หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 545
บทที่ 545
หลีกวงเหวินเลิกคิ้วสูง เขาเพิ่งคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฝืนสะกดกลั้นไว้
ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับสตรีตั้งครรภ์!
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับหลีกวงเหวินพากันนิ่งเงียบ เหอซื่อถึงคิดตามทันได้ภายหลัง “ประเดี๋ยวก่อน เจาเจายังอายุไม่ถึงสิบสี่ปีเลยนะ คนที่มาสู่ขอเป็นตระกูลใดหรือเจ้าคะ”
หลิวซื่ออยากรู้อยากเห็นเต็มทีดุจเดียวกัน
สองวันก่อนนางออกไปร่วมงานเลี้ยงได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเต็มสองหู ถึงแม้คนพวกนั้นจะวิพากษ์วิจารณ์คุณหนูสาม แต่ในฐานะสะใภ้ของสกุลหลี นางก็รู้สึกเสียหน้าไปด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดบุตรสาวสองคนของนางใกล้จะเติบโตเป็นสาวรอมร่อ โดยเฉพาะเยียนเอ๋อร์ที่อายุน้อยกว่าคุณหนูสามไม่กี่เดือนเท่านั้น บอกว่าในใจนางไม่กลัดกลุ้มคงเป็นคำเท็จ
ยามนี้ตระกูลที่มีหน้ามีตาสักหน่อยในเมืองหลวงเอ่ยถึงคุณหนูสามล้วนพากันหัวเราะเยาะนาง วันหน้าพอถึงคราวเยียนเอ๋อร์พูดคุยทาบทามเรื่องแต่งงานจะต้องส่งผลเสียเป็นแน่แท้
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าเคยพูดเปรยๆ ว่าตนไม่คิดว่าคุณหนูสามจะได้ออกเรือน นางจะอยู่เป็นสาวทึนทึกไปชั่วชีวิตในสกุลหลีก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่พองานเลี้ยงชมดอกไม้ของจวนหลิวซิ่งโหวจัดขึ้นแล้ว ถ้าคุณหนูสามไม่ได้ออกเรือนจริงๆ พี่สาวน้องสาวในเรือนจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เฮ้อ…แต่วันนี้มีแม่สื่อมาสู่ขอที่จวนแล้ว นี่ช่างเป็นเรื่องมงคลครั้งใหญ่โดยแท้ น่าเสียดายถูกนายท่านใหญ่ปฏิเสธ หรือว่าฝ่ายชายย่ำแย่เกินไป
หลิวซื่อลอบฉงนใจแกมเสียดายอยู่บ้าง
พอเห็นหลีกวงเหวินได้ยินหัวข้อสนทนานี้ก็จะบันดาลโทสะอีก ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกระแอมกระไอทีหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น “จวนจิ้งอันโหว”
เหอซื่องุนงงอยู่สักหน่อย “จวนจิ้งอันโหว?”
นี่เป็นตระกูลใดกัน
เหอซื่อไร้ไหวพริบในเรื่องการผูกสัมพันธ์กับผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไร ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเห็นนางทำหน้างงงัน ถึงกับไม่รู้สึกโมโหแม้สักน้อยนิด
กระนั้นเหตุผลสำคัญเป็นเพราะเมื่อก่อนโมโหบ่อยมากเกินไป นางชาชินเสียแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลอบคิดคำนึงอย่างปลดปลง
หญิงชราเหล่ตามองหลิวซื่อแวบหนึ่ง ลูกสะใภ้คนรองเข้าใจความหมายอย่างได้ดั่งใจมาก
“จวนจิ้งอันโหว? สวรรค์ พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่รู้จักหรือ ก็จวนจิ้งอันโหวที่เป็น ‘หนึ่งสกุลสองโหว’ นั่นอย่างไรเล่า”
“หนึ่งสกุลสองโหว?”
“ใช่ คุณชายรองของจวนจิ้งอันโหวก็คือกวนจวินโหวแม่ทัพผู้มิเคยพ่ายศึกที่เลื่องชื่อลือนามของต้าเหลียงเรานั่นเอง”
“อะ ข้ารู้แล้ว”
จิ้งอันโหวนั้นนางไม่รู้จักหรอก แต่กวนจวินโหวนางรู้จักดีเหลือเกิน นี่มิใช่เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของพวกนางหรอกหรือ
หลิวซื่อตื่นเต้นคึกคักสุดประมาณ “ฮูหยินผู้เฒ่า จวนจิ้งอันโหวจะสู่ขอภรรยาให้คุณชายสามในตระกูลหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินมาจากคนอื่นว่าคุณชายสามของพวกเขาอายุมากกว่าคุณหนูสามของเราหนึ่งปี วัยสมกันพอดีเลย”
สวรรค์ ถ้าคุณหนูสามออกเรือนไปที่จวนจิ้งอันโหวก็เป็นเรื่องดีเหลือเกิน แม้ว่าคุณชายสามของจวนจิ้งอันโหวจะไม่ใช่ซื่อจื่อ แต่ตราบเท่าที่ไม่แยกเรือนบุตรชายบุตรสาวของคุณหนูสามจะมีศักดิ์ฐานะเป็นคุณชายคุณหนูของตระกูลท่านโหวผู้ทรงเกียรติ ภายภาคหน้าย่อมมีคู่ครองที่เชิดหน้าชูตาอย่างแน่นอน
ยังมีเรื่องใดน่ายินดียิ่งกว่าลูกหลานรุ่นหลังได้อยู่ดีมีสุขอีกเล่า
คุณหนูสามแต่งเข้าจวนโหวได้ การแต่งงานของบุตรสาวสองคนของนางจะราบรื่นขึ้นมาก
“ไม่ใช่คุณชายสาม” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยังไม่เอ่ยปากเหอซื่อก็กล่าวแย้งขึ้น
นางเคยเห็นเจ้านกอินทรีหางใหญ่ตัวนั้นมาแล้ว ถึงแม้จะรูปงามหล่อเหลาแต่ดูอย่างไรก็ไม่ได้มีวัยเพียงสิบสี่ปี ก็คนอายุสิบสี่เหย้าเรือนใดกันถึงหน้าตากร้านโลกปานนั้น
“ไม่ใช่คุณชายสาม?” หลิวซื่ออึ้งงันไปเล็กน้อย จากนั้นรอยยิ้มของนางเริ่มจืดเจื่อนลง “ซื่อจื่อของจิ้งอันโหวตบแต่งภรรยาไปแล้วนี่”
หรือว่าซื่อจื่อผู้นั้นอยากขอคุณหนูสามไปเป็นอนุ?
แย่แล้ว พี่ใหญ่โกรธจนไล่แม่สื่อกลับไปเพราะเรื่องนี้แน่
แต่นี่ก็เกินกว่าเหตุไปแล้ว ต่อให้ชื่อเสียงของคุณหนูสามจะไม่ดีปานใดก็เป็นบุตรสาวของอาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิต จะให้เป็นอนุได้อย่างไรกัน!
ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านอาสะใภ้รองอย่างข้าออกไปข้างนอกก็สู้หน้าใครไม่ได้!
คิ้วเรียวสวยของเหอซื่อมุ่นเข้าหากัน นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “จวนจิ้งอันโหวมาขอผูกดองกับเราเกี่ยวอะไรกับซื่อจื่อของพวกเขาตบแต่งภรรยาแล้ว พวกเขาสู่ขอให้คุณชายรองนะ”
ถ้อยคำนี้ของเหอซื่อดังขึ้น ทุกคนในโถงนิ่งงันไปตามๆ กัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหรี่ตาลงน้อยๆ “ไฉนเจ้าแน่ใจว่าเป็นคุณชายรอง”
ลูกสะใภ้ของนางผู้นี้ไม่มีทางหัวไวขึ้นมากะทันหัน หรือเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่นางไม่ล่วงรู้
เฉียวเจาหายใจไม่ทั่วท้อง นางไม่มีความมั่นใจอันใดกับสติปัญญาของท่านแม่ที่เคารพจริงๆ ถ้าท่านแม่เปิดเผยเรื่องที่เซ่าหมิงยวนซื้อเรือนด้านข้างจวนสกุลหลีไว้ล่ะก็เป็นต้องจบเห่กันแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่ คุณชายรองของจวนจิ้งอันโหวคือกวนจวินโหว” หลิวซื่ออดพูดเตือนขึ้นไม่ได้
นั่นน่ะคือกวนจวินโหวผู้ซึ่งเพิ่งย่างวัยยี่สิบก็ได้รับแต่งตั้งเป็นท่านโหว เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ตั้งมากเท่าไรในเมืองหลวงอยากให้บุตรสาวออกเรือนไปกับเขา แต่ติดขัดที่กวนจวินโหวทูลขอลาราชการหนึ่งปีเพื่อไว้ทุกข์ให้ภรรยาผู้ล่วงลับ ตระกูลพวกนั้นถึงยอมวางมือก่อนชั่วคราวเท่านั้นเอง
เป็นไปได้อย่างไรที่คนสำคัญชั้นนี้จะสู่ขอบุตรสาวของอาลักษณ์เล็กๆ ในสำนักราชบัณฑิตไปเป็นภรรยา
“ข้ารู้” เหอซื่อเพียงรู้สึกว่าท่าทีของทุกคนแปลกชอบกล นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงฉาดฉาน “ถ้าไม่ใช่กวนจวินโหวสู่ขอเจาเจาแล้วยังจะเป็นใครได้อีกเล่า ต่อให้ซื่อจื่อผู้นั้นยังไม่แต่งงานแต่ก็อายุมากเกินไป เจาเจาออกเรือนไปกับเขาไม่ได้”
บุตรเขยสูงวัยกว่าเจาเจามากเกินไป ถ้าเกิดวันหน้าด่วนจากไปเหลือเจาเจาตัวคนเดียวจะทำประการใดเล่า แน่นอนว่าเรื่องไม่เป็นมงคลพรรค์นี้นางอย่าพูดออกมาจะดีกว่า
ได้ยินเหอซื่อติติงเรื่องอายุของซื่อจื่อของจิ้งอันโหว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับหลิวซื่อกลอกตาขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
อายุมากอะไรกัน บุตรชายของท่านโหววัยยี่สิบเศษแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบปีกว่ามิใช่เรื่องธรรมดามากหรือไร
“แล้วเหตุใดถึงเป็นคุณชายสามไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไต่ถาม
เหอซื่อเม้มปากยิ้ม “คุณชายสามยิ่งเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ อายุสิบสี่สิบห้ายังเป็นเด็กที่เล่าเรียนในสำนักศึกษาผู้หนึ่ง ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีความสามารถใดๆ สักนิด อาศัยอะไรแต่งงานกับเจาเจาของข้า หรือจะหวังว่าพอเจาเจาออกเรือนไปแล้วจะเอาสินเจ้าสาวของเจาเจามาเลี้ยงดูเขาคงไม่ได้กระมัง”
พอเห็นเหอซื่อทำหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับหลิวซื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว
เหอซื่อกล่าวสรุปตบท้าย “ดังนั้นคนที่มาสู่ขอเจาเจาเป็นภรรยาต้องเป็นคุณชายรองกวนจวินโหวแน่นอน”
เรื่องที่เห็นประจักษ์ชัดเฉกนี้ ทุกคนเอาแต่ถามซักไซ้ไปด้วยเหตุใดกัน
เฉียวเจาลอบระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่า…” หลิวซื่อหันไปขอคำยืนยันจากมารดาสามี
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพยักหน้าด้วยความรู้สึกที่สับสนปนเป “เป็นกวนจวินโหวจริงๆ”
หลิวซื่อกุมขมับ ประเดี๋ยวก่อน ดูเหมือนนางวิงเวียนตาลายอยู่สักหน่อย
หลิวซื่อหยุดพักหายใจนานครู่หนึ่งถึงมองไปทางหลีกวงเหวิน “พี่ใหญ่ไม่ตอบตกลงเพราะเห็นว่าชาติตระกูลของกวนจวินโหวสูงเกินไปหรือเจ้าคะ”
หลีกวงเหวินมองนางอย่างหลากใจแล้วกล่าวเน้นเสียงหนักขึ้น “เพราะบุตรสาวข้ายังเด็กเกินไปต่างหาก”
เพราะอะไรยังต้องถามคำถามโฉดเขลาพรรค์นี้ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเหอซื่อฉลาดเฉลียวดี
หลิวซื่อพูดพึมพำด้วยสีหน้าเลื่อนลอย “คนที่มาสู่ขอคือกวนจวินโหว…”
“ถึงเป็นกวนจวินโหวก็ไม่สามารถทำให้เจาเจาจู่ๆ ก็มีอายุเพิ่มขึ้นสองปีได้ เอาเป็นว่าคนที่หมายปองเจาเจาในตอนนี้ล้วนเป็นพวกบัดซบ” หลีกวงเหวินกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน