หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 526
บทที่ 526
ฮ่องเต้หมิงคังชายตามองผู้ตรวจการสิง ความรู้สึกที่ฮ่องเต้ชรามีต่อผู้ตรวจการสิงในยามนี้สับสนปนเปเป็นพิเศษ
หลังนิ่งเงียบไปนานครู่หนึ่ง ฮ่องเต้หมิงคังเหลือบเปลือกตาขึ้นก่อนเปล่งเสียงพูดคำหนึ่ง “ว่ามา”
ผู้ตรวจการสิงมองเซ่าหมิงยวนทางหางตาแวบหนึ่งก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฝ่าบาท ตอนกวนจวินโหวช่วยกระหม่อมมาจากมือสิงอู่หยางได้ เขามีความคิดก่อกบฏจึงถูกกวนจวินโหวจับกุมไว้ และมาถึงเมืองหลวงพร้อมกับกระหม่อมในคราวนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียงของผู้ตรวจการสิง เหล่าขุนนางตาเป็นประกายทันควัน หันไปมองเซ่าหมิงยวนพร้อมกัน
ฮ่องเต้หมิงคังก็ยกมุมปากขึ้นทีหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปทางชายหนุ่มซึ่งยืนหลังตรงอยู่ที่เชิงบันไดแท่นนิ่งๆ
กวนจวินโหวซึ่งเขาเป็นคนแต่งตั้งขึ้นยังหนุ่มยังแน่นจริงๆ สามารถทำงานรับใช้เขาได้อีกนานหลายปี บัดนี้ดูไปแล้วการตัดสินใจของเขาในตอนนั้นแสนจะฉลาดปราดเปรื่องเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงอื่นใด ขุนนางหนุ่มรูปงามหล่อเหลาดูเจริญตาเจริญใจกว่าตาเฒ่ากลุ่มนี้อย่างมาก
ฮ่องเต้หมิงคังกระแอมกระไอเบาๆ ทีหนึ่ง “กวนจวินโหว เจ้าพาตัวสิงอู่หยางกลับมาแล้วหรือ”
เซ่าหมิงยวนก้าวออกมายืนหน้าแถวแล้วกล่าวตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ขณะนี้องครักษ์ของกระหม่อมเฝ้าดูสิงอู่หยางเอาไว้อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าช่างบังอาจนัก” ฮ่องเต้หมิงคังทำหน้าขรึมลงกะทันหัน
เซ่าหมิงยวนแหวกชายเสื้อคลุมสีดำไปด้านข้าง คุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเป็นปกติดุจเก่า
ฮ่องเต้หมิงคังกล่าวอย่างฉุนเฉียว “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงพาสิงอู่หยางกลับเมืองหลวงโดยพลการ หากเขตฝูตงระส่ำระสายขึ้นมาจะทำฉันใด”
ผู้ตรวจการสิงเห็นดังนั้นก็คุกเข่าลงด้วย เขากล่าวโดยไม่พรั่นพรึงแม้แต่น้อยนิด “กราบทูลฝ่าบาท จับกุมสิงอู่หยางแล้วคุมตัวเขาเข้าเมืองหลวงเป็นความคิดของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังเบนสายตาไปทางผู้ตรวจการสิงช้าๆ “อ้อ ที่แท้เป็นความคิดของผู้ตรวจการสิงเองหรือ”
“ฝ่าบาท สิงอู่หยางอยู่ที่ฝูตงก่อกรรมทำชั่วตามอำเภอใจ ใช้มือเดียวปิดฟ้าควบคุมบงการขุนนางทุกระดับชั้นของฝูตง กระทั่งกององครักษ์จินหลินประจำฝูตงยังทำงานรับใช้เขา ช่วยกันปกปิดไม่ให้เรื่องมาถึงพระเนตรพระกรรณนานหลายปี กระหม่อมหาหลักฐานที่เขากระทำความผิดได้เขาก็กักขังกระหม่อมไว้ หากมิใช่กวนจวินโหวมีวรยุทธ์สูงส่งจับตัวเขาได้ ต่อให้ความผิดที่เขาก่อไว้ยาวเป็นหางว่าวจนเขียนไม่หวาดไม่ไหว ทุกคนก็คงหมดปัญญาจะทำอะไรได้ดังคำกล่าวว่าขว้างมุสิกเกรงภาชนะแตก…” ผู้ตรวจการสิงคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ดูท่าทางว่ายอมแลกได้ทุกอย่างแล้ว
สีหน้าของเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินเริ่มบึ้งตึงน้อยๆ
ผู้ตรวจการสิงผู้นี้อย่าพูดออกนอกเรื่องได้หรือไม่ ลากกององครักษ์จินหลินของพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะเหตุใดกัน
ถึงได้บอกว่าผู้ตรวจการพวกนี้แต่ละคนล้วนสติสตังไม่ค่อยปกติ เห็นใครก็กัดไม่เลือกหน้าเหมือนสุนัขบ้า
“ขณะนี้ขุนนางและชาวบ้านในฝูตงต่างคิดว่าสิงอู่หยางเก็บตัวพักรักษาอาการบาดเจ็บ สถานการณ์ยังนับว่าสงบดีอยู่ ดังนั้นสามารถพูดได้ว่าการคุมตัวสิงอู่หยางเข้าเมืองหลวงในเวลานี้โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นนั้นเป็นโอกาสทองอย่างหาได้ยากในรอบพันปีเลยทีเดียว ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ โปรดอย่าได้ทรงละเว้นขุนนางทุจริต ลงโทษแม่ทัพฝีมือดี ทำให้ไพร่ฟ้าของต้าเหลียงต้องเสียขวัญกำลังใจเลยพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ตรวจการสิงยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง สีหน้าฉายอารมณ์พลุ่งพล่าน
ฮ่องเต้หมิงคังลอบกระตุกมุมปาก ผู้ตรวจการสิงผู้นี้จะพลุ่งพล่านเพียงนี้ไปเพื่ออันใดกัน ใช่หรือไม่ว่าถ้าเขาไม่ตอบตกลงก็จะเอาศีรษะพุ่งชนเสาให้เขาดูประเดี๋ยวนี้เลย
ฮ่องเต้หมิงคังกวาดสายตาไปทางเซ่าหมิงยวน ขุนนางหนุ่มคุกเข่าเงียบๆ อยู่บนพรมสีแดง ตัวตรงอกผายไหล่ผึ่ง อาภรณ์สีดำสนิทขับเน้นให้เขาโดดเด่นดุจดาบคมกริบ ทำให้คนมองข้ามมิได้
นี่คือดาบชั้นเลิศเล่มหนึ่ง ฮ่องเต้หมิงคังรำพึงในใจ
ไม่สำคัญว่าผู้ตรวจการสิงเป็นคนตัดสินใจ หรือว่ากวนจวินโหวทำไปเองโดยพลการ รูปการณ์ที่เป็นอยู่ในยามนี้ดีที่สุดแล้ว ช่วยขจัดเรื่องที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เขาไปได้มาก
ฮ่องเต้หมิงคังคิดคำนึงเช่นนี้ กลับไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เขายังคงปั้นหน้าตึงพลางกล่าวเสียงเนิบนาบ “กวนจวินโหว ผู้ตรวจการสิง พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ”
เซ่าหมิงยวนได้ยินคำกล่าวนี้ก็ลุกขึ้นยืน
ฮ่องเต้หมิงคังมองชายหนุ่มอย่างพินิจพลางพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “อันที่จริงเราประหลาดใจอยู่บ้างที่กวนจวินโหวไปที่ฝูตง”
“กระหม่อมโชคดีได้สมุดบัญชีที่สิงอู่หยางสมคบคิดกับชาววอโค่วมาไว้ในมือ จึงอยากทุ่มเทกายใจเพื่อครอบครัวของท่านพ่อตาบ้างถึงได้เดินทางไปยังฝูตงในครานี้ ทั้งยังบังเอิญได้พบกับผู้ตรวจการสิงอีก…” เซ่าหมิงยวนกล่าวถึงตรงนี้แล้วหยุดเว้นจังหวะ
คำว่า ‘บังเอิญ’ ที่เขากล่าวเน้นเสียงหนักดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้หมิงคังได้ดังคาด พระองค์ตรัสถามขึ้น “กวนจวินโหวเล่ามาสิว่าเจ้าบังเอิญพบกับผู้ตรวจการสิงได้เช่นไร”
ผู้ตรวจการสิงเริ่มหน้าเสีย เขาหันไปมองเซ่าหมิงยวนอย่างวิตกกังวล
เซ่าหมิงยวนคล้ายว่าไม่สังเกตเห็นสายตาของผู้ตรวจการสิง เขากล่าวเสียงดังกังวาน “กราบทูลฝ่าบาท ตอนพวกกระหม่อมมุ่งหน้าไปที่เกาะแห่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเกาะนั่นจะถูกชาววอโค่วยึดครองไว้ หลังจากปราบปรามชาววอโค่วได้อย่างราบคาบ ยังช่วยสตรีออกมาได้สองคน พวกนางเป็นบุตรสาวของผู้ตรวจการสิงพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านโหว…” สีหน้าของผู้ตรวจการสิงแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง ดวงตาของเขาแฝงไฟโทสะกรุ่นๆ
ฮ่องเต้หมิงคังกลับสนใจมากขึ้น เขาชายตามองผู้ตรวจการสิงอย่างเฉยเมยพลางกล่าว “ผู้ตรวจการสิงอย่าเพิ่งร้อนใจ ฟังกวนจวินโหวพูดให้จบก่อน”
เซ่าหมิงยวนกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “หลังจากพูดคุยซักถาม พวกกระหม่อมถึงรู้ว่าบิดาของคุณหนูสิงทั้งสองก็คือผู้ตรวจการสิง พวกนางยอมทนอดสูเข้าไปอยู่ในหมู่ชาววอโค่วก็เพื่อหาโอกาสส่งข่าวผู้ตรวจการสิงถูกสิงอู่หยางกักขังไว้ให้คนภายนอก กระหม่อมก็ได้ล่วงรู้เบาะแสของผู้ตรวจการสิงจากปากของคุณหนูสิงทั้งสองนี่เอง ถึงเสี่ยงอันตรายแฝงกายเข้าไปในฝูตงเพื่อช่วยผู้ตรวจการสิงออกมาและจับกุมสิงอู่หยางไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงจากใจจริง “ฝ่าบาท บัดนี้ผู้ตรวจการสิงเข้ามาเมืองหลวงอย่างปลอดภัย สิงอู่หยางก็จะได้รับโทษตามอาญาบ้านเมือง อีกทั้งเรื่องที่ครอบครัวของท่านพ่อตากระหม่อมได้รับความไม่เป็นธรรมจะถูกเปิดเผยออกมาให้รู้กันทั่วหล้าในเร็ววันนี้ พูดได้ว่าคุณหนูสิงทั้งสองมีความดีความชอบอย่างที่จะลืมเลือนมิได้ พวกนางจัดได้ว่าเป็นยอดสตรีที่น่ายกย่องเลื่อมใสพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ตรวจการสิงคาดไม่ถึงว่าเซ่าหมิงยวนจะพูดแบบเช่นนี้ เขาฟังอย่างงงงันไม่กล่าววาจาใดสักครึ่งคำ
ฮ่องเต้หมิงคังมิได้สนอกสนใจสตรีวัยเยาว์สองนางแต่อย่างใด แต่ได้ยินเซ่าหมิงยวนกล่าวเช่นนี้ย่อมไม่อาจไม่แสดงท่าทีใดๆ ได้ เขาตรึกตรองเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “จะว่าไปแล้ว บุตรสาวสองคนของผู้ตรวจการสิงพึงได้รับรางวัลจริงๆ เว่ยอู๋เสีย ถ่ายทอดคำสั่งของเรา ตกรางวัลให้คุณหนูสิงทั้งสองเป็นผ้าทอลายต่วนชั้นเลิศสิบพับ แก้วแหวนเงินทองสามโต่ว* คทาหรูอี้หยก**หนึ่งเล่ม…”
ผู้ตรวจการสิงคุกเข่าดังตุบ เสียงพูดของเขาสั่นน้อยๆ “ฝ่าบาท เช่นนี้จะทำให้บุตรสาวของกระหม่อมอายุสั้น…”
ฮ่องเต้หมิงคังเหยียดมุมปาก กล่าวอย่างไม่เอาใจใส่ “เราให้ความเมตตาด้วยความเต็มใจ จะทำให้บุตรสาวเจ้าอายุสั้นได้อย่างไร ผู้มีความชอบพึงตกรางวัล ผู้มีความผิดพึงลงทัณฑ์ เรามอบคทาหรูอี้ให้พวกนาง ด้วยหวังว่าในภายภาคหน้าพวกนางจะมีชีวิตที่สมดังใจปรารถนา ผู้ตรวจการสิงเข้าใจแล้วหรือไม่”
“กระหม่อม…เข้าใจแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ตรวจการสิงหมอบอยู่บนพื้นด้วยจิตใจที่ผสมผเสไปด้วยอารมณ์หลายหลาก
หากว่ามีทางเลือก ไหนเลยเขาจะหักใจบีบคั้นให้บุตรสาวสองคนต้องตายเล่า พวกนางเป็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่บนโลกนี้เพียงสองคนของเขา
พวกนางถูกชาววอโค่วย่ำยี สูญสิ้นชื่อเสียงและเกียรติยศไปแล้ว เดิมทีไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีก พวกนางมีชีวิตอยู่รังแต่จะสร้างความอัปยศอดสูให้วงศ์ตระกูล ต่อให้เขาใจอ่อน คนในตระกูลก็ไม่มีวันปรานี แต่เมื่อมีคทาหรูอี้ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ก็ต่างกันออกไป
ผู้ตรวจการสิงเก็บงำความรู้สึกที่สับสนปนเปไว้พลางลอบชำเลืองมองเซ่าหมิงยวนในท่วงท่าอกผายไหล่ผึ่งแวบหนึ่ง
เขาคลับคล้ายยังจดจำความดุดันเหี้ยมหาญของชายหนุ่มตรงหน้าตอนยิงธนูใส่สิงอู่หยางด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่ามกลางความชุลมุน
เสี้ยวขณะนั้นเขานึกว่ากวนจวินโหวต้องการสบช่องชุลมุนหลบหนี ใครจะคาดคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ยังวางแผนการต่อเนื่องกันไปเป็นชั้นๆ ไว้ภายหลังอีก
บรรดาศักดิ์ท่านโหวกับตำแหน่งเสนาบดีคือเกียรติยศที่ขุนนางนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันหามาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งอยู่ในวัยยี่สิบเศษก็ทำได้แล้ว นับว่าสมคำเล่าลือโดยแท้
เซ่าหมิงยวนไม่ล่วงรู้ถึงความอัศจรรย์ใจในขณะนี้ของผู้ตรวจการสิง เพียงลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
เมื่อมีคทาหรูอี้เล่มนี้ของฮ่องเต้ คุณหนูสิงทั้งสองน่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เช่นนั้นเจาเจาก็ไม่ต้องเสียใจแล้ว
* โต่ว เป็นภาชนะทรงปากกว้างก้นแคบ ใช้เป็นมาตราตวงสิ่งของ เทียบกับหน่วยปัจจุบันมีปริมาตรราว 10 ลิตร
** คทาหรูอี้ เป็นเครื่องไม้หรือเครื่องหยก รูปทรงเป็นแท่งแบนโค้ง ส่วนหัวมีลักษณะเป็นแป้นกลมและนิยมสลักลายเมฆตลอดเล่ม โดยคำว่า ‘หรูอี้’ มีความหมายว่าสมปรารถนา ชาวจีนจึงใช้เป็นของเสริมสิริมงคลและเป็นเครื่องแสดงฐานะของชนชั้นสูง