หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 658
บทที่ 658
ภายในห้องคลอดบุตรเหอซื่อเจ็บแทบเป็นแทบตาย แต่ยังพะวักพะวนถึงเรื่องของเฉียวเจา
“น้องสะใภ้ ถ้า…ถ้าข้าทนผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ เจ้าช่วยดูแลเจาเจาให้ข้าด้วยนะ เจาเจาของข้าน่าสงสารเหลือเกิน…”
หลิวซื่อกลอกตาขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านอย่าคิดเหลวไหล บุตรสาวของตนเองก็ดูแลเอาเองเถอะ เรื่องอื่นข้าไม่กล้าพูด ขอบอกกับท่านคำเดียว ท่านเขยสามของเราไม่เป็นอะไรเด็ดขาด”
“เพราะอะไร” เหอซื่อฟังแล้วงุนงง ลืมกระทั่งร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
หลิวซื่อหลุดหัวเราะพรืด “นี่ท่านยังไม่กระจ่างแจ้งอีกหรือ”
เหอซื่อกะพริบตาปริบๆ พลางคิดในใจ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เจ้าก็รีบๆ บอกมาให้ข้าคลอดบุตรอย่างสบายใจสิ!
ดีที่หลิวซื่อก็คิดเช่นนี้ นางกล่าวยิ้มๆ ด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ “ใครให้ท่านโหวเป็นคู่หมั้นคุณหนูสามของพวกเราเล่า!”
นี่เกี่ยวกันด้วยหรือ เหอซื่อกะพริบตาปริบๆ เป็นคำรบที่สอง คู่สะใภ้ของข้าผู้นี้พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปข้าจะคลอดยากแล้วนะ
หลิวซื่อเหลือบมองหมอตำแยแวบหนึ่งก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเหอซื่อ “พี่สะใภ้ หรือท่านไม่สังเกตเลยว่าหนึ่งปีมานี้ไม่ว่าใครมาตอแยกับคุณหนูสามของเราก็ต้องเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่รึ”
“เอ๊ะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” เหอซื่อกำมือหลิวซื่อสุดแรง
หลิวซื่อไล่เลียงให้ฟังละม้ายนับสมบัติในเรือนทันที “คุณหนูรองของจวนตะวันออกชอบต่อสู้แข่งขันกับคุณหนูสามเลยอับอายขายหน้าครั้งใหญ่ที่วัดต้าฝู ตอนนี้แม้แต่คู่ครองดีๆ ก็หาไม่ได้แล้ว ท่านเซียงจวินของจวนตะวันออกไม่ชอบหน้าคุณหนูสามของเรา ตอนนี้ตาบอดไปแล้ว ฮูหยินของจวนกู้ชางป๋อผู้นั้นบงการคนมาสาดอุจจาระหน้าประตูจวนเรา หมายจะทำลายบรรยากาศมงคลตอนคุณหนูสามหมั้นหมาย นางผูกคอตายเมื่อเดือนสิบสองปีที่แล้ว คุณหนูเจียงแห่งกององครักษ์จินหลินผู้นั้นมักหาเรื่องคุณหนูสามของเราอยู่เนืองๆ ก็จบชีวิตอย่างคาดไม่ถึงตอนเดือนหนึ่ง บิดาของนางจับพี่ใหญ่เข้าคุกหลวงเพื่อแก้แค้นก็ตายตกตามกันไป จริงสิ ยังมีองครักษ์จินหลินนามว่าเจียงอู่คนนั้นส่งคนมาพาตัวคุณหนูสามไปมิใช่หรือ ผลสุดท้ายก็ตายเหมือนกัน…”
หลิวซื่อได้เริ่มพูดก็หยุดปากไม่อยู่ ตอนท้ายนางพูดไปถึงองค์หญิงซีเจียง “องค์หญิงซีเจียงผู้นั้นมิใช่คนดิบดีอะไร แพ้ประชันให้คุณหนูสามของเราก็คิดอุบายชั่วร้าย ถึงกับส่งบุรุษมาสอดแนมเรือนพวกเรากลางดึก ทีนี้เป็นอย่างไรเล่า นักสู้ซีเจียงกเฬวรากผู้นั้นกับองค์หญิงซีเจียงล้วนตายหมดแล้ว!”
เหอซื่อฟังแล้วอึ้งไปหลายตลบ
หลิวซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “ดังนั้นพี่สะใภ้สบายใจเถอะ ตอนนี้ท่านโหวถูกองครักษ์จินหลินเอาตัวไป คนที่จับเขาต้องเคราะห์ร้ายแน่”
เหอซื่อฟังจนมึนงงไปแล้วพยักหน้าทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัว “น้องสะใภ้ ดูเหมือนเจ้าพูดมีเหตุผลอย่างมาก”
หลิวซื่อหัวเราะพรืดอย่างขบขัน “มีเหตุผลแน่นอน ข้ามิได้พูดจาส่งเดชเสียหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้จะคลอดบุตรแล้วยังวิตกกังวลโดยใช่เหตุ เดิมทีข้าไม่ตั้งใจจะพูดหรอกนะ อ้อ ท่านได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็แล้วกันไป อย่าเอาไปพูดข้างนอกเล่า”
หมอตำแยอึ้งงัน “…” นี่ข้าไม่ได้หูหนวกนะ!
“แต่ว่าดูเหมือนครั้งนี้ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้จับท่านเขยไปนะ” เหอซื่อเจ็บปวดจนหลั่งเหงื่อเย็นโซมกายแล้วยังไม่วายเอ่ยขึ้น
หลิวซื่อสะดุ้งโหยงในใจ ฮ่องเต้?
นางชายตามองหมอตำแยแวบหนึ่งอย่างฉับไว แม้นนางรู้สึกว่าฮ่องเต้ต้องเคราะห์ร้ายแล้ว แต่ถ้อยคำนี้อย่าพูดเลยจะดีกว่า “แค่กๆ พี่สะใภ้ ท่านสบายใจได้เต็มที่ ท่านเขยสามไม่เป็นอะไรแน่”
พอเห็นเหอซื่อยังจะถามอีก นางจึงรีบเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านรีบคลอดบุตรไวๆ เถอะ พวกเราทำเรื่องสำคัญกันก่อน”
หมอตำแยรีบกล่าวผสมโรง “ท่านต้องออกแรงนะเจ้าคะ เด็กจะออกมาแล้ว”
ผ่านไปอีกเกือบครึ่งชั่วยามในห้องคลอดบุตรก็มีเสียงร้องอุแว้ๆ แผ่วเบาของทารกดังลอยมา
จังหวะนี้เองหลีกวงเหวินตั้งท่าจะเงื้อเท้า หลีกวงซูรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ “เลิกเตะได้แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่คลอดบุตรแล้ว…”
หลีกวงเหวินระบายลมหายใจเฮือก “ข้าก็เตะจนเมื่อยพอดี”
หลีกวงซูมองเขาเงียบๆ “…” นี่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้าหรือ
“อย่ามาทำให้เสียอารมณ์ในเวลาอย่างนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งยื่นมือไปผลักหลีกวงซูออกแล้วชะเง้อคอรอคอย
ไม่นานนักประตูห้องคลอดบุตรก็เปิดออก หมอตำแยอุ้มทารกน้อยออกมากล่าวแสดงความยินดี “ฮูหยินผู้เฒ่า ยินดีด้วยเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่ให้กำเนิดคุณชาย”
“เด็กเป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งปีติยินดีแกมกังวลใจอย่างปิดไม่มิด
เด็กผู้นี้อยู่ในครรภ์มารดาเพียงแปดเดือนเศษ คะเนว่าคงยากจะเลี้ยงรอดได้
หมอตำแยอุ้มทารกให้นางดู “ถึงคุณชายน้อยจะตัวเล็กไปสักหน่อย แต่ดูท่าทางแข็งแรงดีเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมองทารกผิวกายเหี่ยวย่นในผ้าห่อตัวแล้วถอนใจโล่งอก นางสั่งชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสให้ไปแจกเงินขวัญถุงเสริมสิริมงคล จากนั้นทั้งนอกเรือนในเรือนก็ทำงานง่วนกันไปหมด
หลิวซื่อเดินรับลมอยู่ในลานเรือน นางมองไปทางห้องคลอดบุตร ในดวงตาแฝงรอยอิจฉาอยู่หลายส่วน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่สะใภ้มีบุตรสาวคนเดียว บัดนี้มีบุตรชายไว้ข้างกายในที่สุด ภายภาคหน้าก็จะมีที่พึ่งพาแล้ว ส่วนนาง…
เมื่อคิดถึงว่าเหอซื่อให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งจริงๆ ประกายไฟในใจหลิวซื่อก็ลุกโชนขึ้น
คุณหนูสามบอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะให้กำเนิดบุตรชาย พี่สะใภ้ก็ได้บุตรชายคนหนึ่งจริงๆ เช่นนั้นคุณหนูสามบอกว่านางมีบุตรเองได้…
หลิวซื่อไม่กล้าคิดต่อ ด้วยหวาดหวั่นสุดใจว่ายิ่งตั้งความหวังสูงจะยิ่งผิดหวังรุนแรง หางตาของนางเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาเงียบๆ
“คนอื่นคลอดบุตร เจ้าจะร้องไห้ด้วยเหตุใด” หลีกวงซูยกมือยันบั้นเอวไว้พลางเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์
หลิวซื่อดึงความคิดคืนมาแล้วเช็ดน้ำตาออก นางกล่าวเสียงเรียบ “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าชีวิตของพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ง่ายดายเลย”
ในโลกเรานี้จะมีสตรีสักกี่คนที่มีชีวิตง่ายดายเล่า ยิ่งเป็นสตรีที่ไร้บุตรชายข้างกายก็ไม่ง่ายดายมากยิ่งขึ้น แล้วคนที่พบเจอบุรุษใจดำขอหย่าร้างเพราะเหตุนี้ก็มีอยู่มิใช่น้อยๆ ส่วนพวกที่เหลือมักอวดอ้างว่าไม่มีวันหย่าขาดกับภรรยาเพื่ออยากได้ชื่อว่าเป็นคนซื่อสัตย์ใจกว้าง แต่คล้อยหลังก็ไปรับอนุแล้วให้กำเนิดบุตรอย่างหน้าชื่นตาบาน
หลีกวงซูฟังแล้วแค่นเสียงเยาะ ผายลม ไม่ง่ายดายอะไรกัน เป็นข้าต่างหากที่ไม่ง่ายดาย โดนหลีกวงเหวินเจ้าคนเสียสตินั่นเตะเกือบตายแล้ว!
“พยุงข้ากลับห้อง” หลีกวงซูขยับเท้าก้าวเดินอย่างยากลำบาก
หลิวซื่อมองเขาอย่างหลากใจ “ท่านพี่เป็นอะไรไป”
“เจ็บ…” เขาสูดลมหายใจดังเฮือก พอได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของพี่ชายดังมาจากในห้องก็ยิ่งทนอยู่ต่อไปไม่ได้
หลิวซื่อกวักมือเรียกสาวใช้คนหนึ่งมา “พยุงนายท่านรองกลับห้อง”
นางมองตามแผ่นหลังของสามีที่เดินโขยกเขยกไปด้วยท่าทางครุ่นคิด พี่สะใภ้ใหญ่คลอดบุตร หลีกวงซูเจ็บอะไรด้วย คงมิได้สติไม่ดีกระมัง
บรรยากาศอึมครึมเสมือนถูกปกคลุมด้วยเงาดำในจวนสกุลหลีบรรเทาเบาบางลงเพราะเหอซื่อให้กำเนิดบุตรชาย แต่ชาวราชสำนักกลับตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึง
“ใต้เท้าสวี่ กวนจวินโหวจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ หากเขาต้องโทษประหารเพราะเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เป่ยฉีกับซีเจียงคงได้ตบมือโห่ร้องด้วยความยินดีแล้ว”
“นั่นสิ ใต้เท้าสวี่ เรื่องในครั้งนี้เป็นฝีมือของหลันซานอีกเช่นเคย หากท่านไม่ออกโรงช่วยกวนจวินโหว เช่นนั้นขุนนางสุจริตของต้าเหลียงก็เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว”
ได้ยินคำกล่าวของคนอื่นๆ รองสมุหราชเลขาธิการสวี่โคลงศีรษะ “ขณะนี้ฮ่องเต้กำลังกริ้วจัด หาใช่จังหวะทูลทัดทานที่ดีไม่”
หลายปีมานี้เขาอดทนซ่อนคมโอนอ่อนคล้อยตามหลันซานเพื่อทำให้หลันซานลดความระแวงลง บัดนี้เริ่มบังเกิดผลบ้างแล้วอย่างไม่ง่ายดาย ถ้าเขาก้าวออกมาในเวลานี้ความพยายามที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า
จะรับมือกับหลันซานและบุตรชาย เขาประมาทไม่ได้แม้แต่น้อยนิด
พอเห็นรองสมุหราชเลขาธิการสวี่แสดงท่าทีแล้ว คนอื่นๆ ต่างถอนใจไปตามๆ กัน
เพลานี้ฮ่องเต้หมิงคังกำลังกลัดกลุ้มหนักอกดุจเดียวกัน
เพราะอะไรทุกครั้งที่เขาออกจากการจำศีลก็ต้องเกิดความปั่นป่วนขึ้น
ครั้งก่อนพี่ชายบุญธรรมตาย หนนี้เป็นกวนจวินโหว แม่ทัพที่เขาไว้วางใจมากที่สุดและสามารถเก็บตัวไว้ให้บุตรชายหรือถึงขั้นหลานชายเขาได้ใช้งาน กลับกลายเป็นบุตรชายของโจรกบฏไปเสียแล้ว
เช่นนั้นการจำศีลคราวต่อไป…