หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 596
บทที่ 596
เจียงซือหร่านตายแล้ว
ตายในตรอกเล็กเปลี่ยวร้างซึ่งแม้จะห่างจากถนนที่คึกคักเฟื่องฟูไปไม่ไกล แต่กลับมีคนผ่านเข้าออกน้อยนักสายหนึ่ง
เด็กสาวในสภาพตายตาไม่หลับนั่งพิงหมิ่นๆ อยู่ตรงเชิงกำแพงมีหิมะกลบทับร่างกายบางส่วนไว้ ใบหน้าที่โผล่ออกมาขาวซีดปราศจากสีเลือด นัยน์ตาเบิกค้างอย่างตกใจกลัวแกมคาดไม่ถึง
ห่างไปไม่ไกลมีศพของชายหนุ่มสองคนนอนอยู่บนพื้น เป็นองครักษ์จินหลินที่อารักขานางในที่ลับ
“ท่านพ่อบุญธรรม…” เจียงหย่วนเฉาปริปากอย่างยากลำบาก เขายื่นมือไปประคองเจียงถัง
เจียงถังผลักเขาออก “ไสหัวไป!”
เจียงหย่วนเฉาถูกผลักไปด้านข้าง
เจียงถังเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง รองเท้าทรงสูงสีดำเหยียบลงบนหิมะจนบังเกิดเสียงดังสวบๆ
เขาพลันเร่งฝีเท้าถลันเข้าไปข้างๆ เจียงซือหร่าน
“หร่านรานๆ ไฉนเจ้าไม่เชื่อฟังเช่นนี้ อยู่ตรงนี้ก็นอนหลับแล้วหรือ” เจียงถังราวกับเป็นคนชราไม้ใกล้ฝั่ง ยื่นมือที่สั่นระริกไปประคองแก้มที่แข็งทื่อไปนานแล้วของบุตรสาว พูดคะยั้นคะยอเสียงพึมพำ “ลุกขึ้นเร็วเข้า ตรงนี้หนาว พ่อพาเจ้ากลับเรือน...”
เจียงถังพูดไม่ทันจบ เขาก็เบือนหน้าไปอีกทางแล้วกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่” องครักษ์จินหลินพากันรุดมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเปล่งเสียงพร้อมกันด้วยความตกตะลึง
เจียงถังเพ่งมองเลือดสีแดงฉานบนหิมะโดยไม่ขยับกาย
องครักษ์จินหลินกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดคำใดอีก
ท่านผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเขามีบุตรสาวคนนี้เพียงคนเดียว เลี้ยงดูนางเสมือนไข่มุกในอุ้งมือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนผมขาวส่งดวงวิญญาณคนผมดำ
ที่สำคัญคือกององครักษ์จินหลินอันทรงเกียรติของพวกเขาไม่อาจคุ้มครองแม้กระทั่งบุตรสาวของท่านผู้บัญชาการใหญ่ให้ปลอดภัยได้ เมื่อข่าวแพร่ออกไป พวกเขาทุกคนคงสู้หน้าใครมิได้แล้ว!
ในดวงตาขององครักษ์จินหลินแต่ละคนแฝงไว้ด้วยไฟโทสะ พวกเขากำมือเป็นหมัดบังเกิดเสียงดังกร๊อบๆ
“ท่านพ่อบุญธรรม…” เจียงอู่ซึ่งรุดมาถึงส่งเสียงเรียกคำหนึ่ง
ส่วนเจียงสืออียืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ
เจียงถังไม่แยแส เขาก้มตัวลงอุ้มศพของเจียงซือหร่านขึ้น
“ท่านผู้บัญชาการใหญ่…” เหล่าองครักษ์จินหลินล้อมวงเข้าไป
เจียงถังไม่กล่าวคำใด อุ้มศพบุตรสาวออกเดินไปก้าวหนึ่ง แต่ก้าวที่สองกลับซวนเซจะล้มลง
ฝ่ามือหลายคู่ยื่นมาหาพร้อมกัน แต่ถูกเจียงถังปัดออกไปหมด “อย่าแตะต้องหร่านรานของข้า!”
เขาเดินไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง ทิ้งรอยเท้าจมลึกอยู่บนพื้นหิมะ น้ำตาไหลลงมาเป็นทางจากดวงตาที่แดงก่ำดุจสายเลือด
เจียงหย่วนเฉาสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เอาศพของพวกเขาไป”
ท้องฟ้ามืดมิดแล้ว หิมะที่ทับถมอยู่ตามกระเบื้องชายคาและพื้นถนนสะท้อนแสงไฟเป็นประกายสีขาวโพลน ท้องถนนเงียบเชียบวังเวง มีคนผ่านไปผ่านมาบางตาเป็นครั้งคราว พอเห็นองครักษ์จินหลินเต็มพรืดเป็นโขยงก็ตกใจแทบขวัญกระเจิง พากันหลบไปไกลๆ ทันที
เหล่าองครักษ์จินหลินที่เดินตามหลังเจียงถังเงียบๆ เริ่มรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ
ทิศทางที่ท่านผู้บัญชาการใหญ่มุ่งหน้าไปมิใช่จวนสกุลเจียง แล้วก็ไม่ใช่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน แต่เป็น…
องครักษ์จินหลินทั้งหลายแอบสบตากันไปมาอย่างฉงนใจแล้วพากันมองไปทางเจียงหย่วนเฉา
ตั้งแต่เจียงหย่วนเฉากับเจียงซือหร่านหมั้นหมายกัน ท่านสิบสามก็เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดรองจากท่านผู้บัญชาการใหญ่คนเดียวในกององครักษ์จินหลิน
เจียงหย่วนเฉาคิดอ่านได้เฉียบไว เห็นทิศทางที่เจียงถังเดินไปประกอบกับสีหน้าในขณะนี้ของเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาจะไปที่ใด
“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านจะไปที่สำนักแพทย์หลวงหรือขอรับ”
ถ้อยคำนี้ดังขึ้นเหล่าองครักษ์จินหลินหน้าเปลี่ยนสีไปทันใด
ท่านผู้บัญชาการใหญ่สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ส่งผลให้เขาโศกเศร้าเสียใจจนเกินไปถึงขั้นไม่ยอมรับว่านางตายไปแล้วใช่หรือไม่ นี่คือจะอุ้มคุณหนูเจียงไปรักษาที่สำนักแพทย์หลวงหรือ
หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งราชสำนัก โดยเฉพาะคนของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวา จะยกข้ออ้างว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่สติเลอะเลือนเพื่อฉวยโอกาสยึดอำนาจไปหรือไม่
แต่ว่าในเวลาอย่างนี้พวกองครักษ์จินหลินไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดังต่อหน้าเจียงถัง นับประสาอะไรกับออกปากห้ามปราม จึงทำได้เพียงมองเจียงหย่วนเฉาอย่างคาดหวัง
เจียงหย่วนเฉายืนขวางหน้าเจียงถัง “ท่านพ่อบุญธรรม พวกเรากลับเรือนเถอะ หร่านรานเป็นอย่างนี้ ต้องหาคนมาช่วยแต่งตัวนางให้เรียบร้อย ท่านเห็นว่าอย่างไรขอรับ”
เจียงถังกลอกตาไปมา แววตาถึงเริ่มรับรู้สิ่งรอบข้างในที่สุด “กลับเรือน?”
“ใช่ขอรับ อากาศหนาวถึงเพียงนี้ พวกเราพาหร่านรานกลับเรือนเถอะ”
เจียงถังเดือดดาลอย่างหนักก่อนจะยื่นมือไปตบหน้าเขา “กลับเรือนอะไรกัน! หร่านรานล้มป่วยแล้ว ยังต้องขอให้หมอหลวงรักษาให้นะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเชิญหมอหลวงมาได้นะขอรับ” แก้มข้างหนึ่งของเจียงหย่วนเฉาบวมเจ่อทันทีเพราะโดนเจียงถังตบหน้าสุดแรง มุมปากมีคราบเลือดติดอยู่ แต่เขาไม่แม้แต่จะเช็ด ยังพูดเกลี้ยกล่อมเสียงนุ่มต่อ
“ท่านพ่อบุญธรรม เชิญหมอหลวงมาที่จวนจะสะดวกกว่ามิใช่หรือขอรับ” เจียงอู่ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
เจียงสืออีเป็นคนไม่ช่างพูดมาตั้งแต่เกิด ชั่วขณะนี้เขาหลุบตาลงคิดอะไรอยู่ก็สุดรู้
“ไม่ได้ หมอหลวงคนเดียวจะพอได้อย่างไร พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด!” เจียงถังตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เขาอุ้มศพของเจียงซือหร่านสาวเท้าเดินเร็วขึ้น
แขนข้างหนึ่งของเจียงซือหร่านห้อยตกลงแกว่งไปแกว่งมาตามจังหวะการเดินของเจียงถัง
เจียงหย่วนเฉาเบนสายตาออกแล้วตามไปเงียบๆ
เพลานี้พวกหมอหลวงออกจากที่ว่าการแล้ว เหลือเพียงคนที่อยู่เฝ้าเวรไม่กี่คนกำลังนั่งล้อมวงดื่มชาพูดคุยสัพเพเหระกัน พอเห็นองครักษ์จินหลินบุกเข้ามาทั้งโขยงก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เจียงถังวางตัวบุตรสาวลงแล้วขยุ้มคอเสื้อของหมอหลวงผู้หนึ่ง “หัวหน้าแพทย์หลวงอยู่ที่ใด?”
“ท่านผู้บัญชาการเจียง?” หมอหลวงงงงันไป “ก่อนใกล้หมดเวลาราชการทางวังหลวงนำความมาบอกว่าไทเฮาไม่ค่อยสบายพระวรกาย หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่จึงเข้าวังไปแล้ว”
“สืออี เจ้าไปเฝ้าอยู่ที่นอกประตูวัง พอหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ออกมาก็พาเขามาที่นี่” เจียงถังออกคำสั่งทันที
ทั้งที่คำพูดและการกระทำของเจียงถังในเวลานี้เหลวไหลอย่างมาก เจียงสืออีกลับออกไปปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงถังลากตัวหมอหลวงมาตรงหน้าศพของเจียงซือหร่าน “พวกเจ้าดูอาการให้บุตรสาวข้าก่อน”
พวกหมอหลวงมองแวบเดียวก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใด! รีบรักษาบุตรสาวข้าสิ” เจียงถังแผดเสียงดังลั่น
หมอหลวงผู้นั้นกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ บุตร...บุตรสาวของท่านจากไปแล้ว…อ่า…”
เสียงสุดท้ายของหมอหลวงที่เอ่ยปากขึ้นกลายเป็นเสียงร้องโหยหวน เจียงถังบีบคอเขาแน่นๆ แล้วออกแรงบีบมากขึ้นทุกทีๆ
“ท่านพ่อบุญธรรม ใจเย็นสักนิด…”
เจียงถังมองเจียงหย่วนเฉาด้วยสายตาปึ่งชา จากนั้นบีบมือแรงขึ้นก็ได้ยินเสียงดังเปาะ หมอหลวงเคราะห์ร้ายผู้นั้นก็คอหักไปแล้ว ศีรษะของเขาห้อยตกลง ไม่อาจเปล่งเสียงพูดได้อีกต่อไป
หมอหลวงคนอื่นๆ ตกใจจนปัสสาวะรดกางเกงไปแล้ว
หมู่องครักษ์จินหลินยิ่งเงียบเชียบมากขึ้น
ไม่ว่าขุนนางตำแหน่งสูงเพียงใด พวกเขาเคยเล่นงานมาแล้วทั้งนั้น อีกทั้งเคยประสบพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มานับไม่ถ้วน ทว่าบุกเข้าสำนักแพทย์หลวงแล้วบีบคอหมอหลวงที่ไร้ความผิดผู้หนึ่งตายกลับเป็นคราครั้งแรก
“ดูอาการให้บุตรสาวข้า!” เจียงถังมองไปทางหมอหลวงที่เหลืออยู่
หนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าเจียงซือหร่านตายแล้วอีก พวกเขาล้อมรอบศพของนางฝืนข่มความหวาดกลัวแสร้งทำท่าตรวจอาการ
“ท่านพ่อบุญธรรม หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่มาแล้วขอรับ” เจียงสืออีพาหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่เดินเข้ามา
หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่กลับมิได้ต่อว่าต่อขานอะไร ถึงอย่างไรเจียงถังมีความสำคัญในใจฮ่องเต้มิใช่สามัญ หมอหลวงเล็กๆ อย่างพวกเขาล่วงเกินไม่ได้
พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจียงถัง หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่พูดปลอบยิ้มๆ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่อย่าได้ร้อนใจ ข้าขอดูอาการของบุตรสาวท่านก่อนค่อยว่ากัน”
เขามองปราดเดียวก็เห็นเจียงซือหร่านนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว รอยยิ้มบนใบหน้านิ่งค้างไปฉับพลัน เขาสูดลมหายใจดังเฮือกก่อนเอ่ยขึ้น “บุตรสาวของท่านตายแล้ว”
คำว่า ‘ตาย’ ยั่วโทสะของเจียงถังทันควัน
พอเห็นหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่โดนเจียงถังบีบคอแบบเดียวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทุกประการ พวกหมอหลวงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทรุดฮวบลงกองกับพื้นไปตามๆ กัน
เจียงหย่วนเฉาตัดสินใจสับสันมือใส่บิดาบุญธรรมจากทางด้านหลังอย่างฉับไวเด็ดขาด เจียงถังก็ตาเหลือกหมดสติไป