หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 646
บทที่ 646
ณ ศาลากว้างใหญ่ริมทางสายโบราณ สายลมวสันต์เย็นระรื่น
ขอบตาของหยางโฮ่วเฉิงแดงเรื่อๆ เขาโบกมือไปมา “เอาล่ะ ส่งกันพันลี้สุดท้ายก็ต้องลาจาก พวกเจ้าไม่ต้องตามไปส่งแล้ว ขืนมัวชักช้าต่อไป ถ้าเกิดท่านย่าข้ารู้เรื่องเข้า ข้าคงไม่ได้ไปแล้ว”
จูเยี่ยนตบบ่าเขา “รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”
หยางโฮ่วเฉิงหัวเราะแหะๆ “วางใจได้ ข้าต้องรักษาเนื้อรักษาตัวแน่ ข้ายังอยากสังหารชาววอโค่วมากขึ้นอีกหลายๆ คนนะ”
“เจ้าอย่าแขนกุดขาด้วนกลับมาก็พอ” ฉือชั่นกล่าวเสียงเย็นๆ
หยางโฮ่วเฉิงยกมือชกเขาหมัดหนึ่ง “เจ้าจะกล่าวคำที่มันน่าฟังสักหน่อยไม่ได้หรือ”
“พูดจาน่าฟังมีประโยชน์อันใดรึ เจ้าเก็บเกาทัณฑ์แขนเสื้อที่ข้ามอบให้เจ้าไว้ให้ดีๆ ต้องใช้ประโยชน์ได้สักวัน”
“รู้แล้ว”
เซ่าหมิงยวนเอ่ยถาม “ฉงซาน เรื่องพึงระวังยามอยู่ในสมรภูมิที่ข้าบอกเจ้าไว้จำได้แล้วใช่หรือไม่”
“จำได้แล้ว โธ่ พวกเจ้าเลิกบ่นได้แล้ว ข้ารับรองว่าจะกลับมาโดยที่เส้นผมไม่ขาดหายสักเส้น ไปล่ะนะ” หยางโฮ่วเฉิงโบกมือไปมาแล้วหมุนกายขึ้นม้าอย่างเร่งรีบ
เมื่อเขากระทุ้งท้องม้าเบาๆ เจ้าอาชาก็เริ่มออกวิ่งจวบจนห่างออกไปไกลมากถึงหยุดนิ่ง คนบนหลังม้าหันหน้ามาโบกมือให้สุดแรง จากนั้นเสียงฝีเท้าม้าก็ค่อยๆ ไกลออกไปทีละน้อย
พวกเซ่าหมิงยวนยังยืนนิ่งอยู่นอกศาลาจนกระทั่งมองไม่เห็นเงาร่างของสหายรักแล้วถึงดึงสายตาคืน
ทุกคนต่างไม่กล่าววาจาไปชั่วขณะ
ไกลออกไปฝุ่นดินลอยฟุ้งตลบพร้อมกับเสียงฝีเท้าม้าถี่กระชั้น
“ถิงเฉวียน นั่นดูเหมือนจะเป็นองครักษ์ของเจ้ากับเจ้าหน้าที่ทางการนะ” จูเยี่ยนทอดสายตาไกลๆ มองคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้วเอ่ยบอก
ฉือชั่นขมวดคิ้ว “เห็นเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นก็รู้สึกว่ามิใช่เรื่องดี ถิงเฉวียน พวกเขายังตามตอแยเจ้าไม่เลิกราด้วยเรื่องการตายของนักสู้ซีเจียงอีกหรือ”
“อาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกแล้ว” เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้วพลางกล่าว
ตอนอยู่ที่ที่ว่าการกรมอาญา เขาพูดอย่างชัดเจนมากแล้ว นอกเสียจากว่าคดีมีความคืบหน้าสำคัญและต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นหัวหน้าคณะสามตุลาการไม่จำเป็นต้องส่งคนมาตามหาเขาอย่างรีบร้อน
กลุ่มคนสี่ห้าคนมาถึงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วแล้วดึงสายบังเหียนหยุดม้าจากนั้นพลิกกายลงพื้นด้วยท่าทางร้อนรน
“ท่านแม่ทัพ…” องครักษ์ที่มาถึงอ้าปากจะพูดรายงานแต่เซ่าหมิงยวนยกมือห้าม เขาหันไปมองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการ
“ท่านโหว ใต้เท้าทั้งหลายขอเชิญท่านไปยังที่ว่าการกรมอาญาขอรับ ท่านอ๋องทั้งสองล้วนรอคอยท่านอยู่ที่นั่นแล้ว”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เขาถามเสียงขรึม
หัวหน้าเจ้าหน้าที่เหลือบตาขึ้นมองเซ่าหมิงยวนแวบหนึ่งก่อนกล่าวตอบ “องค์หญิงซีเจียงโดนสังหารขอรับ”
สีหน้าชายหนุ่มฉายแววหลากใจน้อยๆ เขามองไปทางเฉียวเจาพลางกล่าวเสียงนุ่ม “ข้าจะไปที่ที่ว่าการกรมอาญาสักหน่อย ให้พวกสือซีส่งเจ้ากลับจวนนะ”
เฉียวเจาส่ายหน้า “ข้าจะไปดูพร้อมกับท่าน”
เซ่าหมิงยวนลังเลครู่หนึ่ง
“ถิงเฉวียน…” เฉียวเจาเปล่งเสียงเรียกขาน
คนบางคนพยักหน้าทันที “ตกลง ไปพร้อมกัน สือซี จื่อเจ๋อ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
ฉือชั่นชายตามองเจ้าหน้าที่ทางการปราดหนึ่งก่อนพูดเสียงเอื่อยๆ “ยังจะกลับอะไรอีกเล่า ไปด้วยกันเถอะ”
ทุกคนรุดไปยังที่ว่าการกรมอาญาพร้อมกัน
มู่อ๋องหยุดสายตาที่ตัวเฉียวเจา “คุณหนูหลีก็มาด้วยหรือ”
เหล่าขุนนางต่างมองเงียบๆ “…”
ตอนนี้ใช่เวลามาจู้จี้จุกจิกกับเรื่องนี้หรือ
ราชวงศ์ต้าเหลียงของพวกเขาจะทำอย่างไรดี องค์ชายสองพระองค์ดูท่าทางแล้วล้วนพึ่งพาไม่ได้อย่างมาก ถึงกระนั้น…ไม่ว่าวันหน้าจะเป็นองค์ชายพระองค์ใดได้สืบทอดราชบัลลังก์ อย่างน้อยต้องเข้าประชุมขุนนางยามเช้ากระมัง
อืม น่าจะเข้าประชุมขุนนางนะ ขุนนางทั้งหลายคิดคำนึงอย่างไม่มั่นใจ
“กวนจวินโหว!” กงอ๋องลุกขึ้นยืนจ้องมองเซ่าหมิงยวนเขม็งด้วยดวงตาแดงก่ำ
เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ท่านอ๋องหักห้ามพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าสังหารพระขนิษฐาของข้าแล้ว ตอนนี้ยังจะทำท่าทางเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง หรือว่าเจ้าเป็นท่านโหวก็ไม่เกรงฟ้ากลัวดินได้ใช่หรือไม่” กงอ๋องหันศีรษะไปมองหลันซาน “สมุหราชเลขาธิการหลัน ฮ่องเต้ของแคว้นท่านทรงจำศีลอยู่ เรื่องนี้ขอให้ท่านตัดสินความยุติธรรมให้แก่ข้าด้วย!”
การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงซีเจียงเป็นเรื่องร้ายแรงใหญ่หลวง พวกโค่วสิงเจ๋อหารือกันแล้วรายงานต่อสภาขุนนาง สมุหราชเลขาธิการหลันซานกับรองสมุหราชเลขาธิการสวี่หมิงต๋าต่างเร่งรุดมาถึง ยังมีขุนนางจากหกกองเก้ากรมมาด้วยหลายท่าน
“ท่านอ๋องวางพระทัยได้ เรื่องนี้พวกข้าต้องให้คำอธิบายแก่ท่านแน่พ่ะย่ะค่ะ” หลันซานกล่าวปลอบกงอ๋องให้อารมณ์เย็นลง เขามองไปทางเซ่าหมิงยวนด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด “ท่านโหว พวกข้าล่วงรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องหมดแล้ว ข้าในฐานะสมุหราชเลขาธิการได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญจากฝ่าบาท จึงไม่อาจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังว่าท่านโหวจะยอมรับการไต่สวนด้วย”
“ข้ายังคงยืนยันคำเดิม เอาหลักฐานมาพูดกัน”
“หลักฐาน?” ดวงตาของหลันซานทอประกายวูบหนึ่ง เขาหันไปมองโค่วสิงเจ๋อ “เสนาบดีกรมอาญา มีพยานมิใช่หรือ”
พยาน? เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วสูง
เรื่องราวชักน่าสนุกแล้วจริงๆ ยังไม่เอ่ยถึงว่าการตายขององค์หญิงซีเจียงไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งนักสู้ซีเจียงที่โดนเฉินกวงทุบตียกหนึ่งตอนกลางดึกผู้นั้นจะมีใครเห็นเหตุการณ์ได้เล่า
พยานผู้นี้มีเลศนัยแน่ๆ
พยานถูกพาตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษ
ชายหนุ่มเข้ามาก็คุกเข่าดังตุบโขกศีรษะทันที
“เล่าเรื่องที่เจ้าเห็นเมื่อคืนนี้” หลันซานกล่าวเสียงราบเรียบ
ชายหนุ่มที่ตัวสั่นงันงกเงยหน้าขึ้นแล้วก้มลงอย่างฉับไว “ข้าเป็นคนเทถังส้วมขอรับ เมื่อวานตอนกลางดึกข้าออกมาไล่เทถังส้วมไปทีละเรือนๆ ตอนเดินถึงถนนสายตะวันตก จู่ๆ เห็นคนสองคนลากของอะไรบางอย่างออกมาจากตรอกซิ่งจื่อ ยามนั้นข้ารู้สึกกลัวอยู่บ้างจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในตรอกด้านข้าง รอจนสองคนนั้นเดินไปไกลแล้วถึงเข้าไปดู ใครจะรู้ว่า…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้คนเทถังส้วมสั่นสะท้านไปทั้งกาย น้ำเสียงสะพรึงกลัวอย่างปิดไม่มิด “ใครจะรู้ว่าจะพบว่าที่แท้นั่นเป็นคนผู้หนึ่ง”
“คนที่เจ้าเห็นในตอนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นหรือว่าตาย” หยางอวิ้นจือรองเสนาบดีกรมอาญาเอ่ยถามขึ้น
คนผู้นี้มาตีกลองแจ้งทางการที่หน้าประตูที่ว่าการก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาฟังคำพูดของคนผู้นี้ก็รู้ว่ากวนจวินโหวต้องเดือดร้อนแล้ว
“คนผู้นั้น…” คนเทถังส้วมตวัดสายตามองเซ่าหมิงยวนปราดหนึ่งแล้วใบหน้าซีดเผือด เขาพูดต่อไม่ได้แล้ว
“พูด!” หลันซานตวาดคำหนึ่งอย่างหงุดหงิด
คนเทถังส้วมย่นคอห่อไหล่ เขารวบรวมความกล้าพูดขึ้น “คนผู้นั้นตายแล้ว บนคอมีแผลใหญ่มากจนเลือดไหลทะลักออกมาเลยขอรับ”
“เจ้าเห็นหน้าสองคนนั้นได้ถนัดตาหรือไม่” หยางอวิ้นจือไต่ถาม
“เมื่อคืนมีแสงจันทร์ แม้ข้าแอบอยู่ด้านข้างจะมองเห็นไม่ชัดเจนมากนัก แต่เพราะคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หนึ่งในนั้นถึงจดจำได้ในแวบแรกขอรับ”
“คนผู้นั้นคือใคร”
“คือ…” คนเทถังส้วมมองไปทางเซ่าหมิงยวนซ้ำอีก
สีหน้าเขาราบเรียบทำให้จับวี่แววใดไม่ออก
“ขืนอ้ำๆ อึ้งๆ อีก จะลากตัวออกไปโบยกระบอง” หยางอวิ้นจือพูดอย่างหงุดหงิด
“เป็นสารถีหนุ่มของจวนอาลักษณ์หลีผู้นั้นขอรับ”
เมื่อถ้อยคำนี้ดังขึ้นทุกคนหันไปมองเซ่าหมิงยวนเป็นตาเดียวกัน
“กวนจวินโหว ท่านยังมีอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่” กงอ๋องถามเสียงกร้าว
เซ่าหมิงยวนมองคนเทถังส้วมนิ่งๆ ด้วยสีหน้าเฉยชา “เช่นนั้นก็เรียกคนมาซักถามเถอะ”
ไม่นานนักเฉินกวงก็รุดมาถึง เขาฟังความเป็นมาเป็นไปของเรื่องจบแล้วโมโหแทบควันออกหู ชี้หน้าคนเทถังส้วมพลางพูด “เจ้าบอกว่าเห็นข้าสังหารคนหรือ!”
คนเทถังส้วมถอยกรูดๆ ด้วยความตกใจ
หลันซานกระแอมกระไอเบาๆ ทีหนึ่ง “ท่านโหว มีพยานออกมายืนยันแล้ว ตามความเห็นข้าก็ให้คณะสามตุลาการไต่สวนสารถีผู้นี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเถอะ”
เซ่าหมิงยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “จะไต่สวนก็ได้ แต่พยานผู้นี้…”
เขากล่าวพร้อมกับปรายตามองคนเทถังส้วม เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าคิดว่าเขาพูดเท็จอยู่”
คนเทถังส้วมสะดุ้งสุดตัว
“อืม ท่านโหวกล่าวเช่นนี้ไม่ทราบว่ามีหลักฐานใด” หลันซานเอ่ยถามเสียงเนิบๆ