หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 547
บทที่ 547
ในเรือนอุ่นอบอุ่นดุจวสันตฤดู แต่ตู้เฟยเสวี่ยยังคงไม่คลายความหนาวลง นางห่อตัวที่สั่นระริกอยู่ในผ้าห่ม
สาวใช้ยกน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาให้
ฮูหยินผู้เฒ่าของหลิวซิ่งโหวบอกเสียงนุ่ม “ดื่มน้ำขิงให้อุ่นกายก่อนนะ อีกประเดี๋ยวท่านหมอก็มาถึงแล้ว”
จูซื่อฮูหยินของกู้ชางป๋อมองดูใบหน้าขาวซีดของบุตรสาวแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา ในใจนางเคืองโกรธหยางโฮ่วเฉิงที่ถูกหญิงชราบิดหูลากตัวออกไปที่ระเบียงทางเดินถึงขีดสุด
จูเยี่ยนหลานชายในสกุลเดิมของนางกับซื่อจื่อของหลิวซิ่งโหวนั้นคลุกคลีเล่นหัวกันมาตั้งแต่เป็นเด็กเดินเตาะแตะ นางเองก็นับได้ว่าเห็นหยางโฮ่วเฉิงมาตั้งแต่เล็กจนโต ในกาลก่อนรู้สึกว่าเด็กผู้นี้มีนิสัยร่าเริงเป็นคนไว้วางใจได้ ใครจะคิดถึงว่าเขาจะกระทำเรื่องเช่นนี้กับบุตรสาวของนางได้
จูซื่อป้อนน้ำขิงให้บุตรสาวดื่มไปหนึ่งชามแล้วถามอย่างห่วงใย “เฟยเสวี่ย รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
ตู้เฟยเสวี่ยที่ริมฝีปากเป็นสีม่วงพยักหน้าหงึกหงัก
“เฟยเสวี่ย วันนี้เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงตกลงไปในทะเลสาบ”
นางกำถ้วยน้ำขิงไว้แน่น กล่าวแกมสะอื้นไห้ “ท่านแม่ เป็นหยางซื่อจื่อถีบข้าลงไป…”
นางร้องไห้ตัวโยนจนพูดไม่ออกแล้ว
ฮูหยินของกู้ชางป๋อปลอบโยนบุตรสาวสองสามคำด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ครั้นเห็นท่านหมอมาถึงนางก็ลุกขึ้นเดินไปที่โถงด้านนอก
ฮูหยินหลายคนในโถงที่สนิทสนมกับนางพากันถามไถ่อาการของตู้เฟยเสวี่ย
ฮูหยินของกู้ชางป๋อฝืนยิ้มกล่าวว่า “ไม่หนักหนานัก”
นางพูดจบแล้วมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าของหลิวซิ่งโหว “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านได้ยินแล้วนะเจ้าคะ เฟยเสวี่ยบอกว่าหยางซื่อจื่อถีบนางลงไปจริงๆ ถึงแม้บุตรสาวข้าจะแก่นแก้วไปบ้าง แต่ยังรู้ธรรมเนียมที่พึงรู้ ก็ไม่รู้ว่านางทำความผิดใหญ่หลวงปานใดถึงโดนชายหนุ่มอกสามศอกคนหนึ่งถีบตกทะเลสาบ…”
“จูฮูหยินอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะซักถามเจ้าหลานเนรคุณนั่นประเดี๋ยวนี้เลย”
หยางโฮ่วเฉิงเดินตามสาวใช้เข้ามา
“คุกเข่าลง!”
หยางโฮ่วเฉิงเบ้ปากแล้วคุกเข่าลง เขาฟังฮูหยินของกู้ชางป๋อถามไล่เลียงจบก็เอ่ยตอบอย่างชัดเจนฉะฉาน “จูฮูหยิน บุตรสาวท่านต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เพราะอะไรข้าต้องจงใจถีบนางลงไป ระหว่างข้ากับนางหาได้มีความอาฆาตแค้นเคืองต่อกันไม่…”
“ท่านพูดจาเหลวไหล” ตู้เฟยเสวี่ยห่มเสื้อคลุมบุนวมเดินออกมา นางโกรธจัดจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง “ท่านได้ยินที่ข้าพูดถึงจงใจถีบข้า”
“คุณหนูตู้ จะกล่าววาจาส่งเดชมิได้นะ ข้าได้ยินท่านพูดก็ถีบท่านหรือ แล้วเหตุใดตอนนี้ไม่ได้ถีบท่านเล่า”
“เจ้าหลานเนรคุณ ยังพูดจาเหลวไหลอีก!” ฮูหยินผู้เฒ่าของหลิวซิ่งโหวมีน้ำโหก็เงื้อไม้เท้าฟาดใส่ตัวเขา นางเงื้อเต็มที่ทว่าตีลงเบาๆ ด้วยความสงสารหลานชาย
บรรดาฮูหยินที่เห็นกับตาลอบคิดคำนึง สมกับเป็นท่านย่าบังเกิดเกล้าจริงๆ!
“เฟยเสวี่ย เจ้าเข้าไปนอนพักนะ” จูซื่อตบหลังมือบุตรสาวเบาๆ พอสัมผัสกับมือที่เย็นเฉียบนางก็ปวดใจอีกระลอก
ตู้เฟยเสวี่ยยืนนิ่งไม่ขยับ กล่าวด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “นั่นเป็นเพราะท่านได้ยินข้าหัวเราะเยาะหลีซานอยู่! ฮึ ตอนนี้ใครบ้างไม่รู้ว่าท่านเดินทางไปทางทิศใต้พร้อมกับหลีซานครั้งเดียวก็โดนนางยั่วยวนให้ลุ่มหลงแล้ว พอได้ยินข้าว่ากล่าวนาง เป็นธรรมดาที่จะทนไม่ได้…”
“เฟยเสวี่ย นี่มิใช่ถ้อยคำที่เจ้าสมควรพูด รีบเข้าไป!” ฮูหยินของกู้ชางป๋อหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
ไม่สำคัญว่าคุณหนูสามของสกุลหลีจะเป็นเช่นไรกันแน่ เด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนนางหนึ่งกล่าวถ้อยคำอย่างนี้ต่อหน้าธารกำนัลล้วนไม่เหมาะไม่ควร
ฮูหยินผู้เฒ่าของหลิวซิ่งโหวทำหน้าขรึมลงดังคาด “คุณหนูตู้ได้ยินใครพูดว่าหลานชายที่ไม่เอาไหนผู้นั้นของข้าโดนคนยั่วยวนให้ลุ่มหลงหรือ”
หยางโฮ่วเฉิงสบช่องร้องทุกข์ “ท่านย่า ตอนนั้นก็เพราะได้ยินคุณหนูตู้กล่าวเช่นนี้แล้วรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน ข้าใจลอยไปชั่วขณะเผลอไปขัดขานางเข้า แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจนะขอรับ”
ใจกล้าหน้าด้านไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้
เขาไม่เคยได้ยินคำพูดระคายหูถึงเพียงนั้นมาก่อนจริงๆ ไฉนสตรีที่ปกติดูอ่อนหวานนุ่มนิ่มเหล่านี้ถึงกล่าวออกจากปากได้
ถึงกับพูดว่าเขากับคุณหนูหลีลักลอบนัดพบกัน ถึงขั้น…ขืนถิงเฉวียนรู้เข้าต้องทุบตีเขาตายแน่!
ตู้เฟยเสวี่ยเกาะขอบประตูเอาไว้ ไม่รับฟังคำเตือนของมารดา “ท่านเห็นผู้อื่นล้วนเป็นคนโง่งมใช่หรือไม่ ถึงหลงเชื่อคำแก้ตัวที่มีช่องโหว่นับร้อยพรรค์นี้ของท่าน”
หยางโฮ่วเฉิงมองนางอย่างเย็นชา “คุณหนูตู้ นี่จะเข้าตำราที่ว่าเป็นขโมยเองกลับตะโกนเรียกให้จับขโมยกระมัง ว่าไปแล้วข้าสมควรเป็นฝ่ายถามท่านมากกว่าว่าพวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดท่านต้องสาดโคลนใส่ข้าด้วย ข้าได้รับพระเสาวนีย์ของไทเฮาคุ้มครองคุณหนูหลีเดินทางลงใต้ ไฉนกลายเป็นข้าโดนยั่วยวนให้ลุ่มหลงเสียแล้ว ข้าจะบอกท่านให้นะ ระหว่างข้ากับคุณหนูหลีเป็นมิตรภาพที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์ใจต่อกัน อีกอย่างมีคนไปสู่ขอคุณหนูหลีแล้วด้วย วันหน้าคุณหนูตู้อย่าพูดจาส่งเดช!”
สีหน้าของตู้เฟยเสวี่ยฉายรอยเหยียดหยาม “มีคนไปสู่ขอ? คิกๆ ข้าได้ยินว่าแม่สื่อโดนคนสกุลหลีไล่กลับไป เห็นได้ว่าคนที่ไปสู่ขอเป็นตระกูลต่ำต้อยไร้เกียรติ แต่ข้ารู้สึกว่าน่าเสียดายนะ หลีซานพลาดคราวนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกทีเมื่อไร”
หยางโฮ่วเฉิงทำสีหน้าชอบกล “ท่านบอกว่าคนที่ไปสู่ขอเป็นตระกูลต่ำต้อยไร้เกียรติ? ขอถามได้หรือไม่ว่าท่านได้ยินมาจากใคร”
ตู้เฟยเสวี่ยเชิดคางขึ้น “คุณหนูเจียงเป็นคนพูด”
หยางโฮ่วเฉิงถอนใจเฮือก “ข้าว่านะคุณหนูตู้ คุณหนูเจียงกล่าวล้อเล่นกับท่านกระมัง”
“ท่านพูดจาเหลวไหลอะไรกัน” ตู้เฟยเสวี่ยขมวดคิ้ว
นางกับเจียงซือหร่านล้วนเกลียดชังหลีซานมากที่สุด แล้วเจียงซือหร่านจะล้อเล่นกับนางด้วยเหตุใด
หยางโฮ่วเฉิงหันขวับไปไต่ถามฮูหยินวัยสาวผู้หนึ่งในโถง “หวังฮูหยิน ข้าเพิ่งรู้ว่าที่แท้ในสายตาคนบางคน จวนของท่านเป็นตระกูลต่ำต้อยไร้เกียรติ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบพูดเอ็ด “พูดจาส่งเดชอะไรกัน” จากนั้นกล่าวยิ้มๆ กับฮูหยินวัยสาว “หวังฮูหยินอย่าถือสาหาความกับเจ้าหลานเนรคุณของข้าเลย เขาเป็นพวกปากไม่มีหูรูด”
ฮูหยินวัยสาวคือหวังซื่อฮูหยินของซื่อจื่อของจิ้งอันโหว หรือก็คือพี่สะใภ้คนโตของกวนจวินโหวนั่นเอง
ในเมืองหลวงมีผู้สูงศักดิ์อยู่เกลื่อนกล่น ถึงบางคนตกอับแล้วจะไม่สุขสบายเท่าตระกูลขุนนางชั้นผู้น้อยซึ่งรั้งตำแหน่งที่มีผลประโยชน์ให้กอบโกย ทว่าจวนจิ้งอันโหวกลับต่างออกไป อย่าเอ่ยถึงว่าเทียบกับจวนของท่านโหวคนอื่นๆ ถึงเปรียบกับจวนท่านกั๋วกงที่มีอยู่นับนิ้วได้ก็หาได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันไม่
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะจวนจิ้งอันโหวมีบุตรชายรั้งตำแหน่งแม่ทัพซึ่งได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นท่านโหวผู้หนึ่ง เท่านี้ก็เพียงพอจะสร้างเกียรติยศบารมีให้แก่จวนจิ้งอันโหวอย่างไม่สิ้นสุดไปนานหลายสิบปี
วงศ์ตระกูลเฉกนี้จะมีผู้ใดกล้าพูดว่าต่ำต้อยไร้เกียรติ?
“ท่านย่า ข้าไม่ได้พูดจาส่งเดชนะขอรับ เป็นคุณหนูตู้พูดต่างหาก”
“ข้าพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” ตู้เฟยเสวี่ยกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห
หยางโฮ่วเฉิงกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อ “ก็เมื่อครู่นี้นี่เอง ฮูหยินทั้งหลายในที่นี้ล้วนได้ยินแล้วมิใช่หรือ ท่านพูดว่าคนที่ไปสู่ขอที่จวนสกุลหลีเป็นตระกูลต่ำต้อยไร้เกียรติ”
“ข้าพูดเช่นนี้ก็จริงอยู่ แต่นี่เกี่ยวอะไรกับจวนจิ้งอันโหวเล่า”
ทุกคนในโถงต่างรู้สึกว่าคำกล่าวของหยางโฮ่วเฉิงฟังดูชอบกลๆ ครั้นความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในหัวรางๆ ก็รู้สึกว่าไร้สาระน่าขันสิ้นดีอีก
หยางโฮ่วเฉิงยกยิ้มเอ่ยถามหวังซื่อ “หวังฮูหยิน หรือท่านไม่ทราบว่าวันนี้คนที่ไปสู่ขอที่จวนสกุลหลีเป็นจวนท่าน?”
“ท่านว่าอะไรนะ!” ตู้เฟยเสวี่ยอุทานเสียงหลง
สายตาของทุกคนจับไปที่ตัวหวังซื่อพร้อมกัน
หวังซื่อมีสีหน้าตกตะลึงดุจเดียวกัน จวนของนางเชิญแม่สื่อไปสู่ขอที่จวนสกุลหลีเมื่อใดกัน เหตุใดนางไม่ล่วงรู้สักนิด
เมื่อเห็นหวังซื่อมีท่าทางไม่รู้เรื่องอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนลอบสบตากัน
จุๆ คงจะไม่ใช่ว่าซื่อจื่อของจิ้งอันโหวอยากสู่ขอคุณหนูสามของสกุลหลีมาเป็นอนุแต่ปิดบังหวังซื่อไว้กระมัง
สายตาที่มองมาด้วยความรู้สึกต่างๆ กันไปพาให้หวังซื่อรู้สึกละม้ายพลัดตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
นางเพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวผู้หนึ่งแก่ซื่อจื่อ ทั้งคู่มีบุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งคนด้วยกันจนเป็นที่อิจฉาตาร้อนของใครๆ หรือว่าซื่อจื่อคิดนอกใจเสียแล้ว