หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 580
บทที่ 580
“ท่านอาสะใภ้รองเกรงใจอะไรกันเจ้าคะ ข้าเพียงบอกกล่าวที่สิ่งที่ตนค้นพบออกมาก็เท่านั้นเอง”
หลิวซื่อคว้ามือเฉียวเจามาจับไว้ “ความดีของคุณหนูสาม ท่านอาสะใภ้รองจดจำไว้ในใจแล้ว”
เมื่อกลับถึงเรือนจินหรง หลิวซื่อปิดประตูห้องแล้วเปล่งเสียงหัวร่ออย่างสาแก่ใจ
“ท่านแม่ ไฉนท่านยังหัวเราะอีกเล่า” คุณหนูหกหลีฉานกระตุกแขนเสื้อของมารดาอย่างไม่เข้าใจ
สีหน้าแววตาของหลิวซื่อแต้มรอยยิ้ม “เหตุใดแม่จะต้องไม่หัวเราะเล่า”
“ปิงอี๋เหนียงผู้นั้นกระทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ ท่านพ่อยังคงปกป้องนาง เห็นได้ว่าท่านพ่อ…” คุณหนูสี่หลีเยียนสะกิดน้องสาว นางถึงกัดริมฝีปากไม่พูดต่ออีก
หลิวซื่อหัวเราะพรืด “เห็นได้ว่าท่านพ่อของพวกเจ้าเห็นนางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจใช่หรือไม่ น้องสาวเจ้าคิดอย่างนี้ เจ้าก็คิดเฉกเดียวกันใช่หรือไม่”
หลีเยียนหลุบตาลง “ข้าเป็นเดือดเป็นแค้นแทนท่านแม่เหมือนกันเจ้าค่ะ”
บิดาผู้เปรียบดั่งเทพสวรรค์ในความทรงจำ บิดาผู้ยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาสูงตระหง่าน เหตุไฉนบัดนี้ถึงดูคล้ายคนแปลกหน้าถึงเพียงนี้
หลิวซื่อเม้มปาก “เด็กโง่ พวกเจ้านึกว่าเมื่อปิงอี๋เหนียงไปแล้วท่านพ่อของพวกเจ้ายังจะรักมั่นต่อนางจวบจนวันตายอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ สำหรับบุรุษแล้วหญิงงามที่ห่างไกลพันลี้ยังเทียบมิได้กับกระดูกหมูชิ้นหนึ่งเลยนะ ขอเพียงไล่นางจิ้งจอกผู้นั้นไปได้ แม่ก็สบายใจแล้ว”
หลังจากเหตุการณ์คราวนี้นางไม่หวังลมๆ แล้งๆ ถึงความรักความผูกพันอันใดจากบุรุษผู้นั้นอีกสืบไป ทว่านางยังอยากได้บุตรชายผู้หนึ่งไว้เลี้ยงดูตนยามแก่เฒ่า ยังอยากให้บุตรสาวสองคนได้ออกเรือนมีชีวิตอย่างสงบมั่นคง
ไม่ว่าในใจของหลีกวงซูจะคะนึงหาปิงเหนียงไปชั่วชีวิตหรือไม่นางล้วนไม่ใส่ใจแล้ว ตราบเท่าที่ตัวเภทภัยนั่นไม่อยู่ในสกุลหลีนางก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว
“วันหน้าน่ะนะ ต้องเชื่อฟังพี่เจาของพวกเจ้าให้มากๆ ไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ รู้แล้วใช่หรือไม่”
หนนี้ทั้งหลีเยียนและหลีฉานล้วนพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลิวซื่อมองต้นล่าเหมย* ตรงริมกำแพงนอกหน้าต่าง “ขอเพียงพวกเจ้าอยู่ดีมีสุขก็เป็นบุญของแม่แล้ว”
นางเลื่อนมือลงวางทาบบนหน้าท้องเงียบๆ ปล่อยใจคิดฝันไป
วันหน้าอีกไม่ไกล ในนี้จะมีบุตรชายผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้นดั่งคำกล่าวของคุณหนูสามจริงๆ ใช่หรือไม่
ในเรือนฝั่งซ้ายของเรือนจินหรงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกล่าเหมยเช่นเดียวกัน
หลีกวงซูปิดประตูห้องหนังสือแล้วสีหน้าขรึมลง “ปิงเหนียง เรื่องวางพิษกู่ให้เฮ่าเกอเอ๋อร์เกิดขึ้นเมื่อใดกันแน่”
ปิงเหนียงขบริมฝีปาก “เพิ่งเมื่อคืนเจ้าค่ะ”
เขาหลับตาลง “ข้าว่าแล้วเชียว!”
หลีกวงซูมิใช่คนโง่เขลา ถึงแม้จะช่วยปิดบังคำโกหกของปิงเหนียงตอนอยู่ต่อหน้าพวกฮูหยินผู้เฒ่า แต่ในใจเขาจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรสักนิดได้เช่นไร
บางทีสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมใจได้คืออย่างน้อยปิงเหนียงก็พูดความจริงกับเขา
“ท่านพี่…” ปิงเหนียงกุมมือหลีกวงซู น้ำตาไหลพรากๆ เป็นสาย “ข้าวานคนไปซื้อหนอนกู่เชื่อมใจแม่ลูกตอนก่อนออกจากหลิ่งหนานเองเจ้าค่ะ ข้ากลัวจริงๆ นะ สำหรับข้าแล้วชีวิตในเมืองหลวงเป็นเรื่องที่ไกลตัวเหลือเกินจนสุดปัญญาจะนึกภาพออกได้ อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่ากับนายหญิงจะเมตตาปรานีหรือไม่ เฮ่าเกอเอ๋อร์จะคุ้นเคยกับอาหารการกินของเมืองหลวงหรือไม่ พวกคุณชายคุณหนูรักใคร่ปรองดองกันหรือไม่…”
ปิงเหนียงมองหลีกวงซูด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ข้าพลิกตัวกระสับกระส่ายนอนไม่หลับทั้งคืน ข้าหวาดหวั่นสุดใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นกับเฮ่าเกอเอ๋อร์…”
“แต่เจ้าทำอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยอมรับไม่ได้”
ร่างอ้อนแอ้นของปิงเหนียงสั่นสะท้าน นางโผเข้าไปซบอกหลีกวงซู นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มเหลือบขึ้นมองตาเขา “ท่านพี่ ท่านอย่าพูดอีกเลย เป็นข้าอาภัพอับโชค ไม่เช่นนั้นไฉนพิษกู่ที่มีแต่ในหลิ่งหนานถึงโดนจับได้เล่า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามได้อยู่กับท่านมาหลายปี ซ้ำยังได้ให้กำเนิดเฮ่าเกอเอ๋อร์ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดของข้าในชาตินี้แล้ว”
ปิงเหนียงพูดพลางเขย่งส้นเท้าขึ้นจุมพิตเรียวปากเขา “หลังจากนี้ลืมข้าไปเสียเถอะ ท่านดูแลเฮ่าเกอเอ๋อร์ให้ดีๆ ข้าอยู่ที่หลิ่งหนานจะอธิษฐานขอพรให้ท่านชั่วชีวิต”
“ปิงเหนียง…” หลีกวงซูรัดร่างอรชรในอ้อมแขนไว้แนบแน่น ก้มหน้าลงจูบนางตอบ
ชั่วอึดใจเดียวหลังม่านเตียงงามวิจิตรพลันอุ่นระอุ กลิ่นอายหวามใจฟุ้งตลบไปทั่วห้อง ดอกล่าเหมยตรงข้างกำแพงเรือนไหวระริกตามแรงลม กำจายกลิ่นหอมเย็นรื่นอย่างไร้สุ้มเสียง
อีกด้านหนึ่งบรรยากาศภายในเรือนฝั่งซ้ายของเรือนหยาเหอกำลังคึกคักรื่นเริง
“คุณหนู ท่านคงไม่รู้ว่าตอนเตะนายท่านรองล้มลงข้าแอบตกใจน่าดูเลยเจ้าค่ะ” ปิงลวี่ตบอกเบาๆ พลางพูด
“เจ้าก็มีเวลาที่กลัวเป็นเหมือนกันรึ” เฉียวเจาเม้มปากยิ้ม
“กลัวแน่นอนสิเจ้าคะ นายท่านรองเป็นเจ้านาย ถ้าเกิดคุณหนูพลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะข้าจะทำฉันใดเล่า”
เฉียวเจาหัวเราะ “นายท่านรองเป็นคนมีเหตุผล ไม่ถือสาหาความสาวใช้น้อยผู้หนึ่งเช่นเจ้าหรอก”
หากเป็นท่านพ่อของนาง เป็นไปได้จริงๆ ว่าคงจะสั่งสอนสาวใช้ที่ยั่วโทสะเขาให้เข็ดหลาบ แต่ท่านอารองที่เพิ่งก้าวเข้าประตูเรือนไม่แม้แต่จะเสียเวลาผลัดอาภรณ์ก็ไปแสดงคารวะที่จวนตะวันออกผู้นี้จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคู่หมั้นของกวนจวินโหวแล้ว
“ไปหยิบตะกร้าเข็มกับด้าย ข้าจะเย็บผ้า” เฉียวเจาเอ่ยสั่งอาจู
อาจูไปหยิบมาให้โดยไม่กล่าววาจาสักคำ แต่ปิงลวี่กลับนั่งเท้าคางอย่างกังวลใจเหลือหลาย “คุณหนู ท่านระวังเข็มตำมือนะเจ้าคะ”
คุณหนูเคยทำของพวกนี้ที่ใดกัน ตอนแรกๆ เคยบอกว่าจะปักตาเป็ดบนถุงผ้าปักเอง แต่ปักไปได้ข้างเดียวก็โยนให้อาจูแล้ว กระทั่งนางยังมองออกเลยว่านั่นใช่ตาเป็ดที่ใดกัน ลูกตาของปลาตายยังมีชีวิตชีวากว่าที่คุณหนูปักเสียอีก
คุณหนูของนางนั้นเก่งสารพัด ยกเว้นงานเย็บปักถักร้อยเรื่องเดียวที่สู้นางยังไม่ได้เลย
เฉียวเจาหาได้รู้ไม่ว่าตนโดนสาวใช้น้อยดูแคลนเสียแล้ว นางคัดเลือกผ้าอย่างเอาจริงเอาจังจนได้ผ้าเนื้อดีลายเมฆสีเขียวไม้ไผ่มาชิ้นหนึ่ง จากนั้นหยิบกรรไกรมาเริ่มตัดผ้า
“คุณหนู ระวังแทงโดนมือนะเจ้าคะ” อาจูพูดกำชับอีกคราอย่างไม่วางใจ
ปิงลวี่ทำท่าราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ “คุณหนู ตัดเบี้ยวแล้วๆ”
เฉียวเจาวางกรรไกรลงในตะกร้าอย่างอ่อนใจ พลางยกมือชี้หน้าประตู “พวกเจ้าสองคนออกไป!”
จะให้คนอื่นได้เย็บถุงผ้าปักให้คู่หมั้นดีๆ ไม่ได้หรือไร!
สองสาวใช้ที่โดนคุณหนูของตนไล่ออกมายืนหน้าประตูมองหน้ากันไปมา
“คุณหนูเลือกผ้าสีเขียวไม้ไผ่ จะทำให้ท่านเขยใช่หรือไม่นะ” ปิงลวี่เบาเสียงลงถาม
อาจูเม้มปากยิ้ม “เรื่องนี้ยังต้องถามด้วยหรือ”
นอกจากว่าที่ท่านเขย ใครเล่าจะสามารถทำให้คุณหนูที่กระทั่งตาเป็ดก็ยังปักไม่ได้เรื่องของพวกนางยอมจับเข็มกับด้าย
ปิงลวี่ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม “เฮ้อ…หากเป็นอย่างนี้เจ้าทำแทนไม่ได้จริงๆ ก็นั่นเป็นของที่ท่านเขยพกติดตัว คุณหนูทำเองกับมือถึงจะดี”
“นั่นสิ”
“เฮ้อ…” ปิงลวี่ถอนใจเป็นคำรบที่สอง
อาจูมองนางอย่างไม่เข้าใจ
ปิงลวี่ทำหน้าม่อยกล่าวว่า “อาจู เจ้าว่าหากท่านเขยได้รับถุงผ้าปักที่คุณหนูทำแล้วคิดถอนหมั้นจะทำประการใด”
อาจูพยักหน้าเบาๆ “มีเหตุผล ประเดี๋ยวข้าใช้ผ้าแบบเดียวกันเย็บถุงผ้าปักไว้อีกใบเถอะ บางทีคุณหนูอาจต้องใช้แก้ขัดเฉพาะหน้า”
ในห้องมุมปากของเฉียวเจากระตุกริก
ฝีมือเย็บปักถักร้อยของข้าโดนหยามถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ หรือ
เมื่อใกล้ถึงวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองรอมร่อ คนทั่วทั้งจวนสกุลหลีต่างมีงานยุ่งกันมากขึ้น
ในที่สุดเฉียวเจาก็ทำงานในมือเสร็จ นางแอบบอกเฉินกวงให้ส่งข่าวถึงเซ่าหมิงยวน
ทั้งคู่นัดพบกันได้สะดวกอย่างมาก สถานที่ยังคงเป็นเรือนด้านข้างของจวนสกุลหลี
วันนี้หิมะตกลงมาแล้ว เฉียวเจามาถึงก่อน นางยืนรอเขาอยู่ในลานเรือน
เสียงฝีเท้าดังลอยมา นางยังไม่ทันหันหน้าไปก็ถูกฝ่ามือใหญ่สวมกอดจากทางด้านหลัง
“ไฉนไม่เข้าไปรอในเรือน”
“หิมะตกไม่หนัก ข้างนอกยังสว่างอยู่”
ทั้งสองเข้าเรือนพร้อมกัน เซ่าหมิงยวนจับมือนางมาถูไปถูมาให้ไออุ่น “ทำให้เจ้ารอนานแล้ว”
เฉียวเจาดึงมือคืนมาและหยิบถุงผ้าปักสีเขียวไม้ไผ่จากแขนเสื้อยื่นส่งให้ “นี่ ทำเสร็จแล้ว”
เซ่าหมิงยวนรีบรับไว้ เขาจับๆ ถุงผ้าปักที่ยังมีไออุ่นกายของแม่นางเฉียวหลงเหลืออยู่แล้วยิ้มออกมา “ยังมีถุงใส่อีกชั้นหนึ่งด้วย ข้าขอดูหน่อยสิว่าเป็นอย่างไร”
* ล่าเหมย (เหมยเดือนสิบสอง) เป็นไม้ดอกที่ออกดอกในฤดูหนาว ส่วนมากเป็นสีเหลือง แต่ก็มีที่เป็นสีชมพูหรือสีแดง คนทั่วไปรู้จักในชื่อต้น Japanese Allspice (Chimonanthus Praecox) แต่คนญี่ปุ่นเรียกว่าโรไบ