หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 570
บทที่ 570
เสียงพูดเรียบสนิทของเด็กสาวราวกับหิมะที่ปกคลุมยอดเขาสูงเป็นชั้นบางๆ ใสกระจ่างเย็นเยือกจนไม่อาจมองข้ามได้
หลีกวงซูได้ยินเสียงก็หันไปมอง
เด็กสาวสวมเสื้อบุนวมตัวสั้นคู่กับกระโปรงสีเรียบ รวบผมเป็นมวยแกละคู่แบบง่ายๆ ทว่าไฝแดงเม็ดหนึ่งตรงหว่างคิ้วกลับขับเน้นดวงหน้าให้งามเฉิดฉันชวนพิศในพริบตา
เขาเพ่งมองเด็กสาวนานครู่หนึ่งถึงฉุกคิดขึ้นได้ว่านี่คือบุตรสาวคนเล็กของพี่ชาย เป็นหลานสาวของเขาเอง
หลังจากจำได้ว่าเด็กสาวเป็นใคร หลีกวงซูลอบประหลาดใจ น่าแปลกนัก เมื่อก่อนในความทรงจำเขาหลานสาวผู้นี้เป็นเด็กสาวธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง แม้นหน้าตาสะสวยแต่หาได้มีอะไรโดดเด่นไม่ ด้วยในตระกูลเศรษฐีสูงศักดิ์มีบุตรสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราถมเถไป ถึงกระนั้นเขาเห็นหญิงสะคราญโฉมเหนือใครเฉกปิงเหนียงจนชินตา ตอนนี้ได้เห็นหลานสาวผู้นี้กลับรู้สึกว่างามแปลกตาอยู่บ้าง
หลีกวงซูมองสำรวจเด็กสาวซ้ำอีกคราด้วยสายตาพินิจพิจารณา
เทียบกับหลายปีก่อนดูเหมือนรูปหน้าของเด็กสาวไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แค่เจริญวัยเป็นสาวมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นดึงดูดสายตาอย่างบอกไม่ถูก
“ปิงเหนียงเป็นบุตรสาวของขุนนางหรือเจ้าคะ” เฉียวเจาเอ่ยถามซ้ำ
ท่านอารองผู้นี้มีสายตาคมกร้าว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำ
เฉียวเจาชักกังขาใจ ด้วยลักษณะนิสัยของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง มีบุตรชายแบบท่านพ่อของนางถึงจะปกติ เหตุไฉนท่านอารองผู้นี้ผ่าเหล่าผ่ากอเสียได้
“เจ้าคือหลานเจากระมัง” หลีกวงซูเอ่ยถาม
“ข้า…”
หลีกวงซูนิ่วหน้าตัดบทเฉียวเจา “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่อบรมเลี้ยงดูหลานเจาเช่นไร ไม่พบหน้ากันหลายปีถึงกับไม่รู้จักเรียกขานข้าว่าท่านอารองสักคำ”
หลีกวงเหวินได้ยินน้องชายติเตียนบุตรสาวตนก็ไม่ชอบใจทันที เขาแค่นเสียงฮึก่อนกล่าว “แล้วเจ้าเป็นอะไรไป ไม่พบหน้าข้าหลายปีถึงกับต่อยตีกับข้าที่หน้าประตูเรือน”
หลีกวงซูทำหน้าบึ้ง “พี่ใหญ่ลงมือก่อน…”
หลีกวงเหวินยิ้มเยาะ “พี่ชายเปรียบดั่งบิดา ข้าตีเจ้าแล้วมีอะไร แต่เจ้ายังกล้าตอบโต้ ใครสอนมารยาทเจ้า”
หลีกวงซูโดนพี่ชายถามซักไซ้เป็นชุดก็โมโหแทบอกแตก แต่กลับโต้แย้งไม่ออกอีก
มาตรว่าเจ้าเมืองมิใช่ขุนนางระดับสูงอันใด ทว่าขุนนางซึ่งถูกส่งไปรับราชการในที่ที่ห่างพระเนตรพระกรรณตำแหน่งนี้นับเป็นคนใหญ่คนโตของที่นั่น กระนั้นใครจะคิดว่าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญใจมาหลายปี หลังกลับมาแล้วต้องทนคับแค้นใจชั้นนี้
เมื่อเห็นน้องชายไม่โต้เถียงแล้ว หลีกวงเหวินก็ทำเสียงฮึขึ้นจมูกก่อนจะหันหน้าไปยิ้มแย้มกับบุตรสาว “เจาเจา เจ้ามีเรื่องอะไรก็ถามสิ”
หลีกวงซูโมโหจนหน้ามืด มีพี่ชายพรรค์นี้ด้วยหรือ ยิ้มกับบุตรสาวเหมือนคนเบาปัญญาก็ไม่ปาน ทีกับน้องชายที่อ่อนวัยกว่าไม่กี่ปีกลับวางท่าเป็นบิดา!
เฉียวเจายอบกายเล็กน้อยให้หลีกวงซูที่ปั้นหน้าบึ้งอยู่ ค่อยกล่าวพร้อมรอยยิ้มละไม “เมื่อครู่ท่านอารองถามว่าข้าคือหลานเจาใช่หรือไม่ ข้ากำลังจะตอบว่า ‘ข้าเองเจ้าค่ะ ท่านอารอง’ คิดไม่ถึงว่าจะถูกท่านตัดบท”
“พูดเช่นนี้เป็นความผิดของท่านอารองหรือ” หลีกวงซูถามเสียงเย็นๆ
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าแล้วเป็นของใคร!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตวาดเสียงห้วนใส่จนหลีกวงซูรู้สึกหนังศีรษะชาวาบ
กับมารดาเฒ่าผู้นี้เขาให้ความเคารพยำเกรงจากส่วนลึกในใจ ถึงอย่างไรทั้งเขาและพี่ชายล้วนได้มารดาที่เป็นม่ายเลี้ยงดูจนเติบใหญ่กับมือ
“เจ้าคุกเข่าลงพูด ใครให้เจ้าลุกขึ้นมาอีก”
หลีกวงซูข่มความโกรธคุกเข่าลงอีกครั้ง
“ที่หลานเจาถามก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากถาม เป็นบุตรสาวของรองนายอำเภอดีๆ จะมาเป็นอนุของเจ้าหรือ”
หลีกวงซูหลุบเปลือกตา น้ำเสียงเยือกเย็นลง “ท่านแม่คงไม่รู้ว่าทางหลิ่งหนานนั้นกันดารแห้งแล้ง ทรัพย์ในดินสินในน้ำฝืดเคือง ครอบครัวส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่อัตคัดขัดสน ถึงแม้ปิงเหนียงจะเป็นบุตรสาวของรองนายอำเภอ แต่เป็นสายเลือดของอนุ ลำพังเพียงบุตรสาวของอนุบิดาของนางก็มีตั้งสิบกว่าคน จะยกสักคนให้เป็นอนุของผู้บังคับบัญชาหาใช่เรื่องแปลกไม่ อีกทั้งปิงเหนียงก็เต็มใจเองขอรับ”
“ปิงเหนียงเป็นบุตรสาวของรองนายอำเภอจริงๆ หรือเจ้าคะ” รอหลีกวงซูกล่าวอธิบายจบ เฉียวเจาถามซ้ำคำเดิม
ชั่วพริบตาที่ได้ยินคำถามนี้ดวงตาของหลีกวงซูทอประกายเครียดวูบหนึ่ง เขาจ้องมองเฉียวเจาด้วยสายตาดุดันขึ้นทันใด “ถ้อยคำนี้ของหลานเจา ท่านอารองฟังไม่เข้าใจ”
เฉียวเจาลอบขบขัน ก่อนหน้านี้นางพินิจดูปิงเหนียงอยู่ด้านข้างก็รู้สึกว่าทุกๆ อิริยาบถของนางแฝงกลิ่นอายบางอย่างที่บอกไม่ถูก แล้วกิริยาท่าทางอย่างนั้นมิใช่ครอบครัวของรองนายอำเภอเล็กๆ ผู้หนึ่งจะอบรมบ่มเพาะออกมาได้ นับประสาอะไรกับรองนายอำเภอที่มีบุตรสาวสายเลือดอนุสิบกว่าคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้ามิใช่ความเป็นมาของปิงเหนียงมีเลศนัย แต่ท่านอารองหลงใหลในความงามจนโดนปิดหูปิดตาก็คือ…
เฉียวเจายิ้มเยาะในใจ ก็คือท่านอารองล่วงรู้ แต่เพื่อให้ท่านย่ายอมรับปิงเหนียงเลยปิดบังไว้!
สมดังคาดตอนนางถามติดๆ กันสองครั้งว่าปิงเหนียงเป็นบุตรสาวของขุนนางหรือไม่ ท่าทีของท่านอารองคือโกรธเคืองที่ผู้เยาว์ละลาบละล้วง แต่พอนางแค่ต่อท้ายคำถามเดิมว่า ‘จริงๆ หรือ’ อารมณ์ของท่านอารองก็เปลี่ยนแปลงไป
เท่านี้ก็เพียงพอจะยืนยันการคาดเดาของนางได้แล้วว่าท่านอารองโกหกเรื่องฐานะของปิงเหนียง!
“ท่านอารองตื่นเต้นถึงเพียงนี้ไปด้วยเหตุใด ข้าเพียงอยากรู้เฉยๆ เท่านั้นเพราะเห็นปิงเหนียงไม่เหมือนกับสตรีในตระกูลขุนนางทั่วไปเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” เฉียวเจาอมยิ้มกล่าวขึ้น สุ้มเสียงของเด็กสาวนุ่มนิ่ม สีหน้าก็ใสซื่อราวกับว่าเป็นคำพูดโดยไม่ได้คิดอะไรตามประสาเด็กสาว
หลีกวงซูมองเฉียวเจาอย่างแคลงใจขึ้นมาอีก
“ไม่เหมือนกันตรงที่ใดหรือ” หลีกวงซูยังไม่ทันเปล่งเสียงพูด ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ปริปากขึ้นก่อน
“บอกไม่ถูกว่าไม่เหมือนกันตรงที่ใด เพียงรู้สึกว่าไม่เหมือนกัน ข้ามองปิงเหนียงแล้วรู้สึกคล้ายว่าหัวใจจะหลุดลอยตามนางไปเจ้าค่ะ” เฉียวเจาพูดพลางกะพริบตาปริบๆ
นางสามารถไหว้วานเซ่าหมิงยวนไปสืบเรื่องฐานะของปิงเหนียงได้ แต่ก่อนจะสืบให้กระจ่าง หาได้เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้นางฝังเสี้ยนลงกลางใจท่านย่า
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดจาส่งเดช” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถลึงตาใส่เฉียวเจาแต่ในใจเริ่มหนักอึ้ง
หลานเจากล่าวไม่ผิด ปิงเหนียงผู้นั้นมีบางอย่างชอบกลๆ แฝงอยู่ มิได้แค่โฉมงามอย่างที่เห็นภายนอกเท่านั้น
“หรงมามา เจ้าพาหญิงคนงานสองสามคนไปเก็บกวาดเรือนฝั่งซ้ายของเรือนจินหรงสักหน่อย แล้วก็เลือกสาวใช้ที่แข็งแรงทำงานดีๆ ไปรับใช้ปิงเหนียงหลังจากนี้ด้วย”
หลีกวงซูได้ยินถ้อยคำนี้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่สักหน่อย เขาทำหน้าขรึมกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ข้าพาสาวใช้จากที่ว่าการกลับมาด้วยหลายคน มีคนเพียงพอขอรับ”
“พากลับมาจากที่ว่าการ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมุ่นคิ้วพูดเสียงเรียบ “หรงมามา เช่นนั้นเจ้าอย่าเพิ่งยุ่งกับงานที่เรือนฝั่งซ้าย ไปส่งข่าวให้คนค้าทาสมาที่นี่ จากนั้นขายบ่าวไพร่ที่นายท่านรองพามาจากที่ว่าการไปเสีย”
“ท่านแม่จะทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองบุตรชายคนรองด้วยสายตาเคร่งขรึม
เสียงพูดเล็กใสของบุตรชายคนรองที่อ้วนจ้ำม่ำในอดีตคล้ายยังดังแว่วอยู่ข้างหู ‘ท่านแม่ รอไว้ข้าเติบใหญ่แล้วจะเป็นขุนนางใหญ่เอาตำแหน่งนายหญิงตราตั้งมาให้ท่าน ท่านก็จะได้สุขสบายแล้วขอรับ’
บัดนี้นางมองบุตรชายคนรองตรงหน้ากลับเหมือนคนแปลกหน้าเฉกนี้
“ไฉนจะไม่ได้ เรือนเรายากจนใช่ว่าเจ้าไม่รู้ เลี้ยงดูบ่าวไพร่ตั้งมากอย่างนี้ไม่ไหว ไม่ขายคนที่เจ้าพากลับมาจากที่ว่าการ หรือจะขายคนที่รับใช้ข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งย้อนถาม
“ข้ามีเงินทอง…”
“เท่าไร”
หลีกวงซูรีบบอก “เงินขาวสองหมื่นตำลึงขอรับ”
ส่วนจำนวนที่แท้จริงย่อมบอกไม่ได้เป็นธรรมดา กระนั้นเงินก้อนโตถึงเพียงนี้ย่อมเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ท่านแม่ล้มเลิกความคิดขายบ่าวไพร่ได้แล้ว
หลีกวงซูคิดเช่นนี้พลางกวาดหางตามองไปรอบๆ ห้อง เห็นหลีกวงเหวินมีสีหน้าตกใจดังคาด
เขาอดหัวเราะอยู่ในใจไม่ได้
ดูทีว่าพี่ชายโง่งมผู้นี้ของข้าคงไม่เคยได้ยินจำนวนเงินมากมายเช่นนี้มาก่อนกระมัง
พูดถึงตรงนี้คนทั้งจวนตะวันตกยังต้องอาศัยเขาจุนเจือมิใช่หรือ พี่ใหญ่ไม่รู้จักตนเองดี หรือว่าท่านแม่จะไม่เข้าใจจุดนี้?
หลีกวงซูคิดคำนึงอยู่ก็ได้ยินมารดาเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ยังไม่แยกเรือน เจ้าเก็บสะสมเงินส่วนตัวได้อย่างไร หรงมามา ยังไม่ต้องรีบเชิญคนค้าทาสแล้ว เรียกคนทำบัญชีมาตรวจนับเงินขาวสองหมื่นตำลึงที่นายท่านรองนำกลับมาแล้วเก็บเข้าคลังก่อนเถอะ”