หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 535
บทที่ 535
“ท่านแม่ ระวังสะดุดเจ้าค่ะ” เฉียวเจาประคองเหอซื่อก้าวข้ามธรณีประตู ตอนเดินผ่านข้างกายชายหนุ่มที่ยืนตัวแข็งทื่อตรงหน้าประตู นางอมยิ้มมองเขาแวบหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนหมุนกายติดตามไป เห็นองครักษ์ทำหน้าเห็นใจก็เงื้อเท้าเตะเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
อยากเตะเจ้าหนุ่มนี่ให้ตายจริงๆ เรื่องสำคัญอย่างนี้กลับไม่รายงาน สิ่งที่เมื่อก่อนข้าสอนสั่งเจ้าพวกนี้เอาไว้ล้วนโดนสุนัขกินไปหมดแล้วหรือ
เหอซื่อก้าวเข้าไปในลานเรือน ก่อนจะหยุดฝีเท้ายืนมองสำรวจรอบทิศ
เซ่าหมิงยวนหายใจไม่ทั่วท้อง
หรือว่าที่ท่านแม่ยายจะติงว่าข้าปัดกวาดเรือนไม่สะอาดสะอ้านมากพอ
หรือรู้สึกว่าคับแคบเกินไป
เหอซื่อพลันหมุนกายมา เซ่าหมิงยวนชะงักเท้ากึก หลุบตาต่ำกล่าวว่า “ด้านนอกอากาศหนาวเหน็บจับใจ เชิญท่านเข้าไปนั่งด้านในขอรับ”
นางเลิกคิ้วเรียวโก่งงามขึ้น
เจ้าหนุ่มมีกิริยาท่าทีไม่เลว ทว่า…
เหอซื่อชายหางตามองบุตรสาวโฉมงามดุจบุปผาปราดหนึ่งแล้วแค่นเสียงฮึในใจ
ข้าไม่มีทางหลงกลหรอกนะ เจ้าหนุ่มผู้นี้ทำอ่อนน้อมเจียมตนตอนนี้ มิใช่เพื่อหลอกลวงบุตรสาวของข้ารึ
เหอซื่อเดินเข้าไปในเรือน ทรุดกายลงนั่งแล้วรับถ้วยน้ำชาที่องครักษ์ประคองด้วยสองมือส่งให้ นางก้มหน้าดื่มคำหนึ่งแล้วนิ่งอึ้งไป
เป็นน้ำชงน้ำผึ้งหรือนี่
เซ่าหมิงยวนเห็นท่าทีของเหอซื่อก็เอ่ยอธิบายเสียงนุ่มนวล “ท่านตั้งครรภ์อยู่ไม่เหมาะจะดื่มชา ดื่มน้ำชงน้ำผึ้งดีจะกว่าขอรับ”
นางได้ยินถ้อยคำของเซ่าหมิงยวนแล้วละม้ายน้ำผึ้งเอ่อท้นขึ้นกลางอก รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจนัก พาให้มุมปากเผยรอยยิ้มพริ้มพรายออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เซ่าหมิงยวนลอบถอนใจโล่งอก มารดาของเจาเจาในตอนนี้ดูไปแล้วยังอ่อนเยาว์เหลือเกิน ส่งผลให้เขาประหม่าอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเกิดนางรังเกียจว่าเขาอายุมากเกินไปไม่คู่ควรกับเจาเจาจะทำฉันใด
ยิ่งกว่านั้นเขายังแอบซื้อเรือนที่อยู่ติดกับจวนของนางอีก…
ขณะที่เซ่าหมิงยวนกำลังหวาดหวั่นวิตก จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนเตะแข้งตนเบาๆ ทีหนึ่ง
ชายหนุ่มเบือนหน้าไปมองก็ปะทะเข้ากับสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเฉียวเจา เขารีบดึงสายตากลับ ก่อนวางท่าทางขึงขังจริงจัง
ต่อหน้าคนอื่นเขาไม่กริ่งเกรงระวังตัวได้ แต่ต่อหน้าว่าที่ท่านแม่ยาย เขาสำรวมตนสักหน่อยจะดีกว่า
“ท่านโหวนึกอย่างไรถึงนัดหมายคุณหนูสามของพวกข้าออกมา” เหอซื่อวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยถาม
มุมปากของเซ่าหมิงยวนกระตุกทีหนึ่ง เขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ผู้เยาว์มีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากคุณหนูสามขอรับ”
เรียกว่านัดหมายได้เช่นไร ข้าไม่ได้เป็นพวกคนเจ้าชู้ที่ชอบล่อลวงหญิงสาวนะ
เหอซื่อเบนหน้าไปมองบุตรสาวปราดหนึ่ง
เฉียวเจากล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ พวกข้ามีเรื่องงานต้องหารือกันจริงๆ เจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้เหอซื่อละความตั้งใจที่จะจ้องจับผิด ลุกขึ้นแล้วเอ่ยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าปรึกษาหารือกันเถอะ แม่จะไปเดินชมสวนดอกไม้ของเรือนท่านโหว”
เซ่าหมิงยวนส่งสายตาบอกองครักษ์ก่อนลุกขึ้นยืนกล่าว “ท่านค่อยๆ เดินนะขอรับ”
จวบจนองครักษ์ออกไปกับเหอซื่อแล้ว เขาถึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือแล้วถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
เฉียวเจาเม้มปากยิ้มพลางเอ่ยว่า “แม่ทัพเซ่า คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่าท่านสู้รบมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยนะ”
เซ่าหมิงยวนทำหน้าสลด “นี่เหนื่อยกว่าสู้รบตั้งมาก”
ชายหนุ่มมองเด็กสาวตาละห้อย “ไม่ได้ เจาเจาต้องจูบข้าทีหนึ่ง ถึงจะปลอบประโลมจิตใจที่หวาดหวั่นขวัญเสียของข้าได้”
เฉียวเจาตีหลังมือเขาทีหนึ่ง “พูดเป็นการเป็นงานเถอะ”
เขาได้ทีจับมือนางไว้แล้วก้มหน้าลงไปใกล้พลางกล่าว “ให้ข้าจูบทีหนึ่งก็ได้…”
ไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ได้ยินเสียงเหอซื่อลอยมาจากหน้าประตู “ลืมหยิบเตาพก…”
เซ่าหมิงยวนสะบัดมือนางออกอย่างฉับไว หัวใจเขาเต้นตึกตักถี่รัว
เพราะโดนมารดาจับได้คาหนังคาเขา ใบหน้าของเฉียวเจาซับสีแดงระเรื่อ นางถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่ก่อเรื่อง
ชั่วอึดใจก่อนหน้าเพิ่งพูดว่ามีเรื่องงานต้องหารือกัน ท่านแม่ถึงปลีกตัวออกไป แต่ไม่ทันคล้อยหลังก็ทำเหลวไหล…
“พวกเจ้าสองคนมีเรื่องต้องหารือกันมิใช่หรือ ไฉนต่างนั่งอยู่เฉยๆ เล่า” ใบหน้าของเหอซื่อฉายรอยฉงนใจ
เฉียวเจากับเซ่าหมิงยวนสบตากันแล้วระบายลมหายใจพร้อมกัน
จนกระทั่งเหอซื่อเดินถือเตาพกไว้ใต้แขนเสื้อออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่กล้าทำเหลวไหลอีก เขานั่งอย่างเรียบร้อยมองนางยิ้มๆ
“ยิ้มอะไร” เฉียวเจาถามอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเรามีโชคไม่เลว ไม่ถูกจับได้”
“พวกเราอะไรกัน เป็นท่านที่หน้าหนา”
“ใช่ เป็นความหน้าหนาของข้าผู้เดียว เจาเจาของข้าหน้าบาง อย่าโมโหข้าเลย”
“พูดเถอะ มีเรื่องอะไร”
เซ่าหมิงยวนเล่าเรื่องที่ที่ว่าการกรมอาญาไฟไหม้ตอนดึกคร่าวๆ รอบหนึ่ง
เฉียวเจาลอบขยำผ้าเช็ดหน้า แค่นเสียงกล่าวว่า “คนพวกนั้นยังไม่ยอมจำนน!”
“ใช่ ฐานอำนาจในเขตฝูตงค่อนข้างสลับซับซ้อน หลันซานกับบุตรชายสร้างอำนาจมานานหลายปี จะยอมให้ผู้ใดถอนรากถอนโคนโดยง่ายได้อย่างไร”
ถึงจะเปลี่ยนผู้บัญชาการมณฑลทหารฝูตงคนใหม่ ตราบใดที่คนเบื้องล่างไม่เปลี่ยน ผู้บัญชาการคนใหม่ก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น แต่ถ้าเปลี่ยนคนทั้งหมด หมายจะเอื้อมมือเข้าไปที่นั่นอีกครั้งก็ไม่ง่ายดายปานนั้นแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้หลันซานกับบุตรชายก็จะเสียบ่อเงินบ่อทองใหญ่ไปอย่างมิต้องสงสัย
เซ่าหมิงยวนเพ่งมองเด็กสาวตรงหน้าพร้อมกับถอนใจเบาๆ “เจาเจา โชคดีที่ตอนนั้นเจ้ายืนกรานท่องจำสมุดบัญชีเล่มนั้นไว้”
“ข้าก็กลัวหนึ่งในหมื่นเช่นนี้นี่เอง ระวังไว้ไม่มีผิดพลาด ในเมื่อพี่ใหญ่ไปเขียนสมุดบัญชีที่ที่ว่าการกรมอาญาตั้งนานแล้ว ไฉนท่านเพิ่งบอกกล่าวข้าตอนนี้เล่า”
เซ่าหมิงยวนเอาแต่ยิ้มไม่กล่าวอะไร
เฉียวเจานิ่งคิดแล้วกระจ่างแจ้งโดยพลัน เขาอยากให้นางได้นอนหลับนานขึ้น
เฉียวเจารู้สึกประทับใจอยู่บ้างทันใด แต่หวั่นเกรงว่าแสดงออกมาจะโดนมารดาจับได้อีก นางเพียงเม้มปากยิ้ม ทอดน้ำเสียงอ่อนนุ่มขึ้น “เช่นนั้นข้าเขียนสมุดบัญชีออกมาก่อนเถอะ”
ทั้งสองจึงเข้าไปในห้องหนังสือ
ห้องหนังสือจัดวางเครื่องเรือนอย่างเรียบง่ายมาก แต่ที่พึงมีล้วนมีพร้อมสรรพครบครัน
เฉียวเจาใช้มือหนึ่งจับแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งไว้อยู่ในท่านั่งตัวตรงแล้วเริ่มต้นเขียนสมุดบัญชีจากความจำ ด้านเซ่าหมิงยวนยืนอยู่ด้านข้างคอยฝนหมึกให้
รอบห้องเงียบสงบลงในชั่วขณะ ได้ยินแต่เสียงลากพู่กันปราดๆ
ดวงตะวันเหมันต์สาดแสงอบอุ่นเข้ามาทางหน้าต่าง อาบไล้เสี้ยวหน้าด้านข้างของเด็กสาวเป็นประกายเรื่อๆ ส่งผลให้ผิวหน้าขาวผ่องของนางเกือบโปร่งแสงแลดูงามละมุนเย็นตา
เซ่าหมิงยวนมองจนเคลิ้มลอย น้ำหมึกหยดลงเปื้อนชายเสื้อก็ไม่รู้สึกตัวสักนิด เขายังคงจ้องมองสตรีอันเป็นที่รักอย่างไม่ละสายตา
เฉียวเจาชะงักมือเบนหน้าไป “ยืนเฉยๆ ไม่เมื่อยหรือ”
“ไม่เมื่อย”
“ไม่เมื่อยก็นั่งลง”
ร่างกายเขามิได้ตีขึ้นจากเหล็กเสียหน่อย รอยคล้ำใต้ตาก็ทำให้คนตกใจตายได้ แล้วยังจะอวดเก่งอีก
“ได้” ชายหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย
เวลาล่วงผ่านไปทีละน้อยทีละนิด เซ่าหมิงยวนกลับรู้สึกว่ามันผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
หลังจากวันนี้ อยากเห็นหน้าเจาเจายังไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไร
เหอซื่อเดินชมสวนดอกไม้แห้งโกร๋นจนทั่วแล้วให้องครักษ์นำทางมาถึงนอกห้องหนังสือ นางแลลอดหน้าต่างมองเข้าไปข้างในเห็นภาพนี้แล้วอดหยุดยืนนิ่งไม่ได้
บุตรสาวกำลังยุ่งอยู่ นางอย่ารบกวนจะดีกว่า
เซ่าหมิงยวนมีความตื่นตัวระวังภัยสูงยิ่ง เขารับรู้ถึงสายตาของเหอซื่อก็รีบลุกขึ้นเงียบๆ จรดฝีเท้าเดินย่องออกไป
“ท่านเดินทั่วแล้วหรือ จะเข้าไปพักผ่อนด้านในหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าจะกลับจวนก่อน”
“ผู้เยาว์ไปส่งท่านนะขอรับ”
“ไม่รบกวนท่านโหวแล้ว ใกล้ๆ แค่นี้เอง อีกอย่างให้ใครเห็นเข้าจะไม่ดี” เหอซื่อบอกอย่างไม่อ้อมค้อม
เซ่าหมิงยวนมองฟ้าเงียบๆ ว่าที่ท่านแม่ยายของเขาช่างพูดจาตรงไปตรงมาดีแท้
เขาทำมือบอกให้องครักษ์ตามไปส่งเหอซื่อที่หน้าประตูแล้วถึงผ่อนคลายลงอย่างเต็มที่ รอเฉียวเจาวางพู่กันลงก็ยื่นน้ำชงน้ำผึ้งให้นางถ้วยหนึ่งค่อยกล่าวถามขึ้น “เจาเจา เจ้าว่าข้าไปสู่ขอเจ้าที่เรือนเมื่อไรดี”