หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 636
บทที่ 636
“ทางฝั่งแขกสตรีมีคนใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน?”
ทางแขกบุรุษเกิดเสียงอึกทึกวุ่นวาย
“ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน นี่จะน่าอัศจรรย์เกินไปจริงๆ แล้ว”
“ลือกันผิดใช่หรือไม่ การใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ข้าได้ยินว่าอาจารย์เฉียวมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวคือใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันได้ คิดไม่ถึงว่าบัดนี้จะได้ยินข่าวการใช้พู่กันสามด้ามเขียนหนังสือพร้อมกัน…”
เรียวคิ้วงามของกงอ๋องแห่งซีเจียงย่นเข้าหากันน้อยๆ “ท่านอ๋องทั้งสอง ไม่ทราบว่าใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันหมายถึงอะไร”
มู่อ๋องสบตากับรุ่ยอ๋องแวบหนึ่งแล้วยกยิ้มไขความกระจ่าง “ที่เรียกว่าใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันก็คือถือพู่กันในมือข้างละสามด้ามเขียนหนังสือพร้อมกัน อีกทั้งตัวอักษรที่เขียนออกมาก็ไม่ใช่ตัวเดียวกัน ในต้าเหลียงเรา มีแต่จอมปราชญ์อาจารย์เฉียวผู้ล่วงลับไปแล้วที่มีความสามารถพิเศษนี้”
สีหน้าของกงอ๋องเผยแววประหลาดใจ “อาจารย์เฉียวมีชื่อเสียงมากในซีเจียงเรา เพียงน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นภาพความมหัศจรรย์ของการใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันของอาจารย์เฉียวแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะให้พวกข้าได้เห็นคุณหนูที่สามารถใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันท่านนั้นในตอนนี้เป็นการเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”
อาจารย์เฉียวผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นจอมปราชญ์นามกระเดื่องในใต้หล้า เมื่อก่อนตอนเขาเปิดอ่านในหนังสือตำราโบราณดั้งเดิมพบว่าจริงๆ แล้วอาจารย์เฉียวมีเชื้อสายของชาวซีเจียง หากเป็นเช่นนี้ใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันก็ไม่น่าแปลกแล้ว แต่เด็กสาวคนหนึ่งใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันได้หรือ นี่มันไร้สาระน่าขันสิ้นดี ต่อให้พระขนิษฐาของเขาซึ่งเป็นสตรีที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในซีเจียง อย่างมากก็เขียนสองมือพร้อมกันได้เท่านั้น
“คือว่า…” รุ่ยอ๋องมองไปทางมู่อ๋องอย่างลังเลใจ
มู่อ๋องยิ้มเยาะในใจ
คนอ่อนแอเหยาะแหยะเช่นเจ้าห้ายังหมายปองตำแหน่งนั้นอีกหรือ เพื่อมิให้แผ่นดินต้าเหลียงล่มจมด้วยน้ำมือของเจ้าห้า ข้าต้องพยายามมากขึ้น
“ในเมื่อท่านอ๋องอยากเปิดหูเปิดตา นี่จะยากอะไร เข้ามา…” มู่อ๋องกล่าวตอบเขาแล้วเรียกผู้รับใช้มาสั่งกำชับสองสามคำเสียงต่ำๆ
ด้านมู่หวังเฟยได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว นางมุ่นคิ้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องอยากทอดพระเนตรตัวอักษรของคุณหนูสามหรือ”
“ท่านอ๋องตรัสอย่างนี้เพคะ”
มู่หวังเฟยเอ่ยสั่งให้นางกำนัลนำจรรยาสตรีที่เฉียวเจาเขียนใส่ในกล่องแล้วหยิบมาให้เงียบๆ จากนั้นให้ผู้รับใช้เอาไป
ด้านแขกบุรุษรอคอยอยู่เป็นนานแล้ว
“ท่านอ๋อง นำตัวอักษรของคุณหนูที่ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ผู้รับใช้ถือกล่องด้วยสองมือยื่นส่งให้
“ท่านอ๋องเปิดกล่องออกโดยไวให้พวกข้าได้ชมเป็นบุญตาด้วย” คนหลายคนพากันตะโกนพูดด้วยฤทธิ์สุรา
หลังชนจอกกันไปสามรอบ คนส่วนใหญ่ในงานล้วนปล่อยตัวตามสบายแล้ว
เซ่าหมิงยวนซึ่งนั่งติดกับพวกฉือชั่นกุมจอกสุราในมือ คิ้วดกหนาเฉียงขึ้นกระตุกริกๆ
ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน? ถ้าจะพูดว่าในบรรดาคุณหนูที่พระราชอุทยานฝั่งตะวันตกคนใดที่ทำเช่นนี้ได้ เขาไม่ต้องคิดก็แน่ใจได้ว่าต้องเป็นเจาเจาแน่
เจาเจามีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวนี้กลับไม่บอกเขา ซ้ำยังได้รู้จากปากบุรุษอื่นในวันนี้ ความรู้สึกนี้ยากทานทนจริงๆ
ท่านแม่ทัพที่กำลังอึดอัดคับใจคิดกลับไปอีกทางหนึ่ง บางทีอาจเพราะว่าที่ภรรยามีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวมากเกินไปจนบอกได้ไม่หมดในชั่วครู่ชั่วยาม กระนั้นในใจเขาไม่เพียงไม่ผ่อนคลาย กลับหนักอึ้งยิ่งขึ้น
หากลูกๆ ในอนาคตไม่ฉลาดก็ต้องเหมือนข้าแน่นอน ไม่มีแม้แต่โอกาสแก้ต่างสักนิด
“ถิงเฉวียน เจ้าคิดอะไรอยู่ เรียกเจ้าก็ไม่ได้ยิน” หยางโฮ่วเฉิงที่อยู่ด้านข้างสะกิดเขาทีหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนเบนสายตามามองเขา
หยางโฮ่วเฉิงลูบคางพลางกล่าว “ข้าขบคิดอยู่ว่าคุณหนูที่ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันได้ท่านนั้น แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นคุณหนูหลี”
ฉือชั่นแค่นเสียงเยาะ “เรื่องนี้ยังต้องให้เจ้าพูดอีกหรือ”
ทางด้านมู่อ๋องนั้นเปิดกล่องหยิบแผ่นกระดาษออกมา คนที่อยู่ข้างๆ พากันยื่นหน้าไปดู
กงอ๋องแห่งซีเจียงพินิจดูตัวอักษรเสี่ยวข่ายปิ่นดอกไม้ที่งดงามอ่อนช้อยแล้วส่ายหน้าทันควัน “นี่ไม่มีทางเป็นตัวอักษรที่ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน”
มู่อ๋องเลิกคิ้วสูง “ไฉนกงอ๋องกล่าวเช่นนี้”
“พวกท่านดูสิ” กงอ๋องยกมือชี้ไป “ลักษณะลายเส้นและน้ำหนักของตัวอักษรพวกนี้เหมือนกันทุกประการ จะเป็นการใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันออกมาได้เช่นไร ขอถามว่าทุกท่านมีใครทำได้หรือไม่”
ทุกคนเงียบงันไปในอึดใจ
พวกเราย่อมทำไม่ได้แน่นอน อย่าว่าแต่ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกัน ถึงเขียนพร้อมกันสองมือก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้
ใครจะรู้ว่ามู่อ๋องกลับหัวเราะออกมา “พระชายาของข้าส่งข่าวมาว่าทางพระราชอุทยานฝั่งตะวันตก คุณหนูของสองแคว้นกำลังประชันความสามารถกันอยู่ คุณหนูที่ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันท่านนี้แข่งขันดีดพิณกับอักษรวิจิตรไปแล้วสองรอบ นางเขียนตัวอักษรพวกนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย หลังเขียนเสร็จพระชายาของข้าก็เก็บขึ้น ดูทีว่าไม่อาจปลอมแปลงได้”
“เอ๊ะ นี่มันน่าเหลือเชื่อโดยแท้ หากได้เห็นเองกับตาก็คงดี”
“นั่นสิ อาจารย์เฉียวใช้พู่กันหกด้ามเขียนพร้อมกันจนกลายเป็นตำนานไปแล้ว ถ้าหากวันนี้ได้เห็นปาฏิหาริย์ของการใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูที่ใช้พู่กันสามแท่งเขียนพร้อมกันได้ท่านนั้นของแคว้นท่านเป็นผู้ใด” กงอ๋องอดถามไม่ได้
หากคุณหนูผู้นั้นทำได้ถึงขั้นนี้จริงๆ พระขนิษฐาของเขาต้องมิใช่คู่ต่อสู้ของนางเป็นแน่แท้
มุมหนึ่งของงานเลี้ยงเจียงหย่วนเฉาผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินคนใหม่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งตามลำพังดื่มสุราอย่างเงียบๆ
คุณหนูผู้นั้นนอกจากนางแล้วยังจะมีใครอีกเล่า
วันนี้เขาดื่มสุราไปไม่น้อย แต่แววตาเฉยเมยยังแจ่มใสอยู่ เขาชายตามองเซ่าหมิงยวนอยู่ไกลๆ
คนผู้นี้โชคดีไปเสียทุกอย่างจริงๆ
เซ่าหมิงยวนคล้ายรับรู้ได้ เขาหันขวับไปประสานสายตากับเจียงหย่วนเฉากลางอากาศ
ทั้งคู่สบตาครู่หนึ่ง เจียงหย่วนเฉาเป็นฝ่ายหลบตาก่อน
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลงยิ้มเยาะ
เจ้าหนุ่มนี่ยังคะนึงหาเจาเจาอยู่อีกหรืออย่างไร ช่างไม่รู้จักที่ตายเอาเสียเลย!
สัญชาตญาณอำมหิตปั่นป่วนพลุ่งพล่านตรงกลางอกอย่างรุนแรงเสมือนน้ำเดือดจัด
ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเป็นผู้ชื่นชอบในตัวเจาเจาก็คิดสังหารคนผู้นั้นเช่นนี้เป็นความคิดที่ไม่ดี ข้ามิใช่พวกกระหายเลือดชอบฆ่าคนสักหน่อย
แต่ว่าอยากทำตามอำเภอใจสักครั้งเหลือเกิน เอาอย่างไรดี
ท่านแม่ทัพลูบปลายคางบึกบึนได้รูปพลางตรึกตรองปัญหานี้อย่างเอาจริงเอาจัง
ขณะที่ทุกคนบังเกิดความสนใจเต็มทีว่าคุณหนูผู้ใช้พู่กันสามด้ามเขียนพร้อมกันได้เป็นใคร มู่อ๋องชูจอกสุราให้เซ่าหมิงยวน กล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “จะว่าไปแล้วต้องแสดงความยินดีกับท่านโหวด้วย คุณหนูท่านนั้นคือคู่หมั้นของท่านโหวนั่นเอง”
จูเยี่ยนลอบขมวดคิ้ว เขามองสหายรักอย่างกังวลใจ คุณหนูหลีฉายรัศมีโดดเด่นเกินไป ไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมาโดยไม่จำเป็นหรือไม่ หากว่าเป็นเขาคงไม่อยากให้คู่หมั้นของตนกลายเป็นจุดสนใจที่ใครๆ โจษจันถึง
ทว่าเขากลับเห็นเซ่าหมิงยวนยกจอกสุราขึ้นด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ภรรยาของเขา ขอเพียงนางปรารถนา เขาเต็มใจมองดูนางเปล่งประกายหมื่นจั้ง มิใช่เก็บตัวอยู่ในเรือนซ่อนคมงำประกายเพียงเพราะว่านางคือสตรี
รัศมีของคนไม่พึงควรถูกบดบังไว้เพราะชายหญิงต่างกัน ในเมื่อโลกเรานี้ไม่ยุติธรรมต่อสตรี เขาก็พร้อมให้ความยุติธรรมแก่นางสุดความสามารถ
“เป็นคู่หมั้นของท่านโหวหรือนี่ ท่านวาสนาดีจริงๆ” แววตาของกงอ๋องไหววูบหนึ่ง เขากล่าววาจาแฝงนัยลึกล้ำหลายส่วน
เซ่าหมิงยวนยิ้มน้อยๆ “กระหม่อมโชคดีไม่เลวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้ว่าการประชันทางฝั่งตะวันตกเป็นอย่างไรแล้วบ้าง” กงอ๋องเอ่ยถาม
“ขณะนี้ประลองไปแล้วสี่รอบ สองฝ่ายต่างกำชัยฝ่ายละสองรอบ เวลานี้น่าจะเริ่มแข่งขันรอบตัดสินชี้ขาดแล้ว”
“สี่รอบแรกประชันอะไรกันหรือ” มีคนไต่ถามอย่างสนใจใคร่รู้
“แบ่งเป็นขว้างธนูลงคนโท ร่ายรำ พิณ และอักษร สองรอบแรกซีเจียงชนะ สองรอบหลังต้าเหลียงชนะ”
ได้ยินคำกล่าวของมู่อ๋องแล้วมีคนไม่น้อยเริ่มคิดตามทัน
นี่แสดงว่าสองรอบที่ชนะล้วนเป็นคู่หมั้นของกวนจวินโหวคว้าชัยคืนมาได้ คุณหนูผู้นี้เก่งผิดมนุษย์มนาไปแล้ว
กงอ๋องรู้สึกไม่เข้าทีมากขึ้น เขาเอ่ยถามขึ้น “ไม่รู้ว่ารอบสุดท้ายประชันอะไรกัน”
พระขนิษฐาของเขาถึงกับแพ้ติดๆ กันสองรอบ นี่เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ
“ข้าขอส่งคนไปซักถามดูสักหน่อย”
ทางพระราชอุทยานฝั่งตะวันตก เมื่อมู่หวังเฟยประกาศหัวข้อการแข่งขันจากการสุ่มจับไม้ติ้ว ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบสนิท