หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 560
บทที่ 560
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเขยตบหน้านายหญิงของเราเจ้าค่ะ” สาวใช้นอกประตูได้ยินเสียงนี้ก็รีบไปรายงานให้ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวรับทราบ
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบสนิทดุจผิวน้ำ
จูซื่อกุมแก้มอยู่ เห็นมารดาเข้ามาก็รู้สึกอับอายระคนขุ่นเคืองแทบทนไม่ไหว
นางออกเรือนไปที่จวนกู้ชางป๋อซึ่งต่ำศักดิ์กว่า หลายปีมานี้นางอยู่ในเรือนหลังอย่างสุขกายสบายใจมาก วาจาของนางก็คือประกาศิต ยามพบปะสังสรรค์กับบรรดาฮูหยินก็ได้ยินคำเยินยอถึงชีวิตคู่ที่ราบรื่นสมหวังจนเคยชิน แต่ขณะนี้กลับโดนสามีฉีกหน้าอย่างรุนแรงในเรือนสกุลเดิม ทำให้นางอยากแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว
“ท่านตบข้าหรือ ท่านถึงกับตบข้าเพราะเรื่องเล็กๆ เท่านี้” จูซื่อยื่นมือไปทุบตีกู้ชางป๋อ
บนใบหน้าของกู้ชางป๋อยังมีรอยแผลเลือดออกซิบๆ จากการข่วนของจูซื่อก่อนหน้านี้ ยามนี้เขาเห็นฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวเข้ามาแล้วจะตอบโต้ก็ไม่เป็นการดี ได้แต่หลบหลีกจูซื่อที่ปรี่เข้ามาทำร้ายโดยไม่ยั้งมือเป็นพัลวันอย่างหมดท่า
“พอได้แล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวตบโต๊ะเต็มแรง
จูซื่อชะงักมือทันควัน
กู้ชางป๋อสบช่องหนีออกห่างไปยืนอยู่ข้างหลังฮูหยินผู้เฒ่า
“อาหนิง เจ้าเอะอะอาละวาดเหมือนหญิงชาวป่าผู้หนึ่งมันเข้าท่าหรือไม่”
จูซื่อกำลังโกรธแค้นเจ็บใจ อ้าปากตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดเสียงห้วน “หุบปากเสีย!”
นางถึงเม้มปากไม่กล่าววาจา จ้องมองกู้ชางป๋อตาขุ่นเขียว
ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวเห็นแล้วโกรธแทบลมจับ
จ้องหน้าสามีเหมือนเป็นศัตรูกัน นี่มิใช่เบาปัญญาแล้วคืออะไร
หญิงชราสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วมองไปทางกู้ชางป๋อ “ท่านเขย อาหนิงจะมีความผิดอะไรก็ตาม ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารดาที่มีบุตรชายบุตรสาวในวัยแต่งงานออกเรือนได้แล้ว ท่านตบหน้านางเช่นนี้ในจวนโหว จะเกินกว่าเหตุไปบ้างหรือไม่”
เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหว กู้ชางป๋อระงับอารมณ์โกรธไว้สุดกำลัง เขากล่าวเสียงอุบอิบ “เป็นข้าเองที่เสียกิริยาขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงแล้วทำหน้าขรึมกล่าวขึ้น “แม้จะพูดว่าตอนอยู่ที่วัดอาหนิงหุนหันพลันแล่นไปชั่ววูบ แต่ท่านเขยกระทำผิดอยู่ก่อน อาหนิงเป็นประมุขหญิงปกครองเรือน มีอย่างที่ใดอนุลับๆ นอกเรือนตั้งครรภ์แล้วนางยังไม่รู้เรื่องรู้ราว นางถึงได้อารมณ์ร้อนไปบ้าง ท่านเขยพึงเห็นอกเห็นใจกันสักนิด แล้วเพราะเหตุใดยังจะทะเลาะกับนางในจวนโหวอีกเล่า”
บุตรสาวจะโมโหร้ายปานใดก็เป็นคนที่นางเลี้ยงดูประคบประหงมดุจไข่มุกบนฝ่ามือมาจนเติบใหญ่ ครั้งนั้นนางให้บุตรสาวแต่งงานกับคนที่ต่ำศักดิ์กว่าก็เพราะรู้ว่าบุตรสาวไม่ยอมลงให้ใคร ไม่เช่นนั้นบุตรสาวผู้สูงศักดิ์ทรงเกียรติเพียงผู้เดียวของจวนโหวจะออกเรือนไปที่จวนป๋อด้วยเหตุใดกัน
ใครจะคาดคิดว่าบุตรเขยที่เดิมทีดูท่าทางซื่อตรงและช่างเอาใจใส่จะกล้าตบตีบุตรสาวของนางในจวนโหว
ถึงฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่กู้ชางป๋อจับนัยข่มขู่บีบคั้นได้หลายส่วน
“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าไม่ได้ทะเลาะกับนางเพราะเรื่องนั้นขอรับ”
“เช่นนั้นเป็นเพราะอะไรเล่า” สุ้มเสียงของหญิงชราฉายแววหงุดหงิด
จวนไท่หนิงโหวเปรียบดั่งไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขากว้างไกล มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลใหญ่ๆ ไม่น้อย ยามปกติกู้ชางป๋อมาที่นี่มักรู้สึกไร้ความมั่นใจ แต่คราวนี้กลับทนไม่ไหวแล้ว เขาแพร่งพรายเรื่องที่จูซื่อทำไว้ออกมาจนหมดโดยไม่ปิดบังสักนิด
“อาหนิง ที่ท่านเขยพูดเป็นความจริงหรือ เจ้าอยากจะระบายความแค้นให้เฟยเสวี่ยเลยบงการคนไปสาดอุจจาระใส่ประตูใหญ่จวนสกุลหลี ซ้ำยังถูกกวนจวินโหวสืบสาวมาถึงตัวแล้ว”
“ข้า…” จูซื่อเอ่ยอ้ำๆ อึ้งๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวเห็นแล้วแทบสิ้นแรงใจ นางกล่าวเสียงกระด้าง “เชิญนายหญิงใหญ่มาที่นี่”
ไม่นานนักฮูหยินของไท่หนิงโหวก็รุดมาถึง
“ฮูหยินผู้เฒ่า…”
หญิงชราตัดบทลูกสะใภ้ “เจ้าได้ยินเรื่องของจวนกู้ชางป๋อหรือยัง”
ฮูหยินของไท่หนิงโหวนิ่งขึงไป นางกวาดตามองจูซื่อปราดหนึ่งอย่างเย็นชาก่อนพยักหน้า
“เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า”
“ข้าหวั่นเกรงว่าท่านรู้เข้าจะโกรธจนเสียสุขภาพเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหันขวับไปมองจูซื่อ “พูดมา เรื่องนั้นเป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่กันแน่”
นางถอยหลังหนึ่งก้าวพร้อมกับพูดเสียงอ้อมแอ้ม “ข้ากำชับผู้ดูแลแล้วแท้ๆ ว่าจะออกหน้าเองไม่ได้ แม้แต่อันธพาลข้างถนนสองคนนั้นก็เลือกสุ่มๆ เอา เหตุไฉนถึงสืบรู้ได้นะ”
“เจ้าช่างเลอะเลือนจริงๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าหายใจติดขัดจนหน้ามืดวูบหนึ่ง
“ท่านแม่…” / “ฮูหยินผู้เฒ่า…”
พอเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ประคองมารดาไว้ จูซื่อหันขวับไปมองกู้ชางป๋อ “ท่านแม่ข้าโมโหจนไม่สบาย ทีนี้ท่านพอใจแล้วสินะ”
กู้ชางป๋อทำหน้าถมึงทึงด้วยความโกรธา “ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังรู้สึกว่าเป็นความผิดของผู้อื่นอีก! ดี…ในเมื่อเป็นอย่างนี้เจ้าก็อยู่ฉลองวันตรุษที่เรือนเดิมไปเถอะ จะกลับหรือไม่กลับก็สุดแท้แต่เจ้า!”
เมื่อเห็นสามีสะบัดแขนเสื้อหมุนกายไป จูซื่อไล่ตามไปคว้าแขนเสื้อเขาไว้พลางพูดด่าทอ “ตู้จื่อเถิง เดี๋ยวนี้มิใช่ตอนที่แม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อท่านก็จะรักษาไม่อยู่ แล้วก็มิใช่ตอนที่ท่านเพิ่งได้เป็นท่านป๋อ แม้แต่การกินการอยู่ของคนทั้งตระกูลก็ยังต้องอาศัยสินเจ้าสาวของข้าเจือจานแล้วนี่ ท่านถึงได้เหยียบย่ำรังแกข้าอย่างนี้ใช่หรือไม่ มโนธรรมของท่านอยู่ที่ใด หรือว่าโยนให้สุนัขกินไปแล้ว…”
“พอที!” กู้ชางป๋อสะบัดมือของจูซื่อออก
สายตาแฝงรอยหยามเหยียดของฮูหยินไท่หนิงโหวซึ่งประคองฮูหยินผู้เฒ่าไว้ละม้ายคมกระบี่ที่ตวัดฟันใส่ใบหน้า ทำให้เขารู้สึกหน้าชาวาบๆ กู้ชางป๋อกล่าวเสียงปึ่งชา
“ในเมื่อข้าย่ำแย่เหลือทนถึงเพียงนี้ คงไม่คู่ควรกับสตรีสูงศักดิ์ที่ถือกำเนิดในตระกูลท่านโหวอย่างเจ้าจริงๆ ประเดี๋ยวจะนำหนังสือหย่ามามอบให้ ข้ามิบังอาจเหยียบย่ำรังแกเจ้าอีกแล้ว”
กู้ชางป๋อพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อออกไป ฮูหยินผู้เฒ่าที่โมโหจนวิงเวียนตาลายเริ่มรู้สึกดีขึ้นก็ร้องบอกเสียงดัง “ยังไม่รีบรั้งตัวท่านเขยไว้อีก”
จูซื่อโกรธจนตัวสั่นแต่ยังถือทิฐิ “ช่างเขาปะไร!”
ผ่านไปไม่นานนักกู้ชางป๋อก็ส่งคนถือหนังสือหย่าแผ่นหนึ่งมาให้จริงๆ
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!” ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวคาดไม่ถึงว่าบุตรเขยที่สงบเสงี่ยมมาแต่ไหนแต่ไรคนนี้จะเอาจริง หน้าของนางบึ้งตึงด้วยความเดือดดาล เพียงรู้สึกทั้งเสียหน้าทั้งเสียศักดิ์ศรีไม่เหลือหลอ
ใต้หล้านี้ไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลม ข่าวที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วที่สุดในเมืองหลวงก็คือเรื่องลับๆ ภายในครอบครัวของคนอย่างพวกนาง ถึงกู้ชางป๋อส่งหนังสือหย่าแผ่นนี้มาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จวนไท่หนิงโหวก็ต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะไปนานหลายปี
“เวินซื่อ ตามข้าไปที่จวนกู้ชางป๋อ!”
เวินซื่อฮูหยินของไท่หนิงโหวไม่อาจปฏิเสธได้ กระนั้นในใจนางนึกชิงชังจูซื่อเจียนตายแล้ว
น้องสาวสามีก่อความวุ่นวายขึ้นเช่นนี้ทำให้จวนโหวอับอายขายหน้าจนสิ้น! นางออกไปนอกเรือนพบใครคงเชิดหน้าชูตาไม่ได้อีกก็ช่างเถิด น่าสงสารก็แต่เหยียนเอ๋อร์ของนางที่ใกล้จะพูดคุยทาบทามเรื่องแต่งงานแล้ว กลับมาพัวพันกับเรื่องฉาวโฉ่พรรค์นี้เลยต้องรับเคราะห์โดยใช่เหตุจริงๆ!
“ดูแลฮูหยินของพวกเจ้าให้ดีๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งกำชับสาวใช้ประจำตัวจูซื่อก่อนออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวพาลูกสะใภ้บุกไปหาฮูหยินผู้เฒ่าของกู้ชางป๋อถึงที่จวนเพื่อคุยกันให้รู้ดำรู้แดง
ฮูหยินผู้เฒ่าของกู้ชางป๋อย่อมจะไม่อยากบาดหมางเป็นศัตรูกับจวนไท่หนิงโหวเช่นกัน ถึงลูกสะใภ้จะประพฤติตนไม่เหมาะไม่ควรสักปานใด ดีชั่วก็ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรชายบุตรสาวคู่หนึ่ง อีกทั้งมีชาติตระกูลสูงศักดิ์ หากหย่าร้างกันจริงๆ วันหน้าบุตรชายจะตบแต่งภรรยาใหม่ที่เข้าท่าเข้าทางสักคนหาใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น
แน่นอนว่าสำคัญที่สุดคือจวนป๋อเพิ่งขาดทุนย่อยยับจากการให้กู้ยืมเงินตราประทับ ขืนกู้ชางป๋อตัดขาดกับภรรยาที่มีสินเจ้าสาวก้อนโต คนทั้งตระกูลคงต้องกินแกลบกันแล้ว
กู้ชางป๋อที่ใจเย็นลงแล้วมองเห็นบุตรชายกับบุตรสาวที่คุกเข่าร่ำไห้รำพันอยู่ตรงหน้า เขาก็เปลี่ยนใจ
การหย่าขาดกับภรรยานั้นพูดด้วยปากแสนง่าย แต่กลับมีผลกระทบโยงใยไปมากมาย หาใช่เรื่องง่ายดายปานนั้นที่ใดกัน อันที่จริงเขาแค่อยากขู่ขวัญหญิงดุร้ายผู้นั้นมากกว่า
ผู้อาวุโสของสองตระกูลเพิ่งจะพูดคุยทำความเข้าใจกัน คนของจวนไท่หนิงโหวก็มาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยิน เกิดเรื่องแล้วขอรับ นายหญิงผูกคอตาย!”