หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 65
หลีเจี่ยวรู้สึกปวดแน่นที่ท้องรุนแรงขึ้นทุกที นางกัดริมฝีปากล่างพลางกดหน้าท้องเบาๆ
เกิดอะไรขึ้น หรือว่ากินของผิดสำแดงเข้าไป
จะให้สตรีนางหนึ่งอย่างนางบอกกับอาจารย์สอนดีดพิณที่หนุ่มแน่นรูปงามว่าอยากไปห้องเวจเช่นนี้ ถึงตีให้ตายก็พูดไม่ออกจากปาก
หลีเจี่ยวอดทนอย่างยากเย็น นางปวดมวนเหมือนท้องไส้บิดเป็นเกลียว ทุกเสี้ยวขณะล้วนสุดแสนจะทรมานจนเหงื่อเย็นไหลรินลงมาเป็นหยดๆ จวบจนเสียงไม่น่าอภิรมย์ดังขึ้น ใบหน้านางก็ซีดเผือดทันควัน
จบกัน! ข้าปล่อยเสียงนี้ออกมาหรือ
ระหว่างที่หลีเจี่ยวกำลังอับอายระคนขัดเคืองเจียนตาย หลีเจียวก็ลุกขึ้นยืนหน้าตาแดงก่ำ ไม่กล่าววาจาใดสักคำก็วิ่งกุมท้องออกไป
น้องเจียว?
หลีเจี่ยวตะลึงงันไปอึดใจหนึ่ง นางผุดลุกขึ้นเอ่ยกับอาจารย์สอนดีดพิณอย่างเร่งร้อน อาจารย์ น้องเจียวอาจจะไม่สบาย ศิษย์ขอไปดูสักหน่อยนะเจ้าคะ
ไม่ทันรอคำอนุญาตของอาจารย์ คุณหนูใหญ่ผู้อ่อนโยนสุขุมเป็นนิจก็ตามออกไปอย่างว่องไวทิ้งอาจารย์หนุ่มไว้ที่เดิม เขามองไปทางลูกศิษย์หญิงคนอื่นๆ อย่างฉงนฉงาย
คุณหนูสามกับคุณหนูห้าไม่มีท่าทางผิดปกติแม้แต่น้อย คุณหนูสี่สีหน้าบึ้งตึงไปหมด ส่วนคุณหนูหกน้ำตาคลอทำหน้ายุ่งยากใจแกมเป็นทุกข์
วันนี้ลูกศิษย์พวกนี้เป็นอะไรไป
ครั้นนึกไปถึงเสียงไม่น่าอภิรมย์ก่อนหน้านี้ อาจารย์หนุ่มก็เข้าใจในฉับพลัน
นี่พวกลูกศิษย์กินของผิดสำแดงหรือ
อาจารย์หนุ่มเริ่มกระอักกระอ่วนใจตามไปด้วย เขารีบกล่าวขึ้นว่า ในเมื่อคุณหนูรองไม่สบาย การเรียนในวันนี้ก็จบลงเท่านี้เถอะ
อาจารย์สอนดีดพิณลุกลนหอบพิณจากไป
พอเขาไปแล้ว คุณหนูหกหลีฉานลุกขึ้นทันที บอกห้วนๆ คำเดียวว่า ข้าไปห้องเวจ แล้วก็หายลับไปตรงหน้าประตูทันใด
คุณหนูสี่หลีเยียนส่งยิ้มให้เฉียวเจาอย่างฝืดเฝื่อน ข้าไปดูนางสักหน่อยนะเจ้าคะ
พริบตาเดียว ภายในห้องดีดพิณเหลือแค่เฉียวเจากับคุณหนูห้าหลีซู
เฉียวเจามีสีหน้าเรียบเฉย นางก้มหน้ากรีดสายพิณไปตามชอบใจ
คุณหนูห้าหลีซูลอบกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ก่อนรวบรวมความกล้าส่งเสียงเรียก พี่เจาเจ้าคะ
เฉียวเจาผินหน้าไป บนริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบางเบา หือ?
เมื่อได้มองสบสายตาไร้รอยกระเพื่อมไหวของอีกฝ่าย หลีซูพลันลืมเลือนว่าสมควรกล่าวอะไร
หรือจะถามพี่เจาว่าเพราะอะไรพวกพี่เจี่ยวกินอาหารแล้วจึงท้องเสีย มีเพียงพวกนางสองคนที่ไม่เป็นอะไร
นางทำตามอย่างพี่เจาโดยกินแต่หมั่นโถวไหมเงิน นี่มิใช่หมายความว่าพี่เจารู้ทันแต่แรกว่าอาหารพวกนั้นผิดปกติหรอกหรือ
คุณหนูห้าหลีซูยิ่งคิดยิ่งสับสนงุนงงแล้ว
พี่เจารู้ได้อย่างไรว่าอาหารมีปัญหา…
หรือจะเห็นโดยบังเอิญว่ามีคนใส่อะไรบางอย่างลงไปในนั้น
นี่น่าจะเป็นไปไม่ได้ พวกพี่น้องจากจวนตะวันตกมาถึงตอนเช้า แล้วไม่ได้ออกจากสำนักศึกษาเลย
หรือว่าพี่เจาจับได้ตอนกินข้าว
นี่ยิ่งเหลือเชื่อแล้ว ตอนนั้นพี่เจายังไม่ได้กินสักคำชัดๆ
เพราะเรือนครัวเล็กในสำนักศึกษาหญิงของจวนตะวันออกทำขึ้นเพื่อพวกคุณหนูโดยเฉพาะ จึงพิถีพิถันมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางเกิดเรื่องอาหารบูดเสีย กระนั้นถ้ามีคนสั่งให้คนครัววางยาในอาหาร คนผู้นั้นต้องเป็นพี่เจียวเท่านั้น แต่เผอิญว่าพี่เจียวกินเข้าไปมากกว่าใครๆ
น้องซูเรียกข้ามีอะไรหรือ น้ำเสียงของเฉียวเจานุ่มละมุนยิ่ง
ทว่าพอเสียงนี้ดังกระทบหูหลีซู กลับละม้ายเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ทำให้นางดึงสติคืนมาทันควัน
ไม่คิดแล้วๆ เรื่องมันเป็นอย่างไรก็ช่าง เอาเป็นว่าวันหน้าอยู่ฝ่ายพี่เจาไม่ผิดแน่!
เด็กสาวผู้ใจเสาะขี้กลัวเสมอมาแย้มปากออกเป็นรอยยิ้มประจบอย่างระมัดระวัง ข้าอยากบอกว่าปิ่นดอกไม้ของพี่เจาวันนี้สวยจริงๆ เจ้าค่ะ
เฉียวเจากลั้นยิ้มไม่อยู่
บนเรือนผมเสียบดอกอวี้หลันสีขาวอมเขียวไว้แค่ดอกเดียว เรียบง่ายเสียจนไม่รู้จะเรียบง่ายไปมากกว่านี้ได้อย่างไร แล้วจะดูสวยตรงที่ใดกัน
ในบรรดาคุณหนูของจวนสกุลหลี มีเพียงคุณหนูห้าซึ่งเป็นสายเลือดอนุผู้เดียวที่มีจิตใจละเอียดอ่อน คนเฉกนี้จะรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง ย่อมไม่หาเรื่องนางอย่างผลีผลามวู่วามเป็นธรรมดา
เฉียวเจาเผยรอยยิ้มจากใจจริง น้องซูตาแหลม
นางไม่เอื้อนเอ่ยวาจาต่อ ดึงสายตากลับไปมองพิณโบราณเบื้องหน้า
หลีซูฉุกคิดในใจ พี่เจารู้ทันดังคาด!
ภายในห้องเรียนพิณสงบเงียบเชียบ ฝ่ามือขาวเกลี้ยงของเฉียวเจาเลื่อนไปพรมนิ้วดีดพิณตามแต่ใจ
นางหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วกรีดสายบรรเลงไปเรื่อยๆ ตามแต่นิ้วจะพาไปโดยมิได้อิงตามทำนองเพลงใดๆ แต่หลีซูฟังแล้วค่อยๆ เคลิบเคลิ้มไปทีละน้อย
ราวกับว่านางมองเห็นวิหคในกรงงามวิจิตรใต้ชายคากระพือปีกเบาๆ กระโดดไปมา หลบหลีกการเย้าแหย่ของผู้อื่นอย่างซุกซน สุดท้ายประตูกรงเปิดออก นกน้อยโผบินขึ้นฟ้า ยิ่งบินยิ่งสูง ยิ่งบินยิ่งสูงขึ้น จวบจนมองไม่เห็นตัวอีกต่อไป หลงเหลือเพียงฟ้าสีครามสดใสกับเมฆสีขาวบริสุทธิ์ดุจเดิมให้เป็นที่ใฝ่ฝันปรารถนาของผู้คน…
จนกระทั่งพวกบ่าวหญิงกรูเข้ามาทางประตูเป็นพรวน เสียงพิณถึงหยุดลงกะทันหัน
หลีซูเห็นสาวใช้วัยกลางคนที่เดินนำหน้า นางอดหน้าเสียไม่ได้
เป็นหวังมามาคนสนิทของท่านแม่ใหญ่!
หวังมามาสาวเท้าตรงมาแสดงคำนับต่อเฉียวเจาอย่างขอไปที คุณหนูสาม คุณหนูห้า พวกคุณหนูรองกินอาหารแล้วท้องเสีย ฮูหยินทราบเรื่องแล้วตระหนกตกใจ จึงจะเชิญท่านสองคนไปถามความเจ้าค่ะ
ถามความ? หวังมามาทำท่าร้อนอกร้อนใจมาก ทว่าอีกฝ่ายกลับย้อนถามอย่างใจเย็น
ทีแรกหวังมามาไม่รู้สึกว่าคำพูดของตนมีอันใดไม่เหมาะไม่ควร ครั้นถูกเฉียวเจาย้อนถาม นางพลันรู้สึกร้อนตัวอยู่สักหน่อย
ฮูหยินกำชับไว้แล้วว่าให้สุภาพกับคุณหนูจวนตะวันตกมากขึ้น กันมิให้เกิดเสียงติฉินนินทาอะไรอีก
นางยิ้มแห้งๆ รีบกล่าวตอบ ฮูหยินเชิญคุณหนูทั้งสองไปเพื่อจะได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้คุณหนูท่านอื่นๆ ล้วนไม่สะดวกเจ้าค่ะ
ปากนางพูดว่า ‘คุณหนูทั้งสอง’ ทว่ามิได้มองหลีซูสักแวบหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ไรมาหลีซูก็รู้ฐานะตนเองดี นางไม่แม้แต่จะนึกคับแค้นใจเลยสักนิด
ในเมื่อท่านป้าสะใภ้ใหญ่อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น หวังมามาก็นำทางเถอะ เพลานี้เฉียวเจาถึงลุกขึ้นอย่างนวยนาด
หวังมามาลอบเหยียดมุมปากขึ้น ไม่รู้ว่าเหตุใดฮูหยินต้องเกรงใจจวนตะวันตกเช่นนี้ ทั้งที่หลายปีมานี้คนจวนตะวันตกต้องยืมจมูกคนจวนตะวันออกหายใจตลอดมา
ฮึ…ตอนนี้คุณหนูสามทำวางท่าไปเถอะ ประเดี๋ยวก็จะเคราะห์ร้ายแล้ว!
ฝั่งหนึ่งของสำนักศึกษามีห้องพักผ่อนที่จัดไว้ให้พวกคุณหนู หวังมามาพาเฉียวเจาไปถึงที่นั่นก็เห็นพวกบ่าวไพร่เดินเข้าเดินออก ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเด็กสาวลอยแว่วมาจากข้างใน
อู่ซื่อรออยู่ในห้องโถง มีคุณหนูสี่หลีเยียนกับคุณหนูหกหลีฉานนั่งอยู่ด้านข้าง
หลีเยียนเห็นเฉียวเจาเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่หยุดคิดทันที ยังไม่ลืมฉุดหลีฉานที่ยังไม่รู้สึกตัวสักนิดให้ลุกขึ้นแล้วกล่าวทักทายเฉียวเจา พี่เจา
เฉียวเจาพยักหน้าทักทายตอบ จากนั้นยอบกายเล็กน้อยเป็นการคำนับอู่ซื่อ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่
อู่ซื่อตวัดสายตามองหลีเยียนที่มีสีหน้าท่าทางตึงเครียด รำพึงในใจว่า
คุณหนูสามผู้นี้สร้างชื่อลือลั่นในชั่วข้ามคืนที่วัดต้าฝูได้ มิใช่สามัญธรรมดาดังคาด กระทั่งคุณหนูสี่ยังประจักษ์ในความร้ายกาจของนางแล้ว
เจาเจา ท่านป้าเรียกเจ้ามาก็อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นสักหน่อย ไฉนจู่ๆ พวกพี่เจียวของเจ้าก็ท้องเสียกันได้ อู่ซื่อกล่าวพลางมองหลีเยียนและหลีซูสองพี่น้อง เมื่อครู่ข้าถามเยียนเอ๋อร์กับซูเอ๋อร์แล้ว พวกนางกินอาหารกลางวันน้อยถึงได้ไม่เป็นอะไร แต่พี่เจี่ยวกับพี่เจียวของเจ้ากลับถ่ายท้องไม่หยุด เพิ่งดื่มยาไปถึงได้ทุเลาแล้ว
เฉียวเจานิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวตอบอย่างจริงจัง เช่นนั้นน่าจะเพราะพี่เจี่ยวกับพี่เจียวกินมากเกินไปกระมังเจ้าคะ
คุณหนูห้าหลีซูที่เดินตามหลังเฉียวเจาเข้ามาก้มหน้าต่ำมากขึ้นถึงซ่อนรอยยิ้มไว้ได้
อู่ซื่อเกือบรักษาสีหน้าท่าทางของผู้เป็นประมุขหญิงของเรือนไว้ไม่อยู่ นางลอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น เรื่องนี้ท่านป้าย่อมต้องรู้เป็นธรรมดา
นี่มิใช่ตอบก็เหมือนไม่ได้ตอบรึ ใครกินของผิดสำแดงเข้าไปมากกว่าก็ต้องอาการหนักกว่าอยู่แล้ว!
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ ถ้าอย่างนั้นท่านป้าสะใภ้ใหญ่อยากจะถามว่าเหตุใดข้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ
นางมองหลีเยียนและหลีซูสองพี่น้องแล้วแย้มยิ้ม ข้ายังนึกว่าน้องเยียนกับน้องซูจะเล่าให้ท่านฟังแล้วเสียอีก ที่ข้าไม่เป็นอะไรเพราะข้าไม่ได้กินเจ้าค่ะ