงันไปอย่างสุดระงับ
เรียวปากอุ่นจัดของบุรุษพรมจูบลงบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงของนางเบาๆ ดุจสายฝนพรำ “ตอนนั้นข้านึกว่าหัวใจตนเองหยุดเต้นไปแล้ว…”
เฉียวเจาเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของชายหนุ่มแล้วกลั้นยิ้มไม่อยู่ “ข้าถึงว่าเหตุใดท่านหน้าบวม ท่านตีตนเองใช่หรือไม่”
ใบหูของเซ่าหมิงยวนแดงเรื่อด้วยความกระดากอาย เขาพูดอ้อมแอ้ม “ไม่ทันระวังไปชนกับต้นไม้”
ชนต้นไม้จนหน้าบวม?
แม่นางเฉียวไม่เปิดโปงคำเท็จ นางแอบอิงในอ้อมอกของเซ่าหมิงยวนอย่างรู้สึกโชคดีเหลือเกิน
ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางล้วนปลอดภัย ขอเพียงกลับถึงเมืองหลวงอย่างราบรื่น การเดินทางคราวนี้ก็ไม่สูญเปล่าแล้ว
เซ่าหมิงยวนสวมกอดนางไว้ ในใจเขาจะไม่รู้สึกโชคดีได้เช่นไร เขาวางปลายคางบนเรือนผมนาง พูดกระซิบกระซาบว่า “เจาเจา วันหน้าไม่ให้เจ้าอยู่ห่างจากข้าอีกแล้ว”
เฉียวเจาอยู่นิ่งๆ ให้เขากอดตามสบาย นางเอ่ยเสียงเบา “ข้าไม่อยากแยกจากท่านอีกเช่นกัน”
นางกัดริมฝีปาก เผยความอ่อนแอออกมาต่อหน้าบุรุษในดวงใจในที่สุด “ถิงเฉวียน ตอนนั้นข้ากลัวเหลือเกิน…”
เซ่าหมิงยวนปวดใจเจียนตาย เขาพร่ำพูดซ้ำๆ “เป็นข้าไม่ดีเองๆ…”
เขาก้มลงจูบปากเฉียวเจาที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างห้ามใจไม่อยู่ แต่ถูกนางผลักออก
เฉียวเจาหน้าแดงพลางมองค้อนเขา “รีบล้างหน้าล้างตาเถอะ หลับสักตื่นแล้วค่อยว่ากัน”
จูบข้าทั้งที่ยังแปลงโฉมเป็นคนแปลกหน้าอยู่ น่าตะขิดตะขวงเกินไปแล้ว
เซ่าหมิงยวนก็รู้เหตุผลที่เฉียวเจาปฏิเสธตน เขาจึงพูดกลั้วเสียงหัวเราะแผ่วๆ “ข้าไปล้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย”
ชั่วครู่ต่อมานางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็หมุนกายขวับ รอยยิ้มตรงมุมปากเลือนหายไปเมื่อเห็นผู้มาถึง นางกล่าวเสียงเรียบ “ใต้เท้าเจียง”
เจียงหย่วนเฉายืนอยู่หน้าประตูเพ่งมองดวงหน้าของเด็กสาว
ก่อนหน้านี้ไม่นานใบหน้าของสตรีเบื้องหน้ายังซีดขาวราวหิมะ แต่ตอนนี้กลับคล้ายแต้มชาดสีแดงไว้ชั้นหนึ่ง งดงามจนชวนให้หลงใหล
นี่เป็นเพราะกวนจวินโหวใช่หรือไม่
เฉียวเจาไม่ชมชอบเป็นอันมากที่คนผู้นี้มองตนด้วยสายตาขุ่นมัวชอบกลเช่นนั้น นางมุ่นคิ้วเอ่ยถาม “ใต้เท้าเจียงมีธุระอันใดหรือ”
“ท่านกับกวนจวินโหว…”
เฉียวเจาตีหน้าขรึมเล็กน้อย “นี่น่าจะมิใช่กงการอะไรของใต้เท้าเจียง”
“เขาสังหารภรรยาของตนเองกับมือ!” เจียงหย่วนเฉาโพล่งออกมา
“นั่นก็มิใช่กงการอะไรของใต้เท้าเจียง” เฉียวเจาพูดอย่างเย็นชา
“ท่านไม่กลัวหรือ”
“กลัวอะไร” เซ่าหมิงยวนเดินเข้ามา ใบหน้าเขาละม้ายฉาบด้วยน้ำแข็ง
ข้าไปล้างหน้าครู่เดียว เจ้าคนผู้นี้ก็เข้ามาพูดคุยกับเจาเจาแล้ว หึ!
เจียงหย่วนเฉามิได้สุภาพมีมารยาทกับเซ่าหมิงยวนปานนั้นอย่างเห็นได้ชัด เขากล่าวด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “กลัวว่าท่านโหวจะไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีน่ะสิ”
เซ่าหมิงยวนหัวร่อเบาๆ “เรื่องนี้คงไม่รบกวนให้ใต้เท้าเจียงต้องเป็นกังวล หรือว่าใต้เท้าเจียงอยากเรียนรู้วิธีทะนุถนอมสตรี”
เจียงหย่วนเฉามองเขาอย่างเหยียดหยาม พูดอย่างปราศจากความเกรงใจ “ไม่ใช่ว่าข้าจะดูแคลนท่านโหว แต่ในด้านนี้ถึงข้าหลับตายังทำได้ดีกว่าท่าน”
ใบหน้าของเซ่าหมิงยวนไร้รอยกระเพื่อมไหวของอารมณ์ เขาเอ่ยถามอย่างเยือกเย็นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดใต้เท้าเจียงไม่กลับเมืองหลวงโดยไว จะได้ไปพะเน้าพะนอเอาใจคู่หมั้นให้มากๆ เล่า”
“ท่าน…” เจียงหย่วนเฉาทำหน้าบึ้งตึง
เซ่าหมิงยวนมองเขาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
เจียงหย่วนเฉาเบนสายตาไปมองเฉียวเจา พอเห็นสีหน้าเฉยเมยของเด็กสาวแล้วเขาก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
เขาประชันกับเซ่าหมิงยวนแล้วจะมีอันใดเล่า เพียงเพราะนางไม่ชมชอบ เขาก็พ่ายแพ้แล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ในใจของเจียงหย่วนเฉาก็เหลือแต่ความปวดร้าวระคนอัดอั้น เขาเดินออกไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาสักคำ
เซ่าหมิงยวนดึงสายตากลับแล้วงับประตูปิดทันที
เจียงหย่วนเฉาได้ยินเสียงปิดประตูลอยมาก็ยืนอยู่ข้างนอกชั่วครู่
เจียงเฮ่อขยับเข้ามาหา “ใต้เท้า…”
“ไสหัวไป” เจียงหย่วนเฉาสาวเท้าก้าวใหญ่จากไป
เจียงเฮ่อลูบจมูกอย่างไม่เก็บมาใส่ใจ
ติดตามใต้เท้ามานานแล้ว หากวันใดไม่ได้ยินท่านบอกให้ข้าไสหัวไป ข้ายังจะนอนไม่หลับด้วยซ้ำไป
“ถิงเฉวียน…”
เฉียวเจาเพิ่งอ้าปากพูด บุรุษที่อยู่ตรงประตูก็ดึงตัวนางไปแล้วก้มหน้าลงประกบปิดปากนางไว้
เฉียวเจาดิ้นขลุกขลักตามสัญชาตญาณ แต่พอกลิ่นกายเจือไว้ด้วยกลิ่นใบป้อเหอที่หอมสดชื่นของชายหนุ่มชำแรกเข้าโพรงจมูกก็ทำให้นางลืมขัดขืนเสียแล้ว ปล่อยให้เขารุกล้ำยึดครองอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม สุดท้ายก็ตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนเขา นางจำต้องยื่นสองแขนออกไปกอดเอวเขาไว้ถึงไม่ไถลล้มลง
“เจาเจา…” เซ่าหมิงยวนเอาริมฝีปากบดเบียดกลีบปากหอมหวนของนางพลางละเลียดขบเม้ม ตักตวงความหอมหวานของนางทุกซอกมุม เขาพูดเสียงอู้อี้ว่า “วันหน้าอยู่ห่างจากคนคนนั้นให้ไกลๆ”
“หือ?” กลิ่นอายเฉพาะตัวของบุรุษที่ห้อมล้อมรอบตัวเป็นเหตุให้ท่าทีตอบสนองของเฉียวเจาเชื่องช้าลงบ้าง
เซ่าหมิงยวนผละจากปากนางไปจูบเรียวคอขาวผ่องเบาๆ รอยฟกช้ำดำเขียวบนนั้นทำให้เจ็บปวดหัวใจอย่างหนักหน่วง “ข้าหมายถึงเจียงหย่วนเฉา…วันหน้าอยู่ห่างๆ จากเขา…คนผู้นั้นคิดไม่ซื่อ…”
“ข้ารู้แล้ว…” เฉียวเจาผลักเขาออกอย่างขัดเขิน “ท่านรีบไปนอนพัก ตาแดงก่ำหมดแล้ว”
เซ่าหมิงยวนหอบหายใจน้อยๆ เขาลอบสงบอารมณ์ลง “อื้อ ข้าจะนอนเดี๋ยวนี้เลย เจาเจา เจ้าอยู่…”
เฉียวเจาหยิกเขาทีหนึ่งแล้วพูดดุ “พูดจาเหลวไหลอะไร”
เขาโดนหยิกก็ทำหน้าเหลอหลา กะพริบตาปริบๆ พลางพูดว่า “ข้าหมายถึงเจ้ารอข้าหลับแล้วค่อยออกไป มีเจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าก็สบายใจ”
ชายหนุ่มพูดถึงตรงนี้แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ “เจาเจา เจ้าคิดไปถึงที่ใดกัน”
เฉียวเจารู้ตัวว่าเข้าใจผิดก็ขึงตาใส่เขาอย่างกระดากอาย
เซ่าหมิงยวนถอดรองเท้าแล้วนอนลงบนเตียง “เจาเจา ข้าจะนอนสักครู่ เจ้าอย่าลืมปลุกข้า…”
“รู้แล้ว ท่านรีบนอนเถอะ” เฉียวเจาพูดจบครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงลมหายใจยาวเหยียดทอดสม่ำเสมอลอยมา
นางพิศดูบุรุษที่พอศีรษะถึงหมอนก็หลับไป แล้วอดมิได้ที่จะยื่นมือออกไปลากไล้ตามเค้าโครงใบหน้าเขาทีละนิด
เส้นสายเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาสมส่วนไร้ที่ติ คมเข้มประหนึ่งงานแกะสลัก แพขนตาดกหนาดุจปีกผีเสื้อทอดเงาเป็นแนวโค้งอยู่ใต้ขอบตา ดวงหน้าสุขสงบยามนิทราทำให้ชายหนุ่มแลดูอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้น
เฉียวเจามองดูเขาเงียบๆ แล้วรู้สึกใจอ่อนยวบยาบไปหมด นางก้มหน้าลงไปจูบแก้มเขาเบาๆ ทีหนึ่งอย่างห้ามใจไม่อยู่แล้วถึงลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวัน
เฉินกวงฟื้นแล้ว น่าเสียดายที่มีผ้าพันแผลไปทั้งตัว เขานอนอยู่บนเตียงขยับเขยื้อนไม่ได้อย่างน่าสงสาร
เจียงเฮ่อป้อนข้าวเฉินกวงอย่างคับแค้นใจ เขาป้อนไปพลางบ่นอุบอิบไปพลาง “ตอนนั้นฆ่าให้ตายไปเสียก็สิ้นเรื่อง ตอนนี้ยังต้องให้ข้าป้อนข้าว ลำดับต่อไปก็ต้องอาบน้ำเช็ดตัวให้เขาใช่หรือไม่ ไม่สมควรเลยจริงๆ!”
เฉินกวงปรายตามองเขา พูดอย่างหัวเสียว่า “ข้าแค่ขยับตัวไม่ได้ ไม่ใช่หูหนวก”
เจียงเฮ่อทำปากเบะ “ได้ยินแล้วจะมีเหตุใดเล่า แน่จริงก็กระโดดขึ้นมากัดข้าสิ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฉินกวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห
เวลานี้เองเซ่าหมิงยวนเดินเข้ามา เฉินกวงบุ้ยปากพูดฟ้อง “ท่านแม่ทัพ ผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเจียงกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านขอรับ”
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะให้เจียงเฮ่อเล็กน้อย “รบกวนแล้ว”
“ท่านแม่ทัพ…” เฉินกวงไม่พอใจอยู่มาก
เซ่าหมิงยวนชายตามองเฉินกวงแล้วยื่นมือไปแบะสาบเสื้อเขา “อยู่เฉยๆ เปลี่ยนยาได้แล้ว!”
เฉินกวงสูดปากด้วยความเจ็บ “ท่านแม่ทัพ เบาหน่อยสิขอรับ”
ยังคงเป็นคุณหนูหลีที่มือเบานุ่มนวล ใครจะรู้ว่าหลังจากท่านแม่ทัพเห็นเข้าก็อาสารับหน้าที่นี้ไว้เอง
ข้าอยากเปลี่ยนคน!
ฝันไปเถอะ ท่านแม่ทัพส่งสายตาให้คำตอบองครักษ์น้อยอย่างไร้ไมตรี