หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 608
บทที่ 608
เมื่อได้ยินถ้อยคำของเฉียวเจา เจียงสืออียกมือขึ้นลูบจมูก
ก่อนหน้านี้คุณหนูหลีซานพูดว่าเชิญคู่หมั้นของนางมาที่นี่ นางถึงจะบอกความจริงเรื่องการตายของท่านพ่อบุญธรรม เขาเชิญคู่หมั้นของนางมาแล้ว นางก็บอกสาเหตุการตายที่แท้จริงของท่านพ่อบุญธรรมให้รู้จริงๆ
ตอนนี้นางอยากช่วยบิดาของนางออกมาอีกคนใช่หรือไม่
เขารู้สึกไม่วายว่าดูท่าทางนางต้องได้สมดังใจหวังแน่
“ได้ ขอเพียงท่านช่วยพวกข้าหาตัวฆาตกรที่สังหารท่านพ่อบุญธรรมออกมาได้ ข้าตกลงให้ปล่อยบิดาของท่านออกมา” เจียงสืออีใคร่ครวญเสร็จแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เฉียวเจาหันไปมองเจียงหย่วนเฉา
เขายิ้มอย่างสุภาพนุ่มนวล “ข้าก็ตกลง”
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนกล่าวเช่นนี้ เจียงอู่ย่อมไม่โต้แย้งเป็นธรรมดา
“ข้าอยากขอคำชี้แนะจากท่านหมอหลวงสักหน่อย ท่านคิดว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่ตายด้วยยาพิษอะไรเจ้าคะ”
ได้ยินเฉียวเจาถามคำนี้ ใบหน้าของหมอหลวงเผยรอยยุ่งยากใจ
ต้นเหตุที่ทำให้ท่านผู้บัญชาการเจียงเสียชีวิตนั้นบอกได้ยากจริงๆ
หากดูแค่อาการที่โดนยาพิษจะคล้ายคลึงกับพิษเฮ่อติ่งหง ถึงแม้จะต่างกันอยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าคือพิษโอสถทิพย์ในกายเจียงถังผสมกับพิษเฮ่อติ่งหงจนเกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่คำว่า ‘พิษโอสถทิพย์’ นี้จะเอ่ยถึงไม่ได้อย่างเด็ดขาด นั่นเป็นการละเมิดข้อต้องห้ามของฮ่องเต้อย่างรุนแรง
“ตามความเห็นของข้า มีโอกาสเป็นเฮ่อติ่งหงมากที่สุด กระนั้นแผ่นดินนี้มียาพิษสารพัดชนิด ยังมียาพิษบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายกับเฮ่อติ่งหง และที่ข้ายังคิดไม่ออกซึ่งก็มิอาจรู้ได้แล้ว”
เฉียวเจาแย้มยิ้มพริ้มพราย “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง เป็นยาพิษที่มีฤทธิ์คล้ายกับเฮ่อติ่งหงจริงๆ”
หมอหลวงอึ้งงันไป เมื่อครู่เขาพูดอะไรไปนะ
เซ่าหมิงยวนกลั้นยิ้มไม่อยู่ ดูเหมือนนับวันเจาเจายิ่งวางกับดักดักคนได้เก่งขึ้นทุกที
“ชามใส่น้ำเปล่าที่ข้าขอไว้ก่อนหน้านี้เล่า” เฉียวเจาทวงจากเจียงสืออีโดยไม่เกรงใจสักนิด
หนนี้เขาไม่ลังเลใจใดๆ สั่งคนไปที่โถงตั้งศพหยิบชามมาทันที
ไม่นานนักองครักษ์จินหลินผู้หนึ่งเดินถือชามเข้ามา สีหน้าที่แปลกชอบกลของเขาทำให้ทุกคนบังเกิดความสนใจใคร่รู้อยู่หลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้
“วางตรงนี้เถอะ” เจียงสืออีเอ่ยบอก
องครักษ์จินหลินผู้นั้นวางชามลง ตอนถอยออกไปด้านข้างเขายังอดมองซ้ำอีกคราไม่ได้
ทุกคนมองไปทันที เห็นน้ำในชามใสแจ๋วดังเดิมแล้ว และเห็นบางสิ่งที่มีลักษณะเหมือนเส้นด้ายสีเลือดหลายสิบเส้นลอยเป็นแนวตั้งอยู่ในน้ำ
“เป็นไปได้อย่างไร ข้าจำได้ชัดๆ ว่าตอนแรกหลังจากคุณหนูหลีซานทิ้งเข็มเปื้อนเลือดลงไป น้ำเปล่าในชามนี้ก็ขุ่นหมดทันที ไฉนตอนนี้ถึงเป็นเยี่ยงนี้ได้” เจียงชีหนึ่งในสิบสามราชองครักษ์พูดข้อกังขาในใจใครๆ ออกมาดังๆ
ทุกคนมองไปทางเฉียวเจาพร้อมกัน รอคอยนางไขความกระจ่าง
เฉียวเจามองหมอหลวงยิ้มๆ “ท่านหมอหลวงเห็นลักษณะของน้ำในชามนี้แล้วนึกอะไรออกหรือไม่เจ้าคะ”
หมอหลวงขมวดคิ้วมุ่นเพ่งสายตามองน้ำเปล่าในชาม ความคิดในหัวแล่นเร็วรี่
ลักษณะอย่างนี้ดูคุ้นๆ อยู่สักหน่อย เขาคงเคยอ่านเจอจากคำอรรถาธิบายในตำราแพทย์เล่มใดเล่มหนึ่งเป็นแน่
ลักษณะนี้จัดว่าพบเห็นได้ยากจริงๆ ตำราแพทย์เล่มนั้นต้องไม่แพร่หลายนัก ว่าแต่เขาเคยอ่านเจอจากที่ใดกันแน่นะ
พิษที่ออกฤทธิ์คล้ายกับเฮ่อติ่งหง พอแช่อยู่ในน้ำเปล่านานระยะหนึ่งจะจับตัวกันเป็นเส้นๆ เหมือนเส้นด้ายสีแดงอย่างชัดเจน...
ระหว่างที่หมอหลวงเค้นสมองตรึกตรองอย่างหนัก ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นในหัวเขาละม้ายสายฟ้าฟาดลงกลางม่านหมอกขุ่นมัวในชั่วพริบตา เขานึกถึงอะไรบางอย่างได้กะทันหัน
หมอหลวงหันขวับไปมองเฉียวเจา “เล็บมือของท่านผู้บัญชาการใหญ่…”
นางผงกศีรษะน้อยๆ “ท่านคิดไม่ผิด ข้าพบรอยขีดสีแดงแบบเดียวกันบนเล็บมือของท่านผู้บัญชาการใหญ่เจ้าค่ะ”
“เป็นบัวโลหิตใช่หรือไม่” น้ำเสียงของหมอหลวงตื่นเต้นพลุ่งพล่านขึ้น
เฉียวเจาพยักหน้า “เป็นบัวโลหิตนั่นเองเจ้าค่ะ”
หมอหลวงยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ดูทีว่าสมองของข้ายังใช้การได้ ข้าว่าแล้วว่าเคยอ่านพบลักษณะเช่นนี้จากบันทึกในตำราเล่มใดมาก่อน ในจยาหนานมีบัวประหลาดพันธุ์หนึ่ง รูปทรงละม้ายบัวสาย เมล็ดสีแดงก่ำคล้ายโลหิต มีพิษรุนแรงดุจเฮ่อติ่งหง ยามโลหิตเจือพิษนี้โดนน้ำจะจับตัวเป็นเส้นสีแดง…”
หมอหลวงเริ่มอวดภูมิความรู้ด้วยความลำพองใจอย่างปิดไม่มิด ขณะที่ทุกคนกลับหน้าเปลี่ยนสี
เฉียวเจาเห็นดังนั้นแล้วแย้มปากยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “บัวโลหิตจะมีพิษรุนแรงก็ต่อเมื่อเด็ดมาใหม่ๆ ดังนั้นฆาตกรจะต้องเป็นคนที่เคยไปเมืองจยาหนานและปลูกบัวโลหิตไว้ในจวนแน่นอน อ้อ…เขาน่าจะบอกกับคนอื่นว่าชมชอบปลูกบัวสาย”
เฉียวเจากล่าวถึงตรงนี้แล้วกวาดสายตาไปทางเจียงอู่กับเจียงหย่วนเฉา
อำเภอจยาเฟิงบ้านเกิดของนางก็อยู่ในเมืองจยาหนาน ส่วนเจียงหย่วนเฉากับเจียงอู่เคยประจำอยู่ที่จยาเฟิงต่อๆ กัน ฉะนั้นฆาตกรที่วางยาพิษสังหารเจียงถังจะต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แน่
นางมีหน้าที่พินิจพิเคราะห์ถึงตรงนี้ ส่วนว่าใครคือฆาตกรนั้นมิใช่กงการของนางแล้ว
เสี้ยวขณะที่สิ้นเสียงเฉียวเจานั่นเอง เจียงสืออีชักดาบซิ่วชุนตรงเอวออกมาฟันใส่เจียงอู่อย่างฉับไว
เจียงอู่มีสีหน้าถมึงทึงแต่แรก เขาโต้กลับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ทว่าต่อจากนั้นมีดาบซิ่วชุนอีกหลายเล่มเล็งไปที่เขาพร้อมกันทันใด
เจียงชีจ้องเจียงอู่เขม็งด้วยสายตาโกรธแค้น “เจียงอู่! ปีที่แล้วเจ้ากลับจากจยาเฟิง พวกข้าไปชุมนุมสังสรรค์กันวงเล็กๆ ที่เรือนเจ้า เห็นดอกบัวที่ปลูกในเรือนข้างโดยไม่ตั้งใจ เจ้ายังหลอกพวกข้าว่าเป็นบัวสาย ที่แท้เจ้าคิดจะวางยาพิษสังหารท่านพ่อบุญธรรมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เจ้าโยนมโนธรรมไปให้สุนัขกินแล้วรึ!”
“ไม่ต้องเปลืองน้ำลายกับเขา จับตัวไว้ก่อนค่อยว่ากัน”
พอเห็นเหล่าองครักษ์จินหลินกลุ้มรุมเข้ามา ดวงตาของเจียงอู่ทอประกายวาวโรจน์อย่างคั่งแค้น เขากระโจนกายปรี่เข้าใส่เฉียวเจาโดยพลัน
เซ่าหมิงยวนม้วนกายกระโดดถีบยอดอกเจียงอู่ทีหนึ่ง
เจียงอู่ตัวงอลอยหวือไปข้างหลังหล่นลงบนตัวเจียงสืออีแล้วกระอักโลหิตอึกหนึ่งดังพรวด
เซ่าหมิงยวนปรายตามองเขาอย่างปึ่งชา กล่าวด้วยความดูแคลนว่า “หากไม่มายุ่งกับคู่หมั้นข้า เจ้ายังจะได้ดิ้นรนต่อสู้ต่ออีกสักหน่อย”
เจียงอู่มองเขาตาขุ่นขวาง ถ่มน้ำลายปนเลือดลงบนพื้น
เจียงสืออีขยุ้มคอเสื้อเจียงอู่ไว้พร้อมกับเอาดาบซิ่วชุนพาดคอเขา ถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “เหตุใดเจ้าต้องทำอย่างนี้”
เจียงอู่ทำเสียงถ่มน้ำลาย “เจ้าไม่คู่ควรได้รู้! เจ้าเป็นสุนัขซื่อสัตย์ที่เจียงถังเลี้ยงไว้จริงๆ เพียงน่าเสียดายว่าลงท้ายเจียงถังยังคงเห็นเจ้าเป็นสุนัข แต่ไรมาคนที่ได้ยืนสองขาเป็นคนมีเพียงเจียงสือซานเท่านั้น”
เจียงหย่วนเฉายิ้มจางๆ “เจียงอู่ ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังไม่วายยุแยงพวกข้าพี่น้องอีกหรือ”
“หรือที่ข้าพูดไม่ถูกต้อง เป็นบุตรบุญธรรมเหมือนกัน แต่เจ้าได้รับการชี้แนะสั่งสอนมากกว่าพวกข้าตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าพวกข้า แต่กลับเป็นที่รู้กันทั่วว่าตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินนั้นเก็บไว้ให้เจ้า นี่ไม่ยุติธรรมกับพวกข้าเกินไปหรือไม่”
เจียงหย่วนเฉามองเจียงอู่ด้วยสายตาลึกล้ำ “เจียงอู่ เจ้าโกรธแค้นท่านพ่อบุญธรรม เพราะเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่พึงมีกับสายลับในขณะที่ปฏิบัติภารกิจ หลังจากท่านพ่อบุญธรรมฆ่าปิดปากนาง เจ้าถึงได้อาฆาตอยู่ในใจมิใช่หรือ”
ตอนนั้นเจียงอู่ประจำการอยู่ที่เมืองเป่ยติ้ง กลับบังเกิดความรักกับหญิงคณิกานามอิงอิงที่กององครักษ์จินหลินดึงตัวมาเป็นนางนกต่อ จนทำให้ภารกิจในการควบคุมบงการซูลั่วเฟิงผู้ใต้บังคับบัญชาของกวนจวินโหวอยู่ห่างๆ เกือบล้มเหลว ซึ่งนี่คือเหตุผลแท้จริงที่เจียงอู่โดนท่านพ่อบุญธรรมอัปเปหิไปที่จยาเฟิง
“หุบปากเสีย!” เจียงอู่หน้าถอดสีไปถนัดตา “เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยเรื่องพวกนี้กับข้า เจียงซือหร่านสมควรตาย เจียงถังสมควรตาย พวกเจ้าก็สมควรตายทั้งหมด ข้าต้องครอบครองตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินให้ได้”
มีเพียงยืนอยู่บนที่สูงที่สุดถึงจะได้ในสิ่งที่เขาปรารถนาอย่างแท้จริง และปกป้องคนที่เขาอยากปกป้องได้!
เจียงอู่ซึ่งไม่ยอมจำนนเริ่มต่อสู้ขัดขืนอย่างเอาชีวิตเข้าแลก
หลังจากปะทะกันชุลมุนยกหนึ่งเจียงสืออีดึงดาบยาวคืนกลับ โลหิตสีแดงฉานพุ่งทะลักจากกลางอกเจียงอู่
เขาไม่ได้มองเจียงสืออี แต่จ้องหน้าเจียงหย่วนเฉาตาเขม็ง สีหน้าท่าทางประหนึ่งผีดุร้าย “เจียงสือซาน ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าสูญเสียสิ่งที่เจ้ารักไปตลอดชาติ ความพยายามใดๆ ทั้งปวงล้วนกลายเป็นความว่างเปล่าในท้ายที่สุด…”
กล่าวจบเจียงอู่ก็ล้มลงขาดใจตาย