หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 635
บทที่ 635
คุณหนูอีกคนหนึ่งพยักหน้าอย่างงงงัน “ท่านไม่ได้ตาฝาด คุณหนูหลีหยิบพู่กันสามด้ามจริงๆ”
คุณหนูทั้งหลายไม่เข้าใจสักนิดว่าคุณหนูสามสกุลหลีในลานแข่งคิดจะทำอะไร
เขียนหนังสือสองมือก็น่าทึ่งแล้ว เพราะนี่มิใช่การใช้มือซ้ายเขียนหนังสือเท่านั้น หากแค่เขียนด้วยมือซ้ายคงมีคุณหนูในที่นี้ไม่น้อยที่ทำได้
แต่การเขียนหนังสือสองมือพร้อมกันจำต้องแบ่งสมาธิไปสองทาง เพราะเนื้อความที่เขียนออกมาจากพู่กันในมือคนละข้างนั้นไม่เหมือนกัน
องค์หญิงซีเจียงเขียนหนังสือสองมือได้ พวกนางยังพูดได้ว่าขอนับถือ แต่คุณหนูหลีหยิบพู่กันสามด้าม พวกนางนึกไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่านางคิดจะทำอย่างไร
“อะ หรือว่าคุณหนูหลีจะใช้ปากคาบพู่กันด้ามหนึ่ง” เด็กสาวที่ค่อนข้างอายุน้อยคนหนึ่งกล่าวอย่างตกใจ
สตรีด้านข้างผลักนางทีหนึ่ง “เจ้าคิดอะไรของเจ้า อย่างนั้นจะดูเข้าท่าหรือไม่”
พวกคุณหนูที่ได้ยินคำกล่าวนี้นิ่งคิดในใจแล้วทำสีหน้าชอบกลไปตามๆ กัน
เอาปากคาบพู่กันเขียนหนังสือเป็นภาพที่ไม่ชวนมองจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นต่อให้ชนะก็แปลกพิลึกอยู่บ้าง
“พวกท่านดูสิ คุณหนูหลีจะเขียนแล้ว!”
พวกคุณหนูที่บังเกิดความอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่แต่แรกต่างชะเง้อคอมองไป เห็นเฉียวเจาที่หยิบพู่กันขึ้นมาสามด้ามในทีแรกถือสองด้ามไว้ในมือขวา ส่วนมือซ้ายถือหนึ่งด้ามจุ่มหมึกแล้วเริ่มเขียน
“สวรรค์ คุณหนูหลีไม่เพียงเขียนหนังสือสองมือพร้อมกันได้ ยังถือพู่กันสองด้ามในมือขวาได้อีกด้วย” พวกคุณหนูอ้าปากค้างไปแล้ว
ชั่วขณะนี้ความตะลึงพรึงเพริดของคุณหนูทั้งหลายกลับไม่มากเท่าฮูหยินบางคน
ฮูหยินหนึ่งในนั้นถึงกับลุกขึ้นยืนกล่าวเสียงหลงทันที “นี่มันความสามารถพิเศษประจำตัวอาจารย์เฉียวนี่!”
เห็นทุกคนหันมามองตนเอง ฮูหยินท่านนั้นรีบนั่งลง ยกน้ำชาขึ้นดื่มคำหนึ่งกลบเกลื่อนที่เสียกิริยาเมื่อครู่นี้
พวกคุณหนูมองหน้ากันไปมา “ความสามารถพิเศษประจำตัวอาจารย์เฉียว นี่หมายถึงอะไรหรือ”
“ทักษะเชิงศาสตร์ทั้งสี่ของอาจารย์เฉียวบรรลุขั้นสุดยอดแล้ว แต่ในด้านอักษรวิจิตรมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งยวด” จูเหยียนเอ่ยอธิบายขึ้น ในดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสแกมใฝ่ฝันถึง
จูเหยียนขึ้นชื่อเรื่องอักษรวิจิตรในชุมนุมฟู่ซาน เพราะนางสามารถเขียนหนังสือสองมือได้ พอนางอ้าปากพูดก็ดึงดูดความสนใจของพวกคุณหนูไปได้ทันควัน
“คุณหนูจู ตกลงว่าเป็นความสามารถพิเศษเช่นใดกันแน่”
นัยน์ตาของจูเหยียนเปล่งประกายระยิบระยับ นางชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว “อาจารย์เฉียวสามารถถือพู่กันสามด้ามในมือซ้ายขวาเขียนหนังสือพร้อมกันได้”
“สวรรค์! อาจารย์เฉียวทำได้เช่นไรกัน”
จูเหยียนทอดสายตามองเฉียวเจาตรงกลางลานพลางถอนใจเบาๆ “นั่นสิ ข้าก็อยากรู้เหลือเกินว่าอาจารย์เฉียวทำได้เช่นไรกัน”
นางหลงใหลอักษรวิจิตรมาแต่เยาว์วัย จึงเลื่อมใสศรัทธาต่ออาจารย์เฉียวผู้เป็นปรมาจารย์ด้านนี้สุดจะเปรียบ ตอนได้ล่วงรู้ว่าอาจารย์เฉียวมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวนี้จากปากของพวกผู้อาวุโสโดยบังเอิญ นางเพียงรู้สึกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหลือเชื่อ ถึงขั้นที่ก่อนจะได้เห็นคุณหนูหลีซานเขียนหนังสือ นางยังรู้สึกว่านั่นเป็นคำกล่าวโอ้อวดเกินจริงอยู่บ้าง
ทว่าตอนนี้เมื่อนางได้เห็นคุณหนูหลีซานใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันเองกับตา ถึงรู้ว่าตนเป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้นเอง
วันนี้ได้ประจักษ์แก่ตาถึงฝีไม้ลายมือการเขียนหนังสือด้วยพู่กันสามด้ามของคุณหนูหลีซานแล้ว นางถึงคับแค้นใจที่ตนเกิดผิดเวลา ถึงไม่มีโอกาสได้สดับตรับฟังคำสอนสั่งของอาจารย์เฉียว
“มิน่าเมื่อครั้งอาจารย์เฉียวยังมีชีวิตอยู่ ผู้มีความสามารถทั่วแผ่นดินล้วนยกให้อำเภอจยาเฟิงที่อาจารย์เฉียวเร้นกายอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว” คุณหนูผู้หนึ่งกล่าวรำพึงขึ้น
คุณหนูอีกคนหนึ่งถอนใจเฮือก “น่าเสียดายนักที่ทายาทของอาจารย์เฉียวต้องพบกับชะตากรรมน่าอนาถใจเช่นนี้ หากวิญญาณของอาจารย์เฉียวในปรโลกได้รับรู้ จะเสียใจสักปานใดนะ”
“พวกท่านอย่าลืมว่ายังมีคุณชายเฉียวอยู่อีกคนมิใช่หรือ”
“ใช่ คุณชายเฉียวจะต้องฟื้นฟูชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูลได้แน่นอน”
“เอาล่ะ ดูการแข่งขันกันดีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือคุณหนูหลีซานเอาชนะองค์หญิงซีเจียงอย่างขาดลอยเพื่อเชิดหน้าชูตาให้ต้าเหลียงเรา”
พวกคุณหนูหันความสนใจกลับตรงกลางลานดังเก่า
เวลานี้เององค์หญิงซีเจียงชักวุ่นวายใจ เสี้ยวขณะที่เห็นเฉียวเจาใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน มือนางสั่นกระตุกคราหนึ่งจนหมึกหยดลงบนกระดาษเซวียนจื่อหยดหนึ่งแล้วซึมกระจายเป็นวงเล็กๆ ในพริบตา
มีคนใช้พู่กันสามด้ามเขียนหนังสือพร้อมกันได้อย่างไรกัน
นางเขียนด้วยสองมือยังต้องฝึกฝนอยู่เนิ่นนานกว่าจะทำได้ และต่อให้เป็นเช่นนี้หากเป็นหนังสือตำราที่ไม่คุ้นเคย นางไม่อาจทำได้ถึงจุดนี้อยู่ดี
เมื่อครู่นางให้มู่หวังเฟยเลือกหนังสือ ด้วยแน่ใจว่าชาวต้าเหลียงชอบแสร้งทำใจกว้างเป็นที่สุดจะต้องเลือกหนังสือเล่มที่ทุกคนรู้จักกันดี
ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด นางจะเสียกระบวนเองไม่ได้ อีกฝ่ายคงแค่หลอกให้เสียขวัญเป็นแน่
องค์หญิงซีเจียงพยายามสงบอารมณ์ลงแล้วเขียนต่อไปเรื่อยๆ
เวลาหนึ่งก้านธูปจะบอกว่ายาวก็ไม่ยาว จะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้น พวกคุณหนูมองดูการแข่งขันที่ดำเนินไปอยู่ตรงกลางลานอย่างใจจดใจจ่อแทบลืมหายใจ สลับกับชายตามองธูปว่ายังเหลืออีกเท่าไรเป็นระยะ บางคราก็รู้สึกว่าเวลาหนึ่งก้านธูปนี้แสนยืดยาวชวนให้ทรมานใจเหลือเกิน แต่พอเห็นธูปเจียนจะไหม้หมดก้านก็รู้สึกขึ้นมาอีกในบัดดลว่าเร็วเกินไปแล้ว
ในเวลาสั้นๆ เท่านี้ไม่รู้ว่าคุณหนูหลีซานจะคัดลอกตำราจรรยาสตรีเล่มหนาๆ ได้มากเท่าไร
“หมดเวลา” มู่หวังเฟยบอกเสียงดัง
เฉียวเจาลากขีดสุดท้ายเสร็จแล้ววางพู่กันลง
องค์หญิงซีเจียงกัดริมฝีปากพร้อมกับวางพู่กันลงตาม
เมื่อเทียบกับตอนนางฝึกฝนในช่วงที่ผ่านมา ครั้งนี้นางแสดงฝีมือได้ดีกว่าปกติ เขียนได้มากขึ้นอีกสองแผ่น แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง
มู่หวังเฟยมองเฉียวเจาปราดหนึ่ง กลับจับวี่แววใดๆ จากสีหน้าสงบนิ่งของนางไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “องค์หญิงกับคุณหนูหลีถอยไปด้านข้างก่อน ทางต้าเหลียงกับซีเจียงต่างส่งคนออกมาหนึ่งคน ตรวจสอบว่าอีกฝ่ายเขียนไปได้ถึงที่ใด”
เด็กสาวสองนางก้าวเข้ามาในลานแข่ง
เด็กสาวของฝ่ายต้าเหลียงตรวจสอบเสร็จก่อนแล้วพูดเสียงดังๆ “องค์หญิงทรงเขียนจรรยาสตรีถึงบทที่ห้าเรื่องความตั้งใจ ถึงวรรคที่ว่า ‘ประพฤติผิดครรลองคลองธรรม เทพยดาฟ้าดินย่อมลงทัณฑ์ จรรยามารยาทต่ำช้า สวรรค์เบื้องบนไม่เมตตา’ ”
ทุกคนได้ยินแล้วลอบตระหนกตกใจ จรรยาสตรีมีทั้งสิ้นเจ็ดบท ภายในเวลาหนึ่งก้านธูปสั้นๆ องค์หญิงซีเจียงสามารถเขียนถึงบทที่ห้าได้ มาตรว่าจะเป็นเพียงตอนต้น แต่ความเร็วชั้นนี้ก็น่าตกใจแล้ว
คุณหนูหลีซานจะเอาชนะองค์หญิงซีเจียงในรอบนี้ได้หรือไม่
เพราะได้แต่มองอยู่ด้านนอกลาน ถึงแม้เฉียวเจาใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันจะสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้ แต่ยังไม่อาจทำให้ใครๆ สบายใจได้
ในจังหวะที่ทุกคนชะเง้อชะแง้รอคอย เด็กสาวซีเจียงทำหน้าม่อยเปิดเผยคำตอบในที่สุด “คุณหนูหลี…เขียนเสร็จแล้ว”
เสียงร้องอุทานต่อกันเป็นทอดๆ ดังขึ้นในชั่วอึดใจ
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้!” องค์หญิงซีเจียงก้าวเท้าฉับๆ ไปตรงโต๊ะหนังสือของเฉียวเจา มองปราดเดียวก็เห็นแผ่นกระดาษที่วางราบอยู่บนนั้นแล้วตะลึงลานไปทันใด
ตัวอักษรเสี่ยวข่ายปิ่นดอกไม้ที่อ่อนช้อยมีชีวิตชีวาเรียงกันเป็นแถวๆ นั่นถึงกับแยกความแตกต่างไม่ออกแม้สักเศษเสี้ยว!
เมื่อนางเขียนหนังสือสองมือ หากพิศดูดีๆ ตัวอักษรที่เขียนด้วยมือซ้ายมือขวาจะต่างกันอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรมือซ้ายก็ไม่ถนัดช่ำชองเท่ามือขวา ทว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไรกัน
เฉียวเจายืนหลุบตาลงหวนนึกถึงความหลังเมื่อครั้งอดีต
แม้นท่านปู่จะเมตตาใจดีกับนาง แต่กลับเข้มงวดกวดขันเรื่องการเล่าเรียนเขียนอ่าน มีครั้งหนึ่งนางถูกทำโทษหนักมากก็บังเกิดปฏิภาณใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน หลังถูกจับได้ท่านปู่พูดกลั้วเสียงหัวเราะร่าว่าสมกับเป็นหลานสาวของตนอย่างแท้จริง สืบทอดวิชาของท่านไปอย่างเต็มที่ก็เลยถ่ายทอดเคล็ดฝีมือใช้พู่กันหลายด้ามเขียนหนังสือพร้อมกันให้แก่นาง
ที่แท้เมื่อแรกที่ท่านปู่ฝึกทักษะนี้ก็เพราะถูกท่านทวดทำโทษบ่อยๆ ตอนวัยเยาว์ดุจเดียวกัน ถึงเค้นสมองคิดหากลโกงเอาตัวรอด
น่าเสียดายที่นางมีพรสวรรค์ไม่เท่าท่านปู่ ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้แล้ว
“เข้ามา นำแผ่นอักษรที่องค์หญิงกับคุณหนูหลีเขียนส่งต่อให้ทุกคนได้ชมกัน” ทั้งที่มู่หวังเฟยรู้สึกแสนสำราญบานใจ แต่ยังพยายามรักษากิริยาเรียบร้อยงดงามไว้สุดความสามารถ บนใบหน้านางมีเพียงรอยยิ้มบางๆ
กระนั้นสิ่งที่แขกสตรีทั้งหลายไม่ล่วงรู้คือทางนี้ยังไม่เริ่มการประชันในรอบสุดท้าย ข่าวน่าตกตะลึงเรื่องที่คุณหนูสามสกุลหลีใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันได้ก็แพร่กระจายไปถึงทางฝั่งแขกบุรุษแล้ว