หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 55
ถึงบอกว่าเป็นสหายเก่า แต่ก็แค่คนรู้จักเท่านั้น การไปตอแยกับองครักษ์จินหลินสักคนอาจสร้างปัญหายุ่งยากมากพอจะทำให้เฉียวเจาหันหลังเดินหนีไป
เจียงหย่วนเฉามองตามแผ่นหลังที่จากไปอย่างเร่งรีบ แล้วมีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่เขาอยากหาคันฉ่องสักบานมาส่องดูว่าตนมีรูปโฉมน่าเกลียดน่ากลัวจนทำให้คนตกใจหนีไปได้ใช่หรือไม่
เขาเป็นคนตัวสูงขายาว เดินไม่กี่ก้าวก็ไล่ตามทันเด็กสาวที่ร่างกายยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่
เฉียวเจามองคนที่ขวางอยู่ข้างหน้า พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งสนิท ท่านอามีเรื่องใดหรือเจ้าคะ
เจียงหย่วนเฉารู้สึกแสลงหู อดกล่าวท้วงขึ้นไม่ได้ แม่นางน้อย หากเจ้าเต็มใจ เรียกข้าว่าพี่เจียงก็ได้นะ
ครั้นเห็นสีหน้าราบเรียบดุจผิวน้ำของเด็กสาว เขารีบพูดเสริมขึ้น เมื่อครู่พบกับกวนจวินโหว ไม่เห็นได้ยินเจ้าเรียกเขาว่าท่านอาเลย
เขากับกวนจวินโหวรุ่นราวคราวเดียวกันแท้ๆ นี่มิใช่เลือกที่รักมักที่ชังหรือ
เรียกเซ่าหมิงยวนว่าท่านอา?
ความคิดนี้ทำให้เฉียวเจาตะขิดตะขวงใจอย่างมาก
ไม่ว่าเป็นฉือชั่นหรือเจียงสือซานตรงหน้านี้ สำหรับนางในร่างเดิม พวกเขาเป็นเพียงคนที่เคยพานพบกันโดยบังเอิญ ทว่าเซ่าหมิงยวนแตกต่างออกไป เขาคือ…
เฉียวเจานิ่งคิดแล้วจนวาจา
นางกับเซ่าหมิงยวนยังนับว่าพานพบกันโดยบังเอิญไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งเจอหน้ากันครั้งแรกก็ถูกเขายิงธนูสังหารในดอกเดียว…
แต่จะอย่างไรคนผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นสามีนาง แล้วนางก็อยู่ในฐานะภรรยาของเขามาสองปีกว่า ไหนเลยจะเรียกขานเขาด้วยคำว่า ‘ท่านอา’ ออกจากปากได้
ภาพคนผู้นั้นผุดวาบขึ้นในห้วงความคิดเฉียวเจา
ท่าทางเหนื่อยอ่อนไปทั้งสรรพางค์กาย หน้าตามอมแมมจากการตรากตรำเดินทาง ปลายคางมีไรหนวดเขียวครึ้ม แต่กลับขับเน้นใบหน้าให้ยิ่งขาวกระจ่างเย็นเยียบปานหยกน้ำแข็ง กระนั้นในดวงตาเขาแฝงรอยอบอุ่นอยู่ ทำให้คนที่เพ่งมองเข้าไปแล้วถูกกระตุ้นความรู้สึกอ่อนละมุนลึกๆ ในใจขึ้นมา
แม่ทัพที่มือเปื้อนเลือดมาเหลือคณานับผู้หนึ่งกลับมีลักษณะท่าทางที่ขัดแย้งกันเยี่ยงนี้…
พวกท่านไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ เฉียวเจาตอบตามสัตย์จริง
ไม่เหมือนกันอย่างไร เจียงหย่วนเฉาถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
ต่อให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นจะผิวขาวกว่าเขาเล็กน้อย และรูปงามกว่าเขาเล็กน้อย ก็สามารถปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมเช่นนี้ได้หรือ เด็กสาวสมัยนี้ออกจะมองแต่เปลือกนอกเกินไปแล้ว
อันว่าศีลธรรมถดถอย จิตใจคนเสื่อมลงเป็นความจริง!
บางทีอาจเพราะเฝ้าดูแม่นางน้อยผู้นี้มานานเหลือเกิน เมื่อได้พูดคุยกันนางซึ่งๆ หน้าในที่สุด แม้แต่เจียงหย่วนเฉาเองก็ไม่สังเกตเห็นว่าตนพูดจามากกว่าปกติ
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ คนผู้นี้พาลหาเรื่องอยู่กระมัง นางคิดเช่นไรแล้วเกี่ยวข้องอันใดกับเขา องครักษ์จินหลินล้วนตอแยด้วยไม่ได้จริงๆ
นางถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วกล่าวตอบ มีสตรีมองเขาอยู่มากมาย ข้าเรียกขานเขาว่าท่านอา กลัวจะถูกกระหน่ำปาด้วยรองเท้าผ้าปักจนตายเจ้าค่ะ
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงันไปแล้วเปล่งเสียงหัวร่อเบาๆ
เสียงพูดของเขาสุภาพมาก เสียงหัวเราะก็นุ่มนวล พาให้สีหน้าแลดูอ่อนโยนไปด้วย หากมีเพียงเสี้ยวเวลาตอนเขาพูดหยอกล้อนางอยู่นี้ที่รอยยิ้มแผ่ไปถึงดวงตา มันละม้ายสายฝนในราตรีวสันต์ บางเบานุ่มนวลทว่าห่มคลุมด้วยไอหนาวเยือก ผู้ใดเผอเรอก็จะโดนความเย็นโดยไม่ทันตั้งตัว
เฉียวเจาไม่ชมชอบคนที่มีอุปนิสัยเช่นนี้ตามสัญชาตญาณ นางชื่นชมบุรุษอย่างท่านปู่ ดื่มสุราจนหนำใจ หัวเราะเสียงดัง ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ใจกว้างเปิดเผย
ดังนั้นท่านอาเจ้าคะ ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่ เฉียวเจาถาม
เรียกข้าว่าพี่เจียง
พี่เจียง ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่ เฉียวเจาโอนอ่อนตามอย่างหัวไว
คนผู้นี้ดูท่าทางอายุมากกว่านางแปดเก้าปี เรียกท่านอาก็ไม่เห็นเสียมารยาทชัดๆ กลับหมกมุ่นอยู่กับคำเรียกขานเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าประสงค์อะไร
พวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนจริงๆ หรือ เจียงหย่วนเฉาทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
แม่นางเฉียวตีหน้าเคร่งขรึม พี่เจียงชอบกล่าวล้อเล่นยิ่งนัก บุตรสาวตระกูลใหญ่ที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างข้านี้จะเคยพบหน้าท่านที่ใดได้เจ้าคะ
อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน? แล้วคนที่โดนล่อลวงไปก่อนหน้านี้เป็นใครกัน
แม่นางน้อยผู้นี้มีหน่วยก้านเป็นองครักษ์จินหลินอยู่มาก พูดโกหกตาไม่กะพริบหน้าไม่เปลี่ยนสีได้
เฉียวเจาหยักยิ้มมองเจียงหย่วนเฉา
แน่จริงก็เปิดโปงข้าสิ อย่างนั้นข้าก็จะถามว่าเขาเฝ้าดูเด็กสาวผู้หนึ่งตลอดทางมีจุดประสงค์ใด
พอคิดถึงจุดนี้ เฉียวเจาพลันฉุกคิดขึ้นได้ ประเดี๋ยวก่อน!
พวกฉือชั่นสามคนลงใต้เป็นการฆ่าเวลาคลายความเบื่อของพวกคุณชายสูงศักดิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น ตามหลักแล้วไม่มีทางดึงดูดความสนใจขององครักษ์จินหลินได้ หรือจะพูดว่าไม่ใช่เพราะเจียงสือซานสังเกตเห็นพวกฉือชั่นก่อนถึงค่อยสังเกตเห็นนางภายหลัง
ถ้าเช่นนั้นตอนนั้นพวกนางสี่คนดึงดูดความสนใจของเจียงสือซานที่ใดหรือ
เฉียวเจาขบคิดต่อไปอีกก็ได้คำตอบว่า…สวนซิ่งจื่อและสกุลเฉียว
หรือว่าคนของกององครักษ์จินหลินจับตาดูตระกูลของข้ามาโดยตลอด
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้นมองเจียงหย่วนเฉาอย่างระงับใจไม่อยู่
ใช่หรือไม่ว่าคนผู้นี้ล่วงรู้เบื้องหลังบางอย่างของเหตุไฟไหม้ครั้งนั้น
หัวใจของเด็กสาวเต้นรัวแรง แต่พอสังเกตเห็นสายตาของเจียงหย่วนเฉาที่มองตนอยู่อย่างพินิจ นางเผยรอยยิ้มฉับพลัน แต่พวกเราจะทำความรู้จักกันไว้สักหน่อยก็ได้นะเจ้าคะ
ไม่แน่อาจมีโอกาสสืบดูสถานการณ์ได้?
… เจียงหย่วนเฉาอึ้งงัน เด็กสาวสมัยนี้ล้วนมีนิสัยผิดประหลาดเช่นนี้แล้วหรือ เขาหยั่งความคิดนางไม่ออกโดยสิ้นเชิง
ขณะที่เจียงหย่วนเฉาตกตะลึงอยู่ เฉียวเจาเอ่ยบอกอย่างเปิดเผย ข้าแซ่หลี เป็นบุตรสาวของอาลักษณ์หลี อยู่ในลำดับที่สามของตระกูล เรือนพำนักอยู่ในตรอกซิ่งจื่อบนถนนสายตะวันตกเจ้าค่ะ
ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้เห็นทีว่าคนผู้นี้คงรู้กระจ่างแจ้งแก่ใจหมดแล้ว นางไม่มีความจำเป็นอันใดต้องปิดบัง
เจียงหย่วนเฉาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างตื่นตัวระวังภัย แม่นางน้อยบอกกับเขาอย่างละเอียดลออไปเพื่ออะไร เขามิได้คิดไปสู่ขอที่เรือนเสียหน่อย
ไม่ทราบว่าเรือนพำนักของพี่เจียงอยู่แห่งหนใดหรือเจ้าคะ
สีหน้าของเจียงหย่วนเฉาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากระแอมกระไอก่อนกล่าว แค่กๆ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ามีเรื่องด่วน ขออำลาก่อนล่ะ
ว่าแล้วเขาก็ประสานมือคำนับ ก้าวขายาวๆ ของตนหันหลังเดินจากไปเลย ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็หายลับไปไม่เห็นร่องรอย
ในดวงตาของเฉียวเจาซึ่งยืนอยู่ที่เดิมมีรอยยิ้มผุดขึ้น
ถึงกับตกใจหนีไปเลยหรือนี่
นางโคลงศีรษะ และหมุนกายออกเดินไป
เจียงหย่วนเฉากลับไปถึงใต้ต้นไม้ พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนที่รออยู่ด้วยสีหน้าขึงขัง ไปเถอะ
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนทำสีหน้าชอบกล
เหตุใดรึ
ใต้เท้า เมื่อครู่นี้…
ห้ามเอ่ยเรื่องเมื่อครู่นี้กับคนอื่น! ใบหน้าของเจียงหย่วนเฉาขึงตึง
กลับมาเมืองหลวงไม่อิสระเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่จยาเฟิง เรื่องบางเรื่องระมัดระวังไว้ก่อนเป็นดี เขาไม่อยากให้แม่นางน้อยผู้นั้นตกอยู่ในสายตาคนพวกนั้นในตอนนี้
เจียงหย่วนเฉาเดินไปครุ่นคิดไป นางเคยเจอเขาที่ใดแน่
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนสบตากัน
คนที่ปริปากขึ้นก่อนหน้านี้พูดกระซิบว่า ข้าตาฝาดไปใช่หรือไม่ ไฉนข้ารู้สึกว่าแม่นางผู้นั้นทำให้ใต้เท้าตกใจหนีมานะ
อีกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่
เจียงหย่วนเฉาชะงักฝีเท้ากึก หันหน้ามามองผู้ใต้บังคับบัญชาคนที่พูดด้วยสายตาปึ่งชา
คนผู้นั้นแข้งขาสั่นกระตุก เดินลิ่วๆ เข้าไปพูดกับเขา ใต้เท้าอภัยให้ด้วย ข้าพูดจาส่งเดชขอรับ
อีกคนไล่กวดตามมา ดีใจที่ตนเองไม่ได้เอ่ยปากเมื่อครู่นี้ เขารีบเสนอหน้ากับเจ้านายอย่างลุกลี้ลุกลน นั่นสิ พูดเรื่องจริงส่งเดชไปได้
เจียงหย่วนเฉานิ่งงัน ข้าตาบอดไปแล้ว ถึงเลือกคนพรรค์นี้เป็นคนสนิทถึงสองคน
ไสหัวไป
จากนั้นเจียงหย่วนเฉาซึ่งอับอายจนพาลโกรธก็สะบัดแขนเสื้อจากไป