หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 623
บทที่ 623
เซ่าหมิงยวนตัดสินใจปฏิเสธไม่มาร่วมงานเลี้ยง หลังรุ่ยอ๋องกับมู่อ๋องรู้เรื่องนี้ก็พากันตะลึงงันไป
คณะทูตซีเจียงซึ่งนำโดยกงอ๋องบอกกล่าวไว้โดยเฉพาะแล้วว่าทั่วทั้งแคว้นซีเจียงนับถือเลื่อมใสกวนจวินโหวมานาน จึงอยากชมบารมีของกวนจวินโหวให้เป็นบุญตาสักครั้งในงานเลี้ยง
กวนจวินโหวจะไม่ไปได้อย่างไรกันเล่า
“พี่ห้า ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้ไม่นานท่านรับอนุผู้หนึ่ง เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกับคู่หมั้นของกวนจวินโหวใช่หรือไม่” มู่อ๋องเอ่ยถามรุ่ยอ๋องด้วยรอยยิ้มละไม
รุ่ยอ๋องฟังแล้วเข้าใจความหมายของมู่อ๋องทันที นี่คือจะให้ข้าเป็นคนไปเชิญสินะ
กวนจวินโหวมิใช่พวกคุณชายที่อาศัยวงศ์ตระกูลเลี้ยงดูเจือจาน ทั้งมิใช่พวกบัณฑิตที่บากบั่นพากเพียรเล่าเรียนศึกษาเพื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางขุนนางกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เขาสร้างความดีความชอบด้วยสองมือสองเท้า ทอดสายตาไปทั่วแผ่นดินต้าเหลียงยังมองหาคนที่สองไม่พบ
กวนจวินโหวเคยติดค้างน้ำใจรุ่ยอ๋องหนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่คนโง่งม ย่อมต้องไม่อยากเอาหนี้น้ำใจนั้นมาสิ้นเปลืองกับเรื่องนี้
“แม้พูดว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่หลีซื่อเป็นเพียงอนุ ข้ากับกวนจวินโหวไม่อาจนับเป็นคู่เขยกัน พูดไปแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากไมตรีระหว่างน้องหกกับกวนจวินโหวเท่าไรหรอก”
“โธ่ นี่พี่ห้ากล่าวล้อเล่นแล้ว พี่สะใภ้เล็กกับคู่หมั้นของกวนจวินโหวเป็นพี่น้องกันแท้ๆ เมื่อมีสายสัมพันธ์เป็นญาติกันชั้นนี้ กวนจวินโหวต้องเห็นแก่หน้าว่าที่พ่อตา ไม่มีทางวางตัวห่างเหินกับท่านหรอก” มู่อ๋องกล่าวอย่างมีนัยล้ำลึก
รุ่ยอ๋องเป็นคนซื่อไร้วาทศิลป์ ได้ยินแล้วทำได้เพียงหัวเราะฝืดๆ
ในคืนวันเทศกาลหยวนเซียวเขาผลักเรือตามน้ำรับบุตรสาวคนโตของอาลักษณ์หลีเป็นอนุก็ด้วยจุดประสงค์นี้นี่เอง
เขาส่งคนไปสืบข่าวมาแล้ว บุตรสาวคนโตของอาลักษณ์หลีเกิดกับภรรยาคนแรก ส่วนบุตรสาวคนรองเกิดกับภรรยาใหม่ ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องไม่นับว่าดีนัก
กระนั้นไมตรีระหว่างเด็กสาววัยเยาว์จะดีหรือไม่ดีหาได้สำคัญไม่ เหย้าเรือนใดตบแต่งภรรยาล้วนไม่ได้ดูเพียงตัวสตรีเองเท่านั้น แต่พิจารณาไปถึงวงศ์ตระกูลของนางด้วย
การที่เขารับบุตรสาวคนโตของอาลักษณ์หลีเป็นอนุก็เป็นดั่งเช่นที่มู่อ๋องกล่าว วันหน้าเขาขอความช่วยเหลือจากกวนจวินโหวผ่านทางอาลักษณ์หลี กวนจวินโหวจะกล้าปฏิเสธโดยไม่กระดากใจได้หรือไร
น่าเสียดายที่สกุลหลีเป็นตระกูลสามัญธรรมดาเกินไป จะตบแต่งนางเป็นพระชายาคนใหม่ก็ไม่ได้ เว้นแต่ว่าวันหน้าหลีซื่อให้กำเนิดโอรสธิดาแก่เขาสักคนถึงจะมีสิทธิ์ยกขึ้นเป็นพระชายาได้ ถึงตอนนั้นเขากับกวนจวินโหวก็จะเป็นคู่เขยกันอย่างถูกต้องชอบธรรม ไม่ว่ากวนจวินโหวจะยอมรับหรือไม่ ในสายตาคนรอบข้างกวนจวินโหวก็เป็นคนฝ่ายเดียวกับเขา
พอคิดถึงตรงนี้รุ่ยอ๋องก็เริ่มร้อนวูบวาบตรงกลางอก
หมอเทวดาหลี่สั่งกำชับเขาไม่ให้ใกล้ชิดสตรีเพศภายในหนึ่งปี นับดูเวลาก็ใกล้ครบกำหนดเต็มทีแล้ว
สำหรับบุรุษในวัยหนุ่มฉกรรจ์ผู้หนึ่ง เวลาหนึ่งปีนี้ช่างทรมานยากทานทนเหลือเกินจริงๆ
มู่อ๋องพินิจดูรุ่ยอ๋องด้วยท่าทางครุ่นคิด
ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีกลาย รุ่ยอ๋องตั้งใจเชิญหมอเทวดาหลี่เข้ามาเมืองหลวงโดยเฉพาะ เขาก็ส่งคนไปสืบข่าวอยู่ลับๆ แล้ว ในวังรุ่ยอ๋องมีสายสืบของฝ่ายเขาแทรกซึมอยู่หลายคน ตอนนี้รู้เหตุผลชัดเจนแล้วว่าเพื่อบำรุงฟื้นฟูร่างกายของอีกฝ่าย
มู่อ๋องคิดคำนึงถึงตรงนี้ในใจเขาทวีความตึงเครียดขึ้น
รุ่ยอ๋องเหยาะแหยะไม่ได้เรื่องได้ราว ลูกๆ ของเขาตายตั้งแต่ยังเด็กติดๆ กันหลายคนจนบัดนี้ยังไม่มีผู้สืบทอด
และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เองถึงมีเหล่าขุนนางต้าเหลียงที่ให้ความสำคัญกับทายาทสืบสกุลยืนอยู่ข้างเดียวกับเขาไม่น้อย
ไม่เช่นนั้นเขาไม่ใช่ทั้งพระโอรสองค์โตทั้งไม่ใช่เชื้อสายตรงจะมีข้อได้เปรียบอะไรเมื่อเทียบกับรุ่ยอ๋องที่อายุมากกว่าเขาเล่า
ท่าทีของเสด็จพ่อคลุมเครือเหลือเกิน เขาอยากใช้กลยุทธ์ลูกกตัญญูก็ยังทำไม่ได้ เพราะเสด็จพ่อไม่เคยยอมพบพวกเขามาแต่ไหนแต่ไรโดยไม่เปลี่ยนแปลง จนเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเสด็จพ่อมีหน้าตาเป็นอย่างไรแล้ว
เมื่อไม่อาจใช้กลยุทธ์พิชิตใจได้ เช่นนั้นเขาได้แต่โค่นล้มรุ่ยอ๋องด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมามากที่สุด
จุดอ่อนร้ายแรงของรุ่ยอ๋องก็คือไม่มีผู้สืบสกุล!
“พี่ห้า เรื่องเชิญกวนจวินโหวก็มอบให้เป็นหน้าที่ท่านเถอะ งานเลี้ยงคราวนี้เป็นพวกเราร่วมมือกันจัดขึ้น ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา เสด็จพ่อจะต้องให้ความสนพระทัยกับงานเลี้ยงนี้ หากทรงทราบว่าพวกเราจัดงานได้สำเร็จอย่างงดงามย่อมดีพระทัยแน่ พวกเราก็ต้องพยายามอย่าทำให้เสด็จพ่อทรงผิดหวัง ท่านว่าจริงหรือไม่”
พอเห็นรุ่ยอ๋องยังไม่โอนเอน มู่อ๋องถอนใจยาวเหยียดกล่าวว่า “ถึงอย่างไรข้ากับกวนจวินโหวก็ไม่ได้มีไมตรีใดๆ ต่อกัน หากพี่ห้าไม่ไปเชิญ คงได้แต่บอกให้พวกทูตซีเจียงไม่ต้องตั้งตารอคอยแล้ว”
รุ่ยอ๋องถึงได้พยักหน้า “ข้าจะพยายามสุดความสามารถก็แล้วกัน แต่รับรองไม่ได้ว่ากวนจวินโหวจะเต็มใจมาหรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ใบหน้ามู่อ๋องแย้มยิ้ม แต่ในใจแค่นเสียงเยาะ
กวนจวินโหวผู้นั้นนึกจริงๆ หรือว่ามีฝีมือการรบก็จะปัสสาวะรดศีรษะองค์ชายได้ ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
ใต้หล้านี้เป็นแผ่นดินของพวกเขาชาวสกุลเจียง ไม่ใช่แผ่นดินสกุลหลี่ ไม่ใช่แผ่นดินสกุลหวัง และไม่ใช่แผ่นดินสกุลเซ่า คนเก่งมีความสามารถปานใดก็ต้องได้รับใช้ผู้ครองแผ่นดินนี้จึงจะได้ ถ้าลามปามขี่คอผู้เป็นนายทำวางอำนาจบาตรใหญ่ ถึงขั้นทำให้ผู้เป็นนายเป็นฝ่ายคอยดูสีหน้าเขา อย่างนั้นยังจะเก็บเอาไว้ด้วยเหตุใด
หึๆ รอเมื่อข้าขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนั้น เมื่อใดที่แผ่นดินสุขสงบ เมื่อนั้นกวนจวินโหวจะเป็นคนแรกที่โดนลงดาบ!
ตอนมู่อ๋องกลับถึงวังสายสืบที่แฝงกายอยู่ในวังรุ่ยอ๋องมารายงานข่าวพอดี
ในห้องลับมู่อ๋องยกมือบอก “ลุกขึ้นเถอะ พูดเข้าเรื่องเลย”
คนผู้นั้นลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวยื่นหน้าไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเขา
สายตาของมู่อ๋องนิ่งขึงไปฉับพลัน “เอ๊ะ อนุคนใหม่ของรุ่ยอ๋องเฝ้าห้องหอเดียวดายตลอด?”
คนผู้นั้นพยักหน้า
“ไม่สมควรเป็นเช่นนี้” มู่อ๋องขมวดคิ้ว รุ่ยอ๋องรับบุตรสาวสกุลหลีเป็นอนุ แสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากผูกสัมพันธ์กับกวนจวินโหว เหตุใดถึงไม่เหลียวแลอนุคนใหม่?
ต่อให้ตัดเรื่องนี้ออกไปไม่เอ่ยถึง มีเด็กสาวโฉมงามดุจบุปผาผู้หนึ่งยืนรออยู่ตรงหน้า มีเหตุผลอะไรที่บุรุษปกติจะไม่ลองลิ้มชิมรส?
บุรุษปกติ?
พอคิดถึงตรงนี้มู่อ๋องฉุกใจขึ้นได้ เขาเข้าใจอะไรบางอย่างได้รางๆ แล้ว
“ท่าทีของรุ่ยอ๋องต่ออนุคนใหม่เป็นเช่นไร”
คนผู้นั้นกล่าวตอบ “ยามราตรีรุ่ยอ๋องไม่เคยเข้าไปในห้องของหลีซื่อ แต่ยามปกติเวลาอยู่ด้วยกันท่าทางของคนทั้งสองอ่อนโยนนุ่มนวลมากขอรับ”
มู่อ๋องหลับตาลง ไม่ปกติ ต้องมีตรงใดไม่ปกติ
เขาย่ำเท้าวนไปวนมาอยู่ในห้องลับเล็กๆ ภายในจิตใจยุ่งเหยิงปั่นป่วนสุดจะกล่าว
ไม่ได้เกลียดชังอนุโฉมงามอ่อนเยาว์และมีเทือกเถาเหล่ากอไม่นับว่าเลว แต่ตอนกลางคืนกลับไม่เหยียบย่างไปที่ห้องนาง…
มู่อ๋องสะดุ้งเฮือก คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งในพริบตา รุ่ยอ๋องเสพสุขกับสตรีไม่ได้!
พอได้ข้อสรุปนี้มู่อ๋องปัดทิ้งไปทันควัน ไม่ถูก หากรุ่ยอ๋องเสพสุขกับสตรีไม่ได้ เช่นนั้นยังจะวุ่นวายไปด้วยเหตุใด ต่อให้ได้สืบทอดราชบัลลังก์ สุดท้ายมิใช่ต้องยกให้ผู้อื่นไปหรอกหรือ
แต่เมื่อนึกโยงไปถึงเรื่องที่รุ่ยอ๋องเชิญหมอเทวดาหลี่มาเมืองหลวงและแช่น้ำสมุนไพรไม่ขาด มู่อ๋องแจ่มแจ้งในที่สุด
รุ่ยอ๋องมิใช่เสพสุขกับสตรีไม่ได้ แค่ใกล้ชิดสตรีไม่ได้
แล้วการห้ามใกล้ชิดสตรีนี้ต้องมีกำหนดเวลาแน่!
พูดอีกนัยหนึ่งคือหากรุ่ยอ๋องใกล้ชิดสตรีก่อนครบกำหนดเวลา ความพยายามบำรุงฟื้นฟูร่างกายมาอย่างยาวนานก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าไป
หัวใจของมู่อ๋องเต้นตึกตัก หากทำให้รุ่ยอ๋องหมดโอกาสมีทายาทสืบสกุลโดยสิ้นเชิง เขาไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงเลย เพียงมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง ราชบัลลังก์ก็จะตกเป็นของเขาเอง
มู่อ๋องชะงักฝีเท้ากึก สะกดความตื่นเต้นไว้แล้วออกคำสั่ง “รีบไปสืบให้แจ่มแจ้งว่าตอนนั้นหมอเทวดาหลี่พูดกำชับรุ่ยอ๋องไว้อย่างไร”
ขอเพียงทำให้รุ่ยอ๋องตบะแตกก่อนกำหนดเวลานั้น เขาก็ทำสำเร็จแล้ว
ประเดี๋ยวก่อน...
มู่อ๋องยกมือกุมหน้าผาก เขาพลันรู้สึกว่าตนเองคิดซับซ้อนไปแล้ว
หมายให้รุ่ยอ๋องตบะแตกไม่จำเป็นต้องสืบเรื่องกำหนดเวลานั่นเลยสักนิด ตอนนี้รุ่ยอ๋องไม่เข้าห้องของหลีซื่อก็ยืนยันได้แล้วว่ายังไม่ครบกำหนดเวลา ฉะนั้นเขาแค่ลงมือยิ่งเร็วยิ่งดี!
มู่อ๋องแย้มปากยิ้มพลางเอ่ยสั่ง “ไปเถอะ คิดวิธีส่งข่าวถึงหลีซื่อผู้นั้น ดูทีว่านางกำลังเคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูกอยู่เป็นแน่”