หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 575
บทที่ 575
ดวงหน้าเล็กๆ ของเด็กน้อยวัยสามขวบแดงก่ำด้วยพิษไข้ เขานอนขดตัวอยู่บนเตียงเพ้อเรียกหามารดา
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเฝ้าอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาก
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดภรรยาเอกหรืออนุก็เป็นหลานของนางทั้งนั้น นางก็อายุปูนนี้แล้ว ไม่มีคนใดที่ไม่รักเอ็นดู
นางตกลงปลงใจเอาตัวเฮ่าเกอเอ๋อร์มาเลี้ยงดู ประการแรกไม่อยากให้อนุของบุตรชายคนรองบังเกิดความคิดที่ไม่พึงมีเพราะได้เลี้ยงบุตรชายไว้ข้างกาย ประการที่สองเป็นความหวังดีต่อเด็กผู้นี้ พอเขาเติบใหญ่แล้วถูกคนนินทาว่า ‘โตมากับอนุ’ นั้นระคายหูเกินไป
นางเคยลอบสังเกตอยู่เงียบๆ แล้วว่าเฮ่าเกอเอ๋อร์มีร่างกายแข็งแรง ไม่คล้ายเป็นเด็กอ่อนแอ ไฉนจู่ๆ ก็จับไข้ได้เล่า
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงรายงานของชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสขัดจังหวะภวังค์ความคิดของหญิงชรา
นางลุกขึ้นยืน “ท่านหมอ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอยื่นใบสั่งยาที่เขียนเสร็จแล้วส่งให้ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสก่อนเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่า “เด็กโดนลมเย็น ฮูหยินผู้เฒ่าเจียดยาตามใบสั่งยาเถอะ”
นางเหลือบมองใบสั่งยาแวบหนึ่งแล้วลอบถอนใจอย่างห้ามไม่อยู่
ยาจิงฝางไป้ตู๋* อีกแล้ว นี่เป็นใบสั่งยาจิงฝางไป้ตู๋แผ่นที่สามที่หมอซึ่งทยอยเชิญมาเขียนให้
“แต่ว่าเด็กกินยาแล้วไม่เห็นดีขึ้นเลย”
หมอลูบเคราพลางโคลงศีรษะไปมา “อาการโดนลมเย็นจากภายนอก พิษลมสะสมในปอด อยากหายสนิทต้องค่อยเป็นค่อยไป”
เมื่อหมอรับเงินค่าตรวจโรคแล้วอำลากลับไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลูบมือเล็กๆ ที่ร้อนลวกมือของเฮ่าเกอเอ๋อร์ด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
เด็กอายุแค่นี้โดนลมเย็นหนเดียวไม่แน่อาจถึงขั้นตายได้…
หญิงชราไม่กล้าคิดต่ออีก
“ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านรองมาเจ้าค่ะ” หงซงยืนรายงานที่หน้าประตู
หลีกวงซูเดินเข้ามาพร้อมกับกระไอเย็นจากข้างนอก เขาคารวะมารดาแล้วเอ่ยปากถามทันที “ท่านแม่ เฮ่าเกอเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ยังตัวร้อนอยู่”
หลีกวงซูเลี้ยวเข้าไปด้านหลังฉากกั้นล้างมือก่อนเดินออกมานั่งลงข้างๆ บุตรชาย ยื่นมืออังหน้าผากเขาแล้วย่นหัวคิ้วแทบชนกัน “ไฉนถึงไม่สบายได้นะ”
พอได้ยินคำกล่าวนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเม้มมุมปาก
“ท่านแม่ หรือไม่ให้เฮ่าเกอเอ๋อร์ย้ายกลับไปอยู่กับปิงเหนียงที่เรือนจินหรงตามเดิมเถอะขอรับ ปิงเหนียงเลี้ยงเขาเองมากับมือ นางรู้ว่าต้องดูแลเขาอย่างไร”
“เจ้ารอง ความหมายของเจ้าคือ เฮ่าเกอเอ๋อร์ย้ายกลับเรือนจินหรงแล้วอาการป่วยก็จะหายดีแล้วหรือ”
“ลูกไม่ได้หมายความเช่นนี้ขอรับ”
“แล้วปิงเหนียงเป็นหมอรึ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็มิใช่อย่างนั้นขอรับ…” หลีกวงซูเค้นเสียงพูดคำนี้ออกมา อารมณ์ของเขากำลังย่ำแย่มากดุจเดียวกัน
เขาเพิ่งได้บุตรชายคนเล็กมาเมื่อล่วงเข้าวัยกลางคน ซ้ำยังมีกับสตรีที่รักมากที่สุด ขณะนี้เห็นลูกน้อยเจ็บป่วย ในใจจะไม่เป็นทุกข์ได้ที่ใดเล่า
สายตาของหลีกวงซูมองดูใบหน้าแดงก่ำของเฮ่าเกอเอ๋อร์แล้วปวดใจสุดจะกล่าว เขากุมมือเล็กของบุตรชายไว้เบาๆ
“แม่…แม่…” เฮ่าเกอเอ๋อร์หลับตาเพ้อเรียกเสียงงึมงำ
หลีกวงซูหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ท่านแม่ ท่านดูเฮ่าเกอเอ๋อร์สิว่าน่าสงสารปานใด สิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดในยามป่วยก็คือมีมารดาแท้ๆ เฝ้าอยู่ข้างกายนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมีสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกัน ไม่ว่าใจนางจะไม่ชมชอบปิงเหนียงสักเพียงใด แต่อย่างไรเด็กก็ไร้ความผิด
พอได้ยินเด็กน้อยพึมพำเรียกหามารดา หญิงชราใจอ่อนยอมถอยให้หนึ่งก้าวในที่สุด นางกล่าวขึ้นว่า “อย่างนั้นก็เรียกปิงเหนียงมาเถอะ ให้นางอยู่ในเรือนชิงซงชั่วคราวคอยดูแลเฮ่าเกอเอ๋อร์”
หลีกวงซูเดินกลับไปถึงเรือนจินหรง เขาเพิ่งก้าวขาข้ามประตูลานเรือนก็เหลือบตาเห็นหลิวซื่อพาบุตรสาวสองคนออกมาเดินเล่นตามสบาย
เขาชะงักฝีเท้าอย่างรู้สึกไม่พึงใจอยู่หลายส่วน
เฮ่าเกอเอ๋อร์ไม่สบาย คนเป็นแม่ใหญ่กลับไม่ดูดำดูดี ไม่มีความเมตตาแม้สักน้อยนิด โชคดีที่เขายืนกรานท่านแม่ถึงไม่ดึงดันเอาตัวเฮ่าเกอเอ๋อร์มาให้หลิวซื่อเลี้ยง หากให้นางเลี้ยงเฮ่าเกอเอ๋อร์จะเป็นเช่นไรก็ยังไม่แน่
หลิวซื่อมองเห็นสามีแล้วเช่นกัน นางขยับๆ ริมฝีปากแล้วแสร้งมองไม่เห็นเดินต่อไปเรื่อยๆ
หลีกวงซูเดินรี่เข้าไปหาเอง
หลิวซื่อหยุดยืนนิ่งในใจนางรู้สึกระทมหม่นหมอง
นางมโนภาพตอนสามีภรรยากลับมาพบกันไว้ในหัวนับไม่ถ้วน กลับไม่คิดเลยสักนิดว่าจะตกอยู่ในสภาพน่าอับอายเฉกนี้ แม้แต่เมื่อราตรีก่อนถึงหลีกวงซูจะอยู่ในเรือนของนาง แต่ก็นอนแยกห้องกัน
“เฮ่าเกอเอ๋อร์ไม่สบาย เจ้ารู้หรือไม่”
“รู้แล้ว” หลิวซื่อกล่าวเสียงราบเรียบ
หลีกวงซูนิ่วหน้า “ในเมื่อรู้แล้วเหตุใดไม่ไปดูสักหน่อย เจ้าเป็นแม่ใหญ่ของเขา หรือว่าน้ำจิตน้ำใจแค่นี้ก็ยังไม่มี”
หลิวซื่อเพ่งสายตามองดูบุรุษที่ทำปากอ้าๆ หุบๆ อยู่ตรงหน้าแล้วอยากถอดรองเท้าผ้าปักยัดใส่ปากเขาอย่างมาก “ตอนนี้ท่านพี่นึกขึ้นได้ว่าข้าเป็นแม่ใหญ่ของเฮ่าเกอเอ๋อร์แล้วหรือ แต่เมื่อวานไม่เห็นท่านเป็นเช่นนี้เลย”
ครั้นเห็นเขามุ่นคิ้ว นางเอ่ยต่ออย่างเฉยเมย “อีกอย่างที่ข้าไม่ไปดู เพราะพอเฮ่าเกอเอ๋อร์ไม่สบาย ท่านพี่ก็ต้องห่วงนั่นห่วงนี่สารพัดอยู่แล้ว ขืนข้าไปเฝ้าอยู่ทุกวัน ดีไม่ดีจะสงสัยว่าข้าเป็นตัวการ”
เห็นนางเป็นคนโง่หรือไร อยู่ดีไม่ว่าดีไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน
“เจ้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
หลิวซื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “แล้วข้าสมควรคิดอย่างไรหรือ”
“ช่างเถอะ ข้าไม่อยากต่อปากต่อคำกับเจ้า” หลีกวงซูสะบัดแขนเสื้อจากไป
หลิวซื่อยืนอยู่กลางลานเรือนที่ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉาร่วงโรย พาให้หัวใจหนาวเหน็บยิ่งขึ้น
“ท่านแม่…” คุณหนูสี่หลีเยียนกุมมือน้องสาวแน่น นางส่งเสียงเรียกอย่างห่วงใย
หลิวซื่อก้มหน้าตบตัวนางเบาๆ ฝืนยิ้มออกมา “แม่ไม่เป็นไร”
นางเหลือบตาขึ้นมองชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินแก่ที่หายลับไปตรงประตูวงเดือน กล่าวเสียงเย็นๆ ว่า “เยียนเอ๋อร์ ฉานเอ๋อร์ พวกเจ้าจงจำไว้วันหน้าออกเรือนไปอย่าทุ่มเทจิตใจไปที่ตัวสามีจนหมด ยามใดที่เจ้ารู้สึกว่าขาดบุรุษสักคนไปแล้วมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ยามนั้นจะเหลือแต่ทางตายสถานเดียวแล้วจริงๆ”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” หลีเยียนพูดเสียงเบาๆ
หลีฉานทำหน้างุนงงแต่ก็พยักหน้าตาม
หลิวซื่อตบไหล่บุตรสาวสองคน “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีความสามารถที่จะยืนบนลำแข้งของตนได้ เหมือนกับ…”
นางพูดถึงตรงนี้แล้วเว้นจังหวะเล็กน้อย ทอดสายตามองไปทางเรือนหยาเหอพลางพูดพึมพำ “เหมือนกับพี่เจาของพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวแล้ว”
หลีกวงซูตรงดิ่งไปทางเรือนฝั่งซ้ายพาปิงเหนียงรุดไปยังเรือนชิงซง
“ข้าขอคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองนางอย่างพินิจ เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใด “ลุกขึ้นเถอะ เฮ่าเกอเอ๋อร์เรียกหาเจ้าอยู่น่ะ”
ปิงเหนียงรีบเดินไปที่ข้างกายบุตรชาย ขอบตาแดงเรื่อทันใด
“แม่…” เด็กน้อยพึมพำเรียก
“เฮ่าเกอเอ๋อร์เป็นเด็กดี อี๋เหนียง* ของเจ้าอยู่ตรงนี้” นางรับผ้าชุบน้ำอุ่นจากมือสาวใช้มาเช็ดมือเขาเบาๆ
นัยน์ตาของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งทอประกายเข้มขึ้น
ปิงเหนียงผู้นี้ระมัดระวังตัวมากกว่าที่นางคิดไว้ เรียกขานตนเองว่า ‘อี๋เหนียง’ ได้อย่างสนิทปากถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่
ฝ่ายหลีกวงซูได้ยินคำว่า ‘อี๋เหนียง’ แล้วแววรักใคร่แกมสงสารผุดขึ้นในดวงตาฉับพลัน
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสามมาแล้วเจ้าค่ะ”
ผ่านไปครู่หนึ่งเฉียวเจาก็เดินเข้ามา นางแสดงคารวะแล้วเอ่ยถาม “ท่านย่า วันนี้เฮ่าเกอเอ๋อร์ดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่ายหน้า “ยังตัวร้อนอยู่จนลืมตาไม่ขึ้นเลย”
เฉียวเจาเข้าไปใกล้ๆ เด็กน้อย โน้มตัวลงเอามืออังหน้าผากเขา เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา “ดูเหมือนตัวไม่ร้อนเท่าครั้งก่อนที่ข้ามานะเจ้าคะ”
“อย่างนั้นหรือ” หญิงชราคลายใจลง นางมองไปทางหลานชาย ใบหน้าของร่างน้อยๆ ที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของปิงเหนียงแลดูนิ่งสงบเป็นพิเศษ
หลีกวงซูอดยิ้มไม่ได้ “ท่านแม่ เห็นได้ว่าข้าพูดไม่ผิด เด็กไม่คุ้นเคยที่ต้องอยู่ห่างจากมารดา ท่านดูท่าทางของเฮ่าเกอเอ๋อร์ตอนนี้สิดีขึ้นมากแล้ว ท่านแม่ หรือไม่ก็ให้เฮ่าเกอเอ๋อร์อยู่กับปิงเหนียงไปก่อนเถอะขอรับ รอเขาโตกว่านี้ค่อยว่ากัน”
เฉียวเจาลอบพิศดูเฮ่าเกอเอ๋อร์พร้อมกับย่นหัวคิ้วเข้าหากันทีละน้อย
* ยาจิงฝางไป้ตู๋ เป็นยาจีนตำรับโบราณ คล้ายๆ กับยาเขียวของไทย มีสรรพคุณในการรักษาอาการไข้หวัด เช่น ขับเหงื่อ ลดไข้ แก้ไอแก้ปวด ขับเสมหะ ฯลฯ ประกอบด้วยเมล็ดจิงเจี้ย (เก็งไก่) ฝางเฟิง สะระแหน่ เก๊กฮวย เชียงหัว โกฐหัวบัว ชะเอม และขิงดิบ
* อี๋เหนียง เป็นคำที่ใช้เรียกอนุภรรยา