หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 617
บทที่ 617
หลีกวงซูมีสีหน้างุนงง “ข้าไม่ทราบขอรับ”
“ไม่ทราบๆ เจ้าคงไม่รู้เหมือนกันใช่หรือไม่ว่าอนุของเจ้าผู้นี้กล้าสังหารคนด้วย”
“ข้าไม่ทราบจริงๆ ขอรับ” เขากล่าวอย่างเจ็บปวดใจ
บรรยากาศในโถงตึงเครียดเป็นพิเศษ พอเห็นเฉียวเจาเดินออกมาจากข้างใน ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งรีบถามขึ้น “หรงมามาฟื้นแล้วหรือยัง”
“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสาวเท้าเข้าไป เห็นหรงมามานอนตาลอยอยู่บนเตียง ศีรษะพันด้วยผ้าโปร่งบางมีเลือดซึมออกมา หางตาของหญิงชรามีน้ำตาซึมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“หรงมามา เจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่”
หรงมามาพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสบายใจขึ้นเล็กน้อย ถึงเอ่ยซักถามต่อ “เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แล้วปิงอี๋เหนียงไปที่ใดแล้ว”
หรงมามาสะดุ้งเฮือกคล้ายตกใจเสียขวัญกระนั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตบหลังมือนางเบาๆ ไม่กล้าเร่งรัด
ผ่านไปครู่ใหญ่หรงมามาสงบอารมณ์ลงได้ในที่สุด นางกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “ฮูหยินผู้เฒ่า ปิงอี๋เหนียงนาง…นางคลุ้มคลั่งไปแล้วเจ้าค่ะ”
“คลุ้มคลั่งอย่างไรหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังแล้วรู้สึกตึงเครียดอยู่ในใจ
หรงมามาทบทวนความทรงจำอย่างกระท่อนกระแท่น “ข้ายกยาขับเลือดไปให้ปิงอี๋เหนียงดื่ม ใครจะรู้ว่านางไม่เต็มใจเลยสักนิด ข้าให้สาวใช้สองคนยึดตัวนางไว้ก็ยึดไม่อยู่ พอข้าเผลอนิดเดียวก็โดนนางผลักเต็มแรงจนศีรษะชนกับกำแพง จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้วเจ้าค่ะ จริงสิ สาวใช้สองคนนั้นเล่า ไม่ได้ขวางปิงอี๋เหนียงไว้หรือเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสบตากับหลิวซื่อแวบหนึ่งก่อนส่งยิ้มให้นางอย่างปลอบประโลม “หรงมามา ข้ารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าพักผ่อนให้มากๆ เถอะ”
หรงมามาละอายใจเหลือหลาย “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าไม่เอาไหนเองเจ้าค่ะ เรื่องเล็กแค่นี้ยังทำให้ท่านไม่สำเร็จ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งโบกมือไปมา “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ต้องโทษปิงอี๋เหนียง…”
เมื่อนึกไปถึงสาวใช้ที่ถูกปิ่นทองแทงตายสองคนนั้น ตรงกลางอกหญิงชราก็เย็นยะเยือกจางๆ
ปิงอี๋เหนียงผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ต่อให้เป็นเช่นคำกล่าวว่า ‘อิสตรีเดิมทีล้วนอ่อนแอ หากผู้เป็นแม่กลับเข้มแข็ง’ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีอนุเหย้าเรือนใดสังหารคนทีเดียวสองคนเพราะไม่อยากดื่มยาขับเลือด
หลังกลับมาถึงโถงรับรองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตวัดสายตามองหลีกวงซูอย่างดุดัน นางกล่าวด้วยความเจ็บปวดคั่งแค้นสุดประมาณ “เดรัจฉาน เป็นบาปกรรมที่เจ้าก่อไว้ทั้งสิ้น!”
หลีกวงซูคับข้องหมองใจเป็นอันมาก “ท่านแม่ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ นะขอรับ”
เฉียวเจาอยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอย่างสงบเสงี่ยม เห็นปิงลวี่ยืนอยู่ที่นอกหน้าต่างขยิบตาให้ก็เดินออกไปเงียบๆ
“มีเรื่องอะไร”
“คุณหนู เฉินกวงมาหาท่านเจ้าค่ะ” ปิงลวี่กระซิบบอก
เฉียวเจาพยักหน้าเป็นเชิงว่ารู้แล้ว จากนั้นพาปิงลวี่ไปพบเฉินกวงที่ประตูเล็ก
“เฉินกวง มาหาข้ามีเรื่องอะไร” เฉียวเจาคาดเดาอยู่ในใจได้รางๆ แล้ว
“คุณหนู ปิงอี๋เหนียงในจวนผู้นั้นชักจะทะแม่งๆ นะขอรับ เมื่อครู่นางปีนกำแพงออกไปแล้วถูกพรรคพวกข้าที่เฝ้าอยู่ในที่ลับตะครุบตัวได้ทันควัน พวกเขาเห็นว่าเรื่องนี้มีเลศนัยเลยให้ข้ามาถามท่านดู”
นอกจากคุณหนูสามแล้ว สตรีคนอื่นปีนกำแพงต้องมีปัญหาแน่!
เอ่อ…เพราะอะไรคุณหนูสามทำได้เล่า ฮ่าๆ ผู้ที่ถามคำถามนี้ก็คือพวกไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว คุณหนูสามยังเคยให้เขาปลอมเป็นผีไปหลอกคนที่จวนเสนาบดีด้วยซ้ำไป ปีนกำแพงแค่นี้จะทำไม่ได้ได้อย่างไรกัน
“แล้วยามนี้ปิงอี๋เหนียงอยู่ที่ใด” คำบอกกล่าวของเฉินกวงยืนยันการคาดเดาของเฉียวเจาแล้ว
ตั้งแต่กององครักษ์จินหลินเกิดเหตุร้ายขึ้นไม่ขาดสาย เซ่าหมิงยวนจัดกำลังคนเฝ้าอยู่ด้านนอกจวนสกุลหลีลับๆ นางก็รู้ว่าเป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนที่ปิงอี๋เหนียงซึ่งหนีออกไปจะเจอเข้ากับองครักษ์พวกนั้น
เฉินกวงกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะขลุกขลัก “พวกพี่น้องข้าคิดกันว่ายอมจับคนถูกดีกว่าปล่อยคนผิดไปก็เลยควบคุมตัวปิงอี๋เหนียงเอาไว้ ตอนนี้กำลังรอคำตอบจากท่านอยู่ขอรับ”
ปิงอี๋เหนียงผู้นั้นนับเป็นสตรีโฉมงามล้ำหล้าขนานแท้ ปล่อยให้อยู่ในมือพวกพี่น้องนานๆ จะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ จะอย่างไรเจ้าหนุ่มทึนทึกพวกนั้นก็ควบคุมตนเองได้ไม่ดีอย่างเขา
“พาปิงอี๋เหนียงมาที่นี่”
รออยู่นานครู่หนึ่งเฉินกวงก็คุมตัวปิงเหนียงมา
ชั่วพริบตาที่เห็นเฉียวเจา ดวงตาสีดำสนิทดุจรัตติกาลของปิงเหนียงก็ลุกโชน
“ขืนมองคุณหนูสามของข้าอย่างนี้อีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าทิ้งเสีย” ปิงลวี่ทำหน้าตึงกล่าวเตือนขึ้น
ปิงเหนียงหลุบเปลือกตาลง
“พานางไปที่เรือนชิงซง” เฉียวเจาชายตามองนางแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินไป
เฉินกวงมอบตัวปิงเหนียงให้ปิงลวี่พร้อมกับพูดกำชับ “ดูไว้ให้ดีเล่า”
ปิงลวี่เบะปาก “อย่าพูดพล่าม ข้าออกแรงครึ่งเดียวยังแบกนางเดินได้ไหว”
เฉียวเจาชะงักฝีเท้าหมุนกายกลับมา “เฉินกวง เจ้าพาตัวปิงอี๋เหนียงไปกับพวกข้า”
ปิงเหนียงสามารถทำให้หรงมามาหมดสติและแทงสาวใช้ตายไปสองคนได้ในชั่วเวลาสั้นๆ ทั้งยังหนีออกจากจวนไปได้โดยที่บ่าวไพร่ของเรือนจินหรงไม่รู้ไม่เห็นได้ นางไม่เชื่อหรอกว่านี่คือความเข้มแข็งของผู้เป็นมารดาเท่านั้น
ในเรือนชิงซงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตัดสินใจแจ้งทางการ “นางฆ่าสาวใช้ตายสองคน คนพรรค์นี้จะปล่อยให้หนีไปเช่นนี้ไม่ได้”
หลีกวงซูตีหน้าเศร้ากล่าวอ้อนวอน “ท่านแม่ ปิงเหนียงเป็นอนุของข้า หากท่านแจ้งทางการจะให้ข้าเอาหน้าไปวางไว้ที่ใดขอรับ”
“เกียรติยศหน้าตาของเจ้าสำคัญกว่าชีวิตคนอื่นใช่หรือไม่”
หลีกวงซูลอบขมวดคิ้ว
ท่านแม่แก่จนเลอะเลือนแล้วใช่หรือไม่ เกียรติยศของเขาไม่สำคัญ หรือว่าการเป็นขุนนางก็ไม่สำคัญใช่หรือไม่
เขากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการคัดเลือกขุนนาง หากเรื่องที่อนุของเขาฆ่าคนแล้วหลบหนีไปแพร่ออกมา จะเป็นปัญหายุ่งยากจริงๆ
“ท่านย่า ไม่ต้องรีบร้อนแจ้งทางการเจ้าค่ะ” สุ้มเสียงใสเย็นของเด็กสาวดังขึ้นทางด้านหลังหลีกวงซู
เขากำลังโล่งใจก็ได้ยินเสียงพูดราบเรียบไร้ความรู้สึกของนางดังขึ้นอีกคำรบหนึ่ง “ข้าพาตัวปิงอี๋เหนียงมาแล้วเจ้าค่ะ”
หลีกวงซูหมุนกายขวับ
เฉียวเจาเดินนำหน้าเข้ามา ด้านหลังเป็นเฉินกวงที่คุมตัวปิงเหนียงตามมา
“หลานเจา นี่มัน…”
เฉียวเจากล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “ตอนปิงอี๋เหนียงออกไป สารถีของข้าเห็นเข้าพอดีเจ้าค่ะ”
สารถี?
หลีกวงซูเบิ่งตามองเฉินกวงทันใด
สารถีมีหน้าที่พวกนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อไรกัน จะตั้งอกตั้งใจบังคับรถม้าไปไม่ได้หรือ
เฉินกวงส่งสายตายิ้มย่องกลับไปให้หลีกวงซู
มองอะไร ไม่เคยเห็นสารถีที่หล่อเหลาสง่างามและดีเลิศปานนี้มาก่อนหรือไร
หลีกวงซูรู้สึกสับสนงุนงงไปหมด ตกลงว่าเป็นตัวเขาผิดปกติหรือครอบครัวเขาผิดปกติกันแน่ เพราะอะไรนับแต่เขากลับถึงเมืองหลวงก็เริ่มตั้งข้อกังขากับชีวิตไม่ขาดสาย
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไม่อยากพูดกับปิงเหนียงแม้แต่ครึ่งคำ นางโบกมือไปมาพลางกล่าว “สะใภ้รอง เจ้าจัดการหาคนพาตัวนางไปส่งทางการเถอะ เกิดคดีฆ่าคนตายขึ้น ครอบครัวสามัญชนเล็กๆ อย่างพวกเรารับมือไม่ไหว มอบตัวคนผู้นี้ให้พวกท่านตุลาการหน้าดำตัดสินโทษเถอะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หลิวซื่อคลายใจลงได้อย่างสิ้นเชิง
ถึงขั้นนี้แล้วนางจิ้งจอกตนนี้ก่อคลื่นลมใดๆ ไม่ได้อีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะใจอ่อนปานใดก็ไม่ยอมให้คนที่ฆ่าคนตายรั้งอยู่ในจวนแน่นอน
นางมองปิงเหนียงด้วยแววตาเฉยชา หากในใจสะทกสะท้อนสุดจะกล่าว
เดิมทีนางนึกว่านี่เป็นเพียงหญิงงามล่มเมือง บัดนี้ถึงรู้ว่ายังเป็นนางอสรพิษด้วย น่าเสียดายที่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต หนีออกไปอย่างนี้ก็ตกอยู่ในมือคนของคุณหนูสามพอดี
จุๆ ข้าพูดอะไรไว้เล่า เดินตามคุณหนูสามจะอยู่ดีมีสุขเอง เป็นเช่นนี้จริงๆ
“ท่านแม่ ให้ข้าพูดกับปิงเหนียงอีกสักครั้งเถอะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจ้องหน้าหลีกวงซูอย่างผิดหวังเหลือแสน “เจ้ารอง ถึงตอนนี้เจ้ายังงมงายไม่ได้สติอีกหรือ”
เขาหลุบตาลง “จะอย่างไรข้ากับนางก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี ได้พูดจากันก่อนจากลาก็ถือว่าจะได้สิ้นเวรสิ้นกรรมต่อกันเถอะ วันหน้าข้าจะไม่ยั่วโทสะท่านอีกแล้ว”
“ที่สำคัญคือไม่ยั่วโทสะภรรยาเจ้า”
“ขอรับ ลูกทราบแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยกมือชี้ “ก็พูดกันในนี้ล่ะ ให้เวลาเจ้าหนึ่งถ้วยชา”