หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 519
บทที่ 519
มาตรว่าอำเภอจยาเฟิงจะน่าอยู่ แต่พวกเฉียวเจากลับรั้งอยู่นานมิได้ พอจัดขบวนเดินทางใหม่ได้สองวันก็ตัดสินใจเดินทางกลับเมืองหลวง
เพลานี้เองในกระท่อมที่หมอเทวดาหลี่อาศัยอยู่บังเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ชายชราที่เคราไหม้เกรียมวิ่งไอสำลักออกมา ยังมีเศษฟางติดตามเส้นผมมากมาย
เฉียวเจาสะดุ้งตกใจ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้เขา “ท่านปู่หลี่ ท่านไม่เป็นไรกระมัง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่โบกมือไปมา “ไม่เป็นไรๆ แต่กระท่อมไม่แข็งแรงทนทานเอาเสียเลย ตอนนั้นน่าจะก่อเรือนด้วยหิน…เอ๊ะ! แม่หนูเจากลับมาตั้งแต่เมื่อไร”
นางยิ้มอย่างจนปัญญา “กลับมาสองวันแล้วเจ้าค่ะ เห็นท่านไม่ออกมาเสียที กำลังเตรียมจะมากล่าวอำลากับท่าน”
หมอเทวดาหลี่นิ่งงันไป “จะไปเร็วอย่างนี้เลยหรือ”
“อยากกลับไปฟื้นคดีเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวโดยไวเจ้าค่ะ”
หมอเทวดาหลี่ยกมือขยุ้มๆ ผมพลางพูดตำหนิ “รีบร้อนเดินทางถึงเพียงนี้ ไฉนเจ้าไม่บอกข้าล่วงหน้า”
เฉียวเจาคลายยิ้ม “เวลาท่านศึกษาอะไรอยู่ จะรำคาญคนที่มารบกวนมากที่สุดมิใช่หรือเจ้าคะ ว่าแต่เรื่องที่ท่านปู่หลี่ศึกษาอยู่มีความคืบหน้าหรือไม่”
หมอเทวดาหลี่ได้ยินแล้วชอบอกชอบใจ “คืบหน้าเล็กน้อย ข้ากำลังสกัดยารักษาไข้ป่าชนิดหนึ่ง…”
ชายชราบอกด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง เฉียวเจาก็อมยิ้มรับฟัง
รอจนเขาพูดจบเซ่าหมิงยวนที่อยู่ด้านข้างถึงกระแอมกระไอเบาๆ เสียงหนึ่ง “ท่านหมอเทวดา จะไปล้างเนื้อล้างตัวผลัดชุดหรือไม่ขอรับ”
หมอเทวดาหลี่เบิกตากว้างกะทันหัน เขาพูดอย่างงุนงง “ท่านโหวมาเมื่อไรกัน”
เซ่าหมิงยวนแหงนหน้ามองฟ้าเงียบๆ เขาสูงเลยศีรษะเจาเจามาเป็นคืบ คนตัวโตสูงใหญ่ถึงเพียงนี้ หมอเทวดาหลี่กลับมองไม่เห็น?
เฉียวเจากลั้นยิ้มไม่อยู่ แต่ไรมายามท่านปู่หลี่ศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาแพทย์จะมีสมาธิจดจ่อไม่ว่อกแว่ก ท่านจะมองข้ามคนทั้งคนอย่างเซ่าหมิงยวนไปก็ไม่แปลกประหลาด
“กินข้าวเสร็จก็จะไปแล้วหรือ” หมอเทวดาหลี่ถามพลางเดินออกไปข้างนอก
คนทั้งกลุ่มมาถึงหอสุราใหญ่ที่สุดของตำบลไป๋อวิ๋น
สุราอาหารเตรียมไว้พร้อมสรรพแต่แรก หลังดื่มสุราลงท้องไปหลายจอก หมอเทวดาหลี่ก็เริ่มเมา เขาหรี่ตาพิศดูเฉียวเจากับเซ่าหมิงยวน ประเดี๋ยวก็รู้สึกพึงพอใจประเดี๋ยวก็รู้สึกโมโหอยู่บ้าง
“ท่านปู่หลี่ ท่านดื่มเพลาๆ ลงสักนิดนะเจ้าคะ” เฉียวเจาเอ่ยเตือน
ชายชราจิบสุราคำหนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาหยีว่า “เห็นพวกเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ข้าเลยดีใจ พอดีใจก็ต้องดื่มสุรา”
“มิใช่ไม่ให้ท่านดื่ม แค่ดื่มให้น้อยลงหน่อยเจ้าค่ะ”
หมอเทวดาหลี่มองเฉียวเจาพลางหัวเราะร่วน เขาหัวเราะครู่หนึ่งจู่ๆ ก็มองไปทางเซ่าหมิงยวน “ท่านโหว จะเชิญตาเฒ่าผู้นี้ดื่มสุรามงคลเมื่อไรมิทราบ”
ชายหนุ่มชำเลืองมองนางแวบหนึ่งอย่างฉับไวก่อนพูดยิ้มๆ ด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ปีหน้าขอรับ”
หมอเทวดาหลี่ได้ยินแล้วหุบยิ้มทันควัน เขาถามเฉียวเจา “ปีหน้าหรือ”
ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ “ท่านอย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล”
หมอเทวดาหลี่เห็นแล้วไม่เข้าที คนอื่นอาจไม่รู้นิสัยแม่หนูเจาแต่เขารู้จักนางดี คำพูดของกวนจวินโหวมีโอกาสแปดถึงเก้าในสิบส่วนว่าจะเป็นความจริงแล้ว
ปีหน้าแม่หนูเจาเพิ่งย่างสิบสี่ ไฉนถูกเจ้าหนุ่มตัวเหม็นผู้นี้ล่อลวงไปแล้วเล่า
ไม่ได้ ข้าต้องคุยกับเจ้าหนุ่มตัวเหม็นนี่ให้รู้เรื่อง
หมอเทวดาหลี่วางจอกสุราลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านโหว ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย”
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นตาม เฉียวเจาสังเกตเห็นได้อย่างเฉียบไวว่ากิริยาอาการของคนบางคนแฝงรอยประหม่าไว้อย่างบอกไม่ถูก
นางคาดเดาไม่ออกว่าหมอเทวดาหลี่จะพูดอะไรบ้าง แต่อดรู้สึกขบขันไม่ได้
ท่านปู่หลี่ไม่กินคนเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเขาตื่นเต้นอะไรอยู่
ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง สายลมเย็นเฉียบช่วยขับไล่ฤทธิ์สุราออกไปทำให้สมองแจ่มใสขึ้น
หมอเทวดาหลี่ชายตามองชายหนุ่มท่าทางเคารพนอบน้อมเบื้องหน้า
เขามีเรือนกายสูงชะลูด นัยน์ตาสีดำเป็นประกายดุจอัญมณี แววตากระจ่างใสชวนให้คนที่มองเห็นรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม
ท่ามกลางอากาศหนาวเยือกของต้นฤดูหนาว หมอเทวดาหลี่เอ่ยปากขึ้น “ใคร่ครวญดีแล้วหรือว่าจะตบแต่งแม่หนูเจาเป็นภรรยาอีกครั้ง”
“ใคร่ครวญดีแล้วและไม่มีวันเปลี่ยนใจขอรับ” เซ่าหมิงยวนกล่าวตอบอย่างจริงจัง
หมอเทวดาหลี่พยักหน้า เขาเพ่งมองบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นี้ กระแอมกระไอให้คอโล่งก่อนกล่าว “ท่านโหวแก่กว่าแม่หนูเจาไม่น้อยกระมัง”
“แค่กๆๆ” ด้วยไม่คาดว่าหมอเทวดาหลี่จะไต่ถามเรื่องนี้ เซ่าหมิงยวนไอจนสำลักยกหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว
หมอเทวดาหลี่วางสีหน้าเป็นปกติดุจเก่า กล่าววาจาทิ่มแทงใจเซ่าหมิงยวนต่อไป “แม่หนูเจาเพิ่งสูงแค่หน้าอกเจ้าเองนะ”
“แค่กๆๆ” ท่านแม่ทัพหนุ่มไออย่างรุนแรงขึ้น เขามองหมอเทวดาหลี่พลางขยับปากทำท่าอึกๆ อักๆ
“อยากพูดอะไร”
“จริงๆ เจาเจาสูงเลยหน้าอกข้าไปแล้วขอรับ” คนบางคนเอ่ยแก้ขึ้น
หมอเทวดาหลี่ปั้นหน้าตึง “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้แม่หนูเจายังอายุน้อย เข้าฤดูใบไม้ผลิก็เพียงเพิ่งจะสิบสี่ ส่วนเจ้าอายุตั้งยี่สิบสองแล้ว”
เซ่าหมิงยวนทำหน้างงงัน หมอเทวดาหลี่ไม่อยากให้เจาเจาออกเรือนกับเขาเพราะเขาอายุมากเกินไปหรือ
“ตามหลักแล้วนะ เรื่องนี้ไม่ควรเป็นข้าพูด แต่แม่หนูเจามีข้าผู้นี้เป็นผู้อาวุโสในครอบครัวเหลืออยู่คนเดียวแล้ว ข้าต้องกำชับกำชาท่านโหวไว้สักคำจะดีกว่า”
“ท่านหมอเทวดาชี้แนะสั่งสอนได้เต็มที่ขอรับ”
ใบหน้าของหมอเทวดาหลี่แดงเรื่อเพราะดื่มสุราเข้าไป แต่สายตาแจ่มกระจ่างเสียยิ่งกว่าก่อนดื่มสุรา
เขากวักมือบอกให้ชายหนุ่มร่างสูงชะลูดเข้ามาใกล้ๆ
เซ่าหมิงยวนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางน้อมรับฟัง
“ร่างนี้ของเจาเจาบอบบางกว่าสตรีทั่วไปมาแต่กำเนิด เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัยของนาง ท่านโหวจะให้นางตั้งครรภ์ก่อนอายุสิบแปดไม่ได้” หมอเทวดาหลี่ทำตาปรือๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
เซ่าหมิงยวนหน้าแดงก่ำไปหมดทันควัน
“ท่านโหวทำได้หรือไม่” หมอเทวดาหลี่ชายตามองชายหนุ่มที่มีสีหน้าเก้อเขิน กระดากอายแล้วมีประโยชน์อันใด สิ่งที่เขาต้องการคือคำรับรอง!
“ท่านหมอเทวดาวางใจได้ ข้าไม่มีทางกระทำเรื่องที่ทำให้เจาเจาเป็นอันตรายขอรับ”
“ได้อย่างนั้นก็ดี” หมอเทวดาหลี่โล่งอกเล็กน้อย เขาลูบเคราที่โดนไฟไหม้เกือบหมด “มีคำกล่าวนี้ของท่านโหว ข้าก็สบายใจแล้ว เอาล่ะ ท่านโหวเข้าไปเถอะ เรียกแม่หนูเจาออกมา ข้ามีบางอย่างจะพูดกำชับนาง”
เซ่าหมิงยวนเดินเข้าห้องไป ไม่นานนักก็สลับเป็นเฉียวเจาออกมา
“ท่านปู่หลี่”
“พวกเจ้าใกล้ออกเดินทางเต็มทีแล้ว ท่านปู่หลี่ก็จะพูดเสียตอนนี้เลย แม่หนูเจา เจ้าหนุ่มนั่นนิสัยใจคอไม่เลว ในเมื่อเจ้ายอมออกเรือนกับเขาอีกครั้งหนึ่งก็ลืมเลือนเรื่องในอดีตไปเสีย”
เฉียวเจาอมยิ้มพลางพยักหน้า “ท่านปู่หลี่วางใจได้ ข้าเข้าใจแล้วว่าต้องทำอย่างไรเจ้าค่ะ”
พอเห็นนางรับคำทันที หมอเทวดาหลี่ก็ยิ้มออกแล้ว “อย่างไรรึ ไม่ขว้างต้นกระบองเพชรใส่แล้วหรือ”
ตอนนั้นเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวนไปเวียนมาแม่หนูเจายังคงลงเอยกับเด็กที่สหายเก่าเห็นแววดีผู้นั้นดังเดิม
“แม่หนูเจา ฟังคำท่านปู่หลี่ไว้นะ ตอนที่สมควรขว้างก็ต้องขว้าง ถ้าเจ้าหนุ่มนั่นคิดจะรับอนุเอย สาวใช้ห้องข้างเอย เจ้าอย่าได้เอาอย่างคุณหนูตระกูลใหญ่สมองเลอะเลือนพวกนั้น แสร้งทำเป็นศรีภรรยาอะไร ขว้างให้เจ้าหนุ่มนั่นได้สติก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่ได้ผลท่านปู่หลี่เตรียมยาพิษที่กินแล้วไม่ตายให้เจ้าไว้ เอาไปใช้เล่นงานเจ้าหนุ่มนั่นให้เต็มที่…”
เฉียวเจาหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ “ท่านปู่หลี่สบายใจได้เจ้าค่ะ เขาไม่ทำอย่างนั้นแน่”
นางปรารถนาความรักแบบท่านปู่ท่านย่าที่เป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน จับมือเคียงคู่กันไปชั่วชีวิต มิใช่อย่างท่านแม่ที่พอเข้าสู่วัยกลางคนก็เป็นฝ่ายจัดแจงรับอนุให้ท่านพ่อเอง
ถ้าเซ่าหมิงยวนเป็นคนที่จะรับอนุล่ะก็ นางไม่มีทางออกเรือนกับเขาเด็ดขาด
การแยกจากกันเป็นเรื่องน่าเศร้าเสมอ เมื่อกลุ่มของเฉียวเจาขึ้นเรือซึ่งจอดอยู่ตรงท่าเรือไปแล้ว จวบจนใบหน้าของคนบนฝั่งค่อยๆ เลือนรางขึ้นทีละน้อย ยังคงมองเห็นหมอเทวดาหลี่โบกมือให้พวกนาง
“เจาเจา ท่านหมอเทวดาพูดอะไรกับเจ้าหรือ” เซ่าหมิงยวนยื่นหน้าไปกระซิบถามข้างหูนาง
“ท่านปู่หลี่บอกว่าเขาจะปลูกต้นกระบองเพชรเยอะๆ ไว้เป็นสินเจ้าสาวให้ข้าตอนออกเรือน”