หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 661
บทที่ 661
เจียงหย่วนเฉาคุ้นเคยกับจุดอ่อนที่เป็นอันตรายบนตัวคนมากพอสมควร เขาแทงมีดสั้นทีเดียว เด็กสาวเปล่งเสียงร้องในลำคอเสียงหนึ่งก็คอพับลงแน่นิ่งไม่ไหวติง
เจียงเฮ่ออ้าปากค้าง ใต้เท้าชมชอบคุณหนูหลีมิใช่หรือ ไฉนถึงฆ่าคนที่หน้าตาคล้ายคุณหนูหลีราวกับแกะโดยไม่กะพริบตาได้
เจียงหย่วนเฉาโยนมีดสั้นเปื้อนเลือดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่งุนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ เขาออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เก็บกวาดให้สะอาด ทำลายรูปโฉมนางแล้วค่อยลากไปฝังไว้ที่สุสานร้าง”
เจียงเฮ่อพยักหน้าอย่างงงงัน
“เจียงเฮ่อ?”
“ขอรับ!”
“หากทำพลาดอีก เจ้าก็อยู่ในสุสานร้างเถอะ”
เจียงเฮ่อใจกระตุกวูบ เขากล่าวอย่างลุกลน “ใต้เท้าวางใจได้ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยขอรับ”
ช่างเถิด แค่หน้าตาเหมือนคุณหนูหลีเท่านั้น ใต้เท้ายังไม่ปวดใจแล้วข้าจะมัวลังเลอะไร
เจียงหย่วนเฉาเห็นว่าขู่ขวัญเจียงเฮ่อได้แล้วก็ก้าวขาออกจากห้อง
รัตติกาลเย็นเยือกดุจสายน้ำ องครักษ์จินหลินผู้หนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยบอก “ใต้เท้า กวนจวินโหวต้องการพบท่านขอรับ”
เจียงหย่วนเฉากระดกคิ้วขึ้นแล้วสาวเท้าออกไปข้างนอกโดยไม่ปริปากสักคำ
ด้านเซ่าหมิงยวนในคุกกำลังเฝ้ารอด้วยความร้อนใจดุจไฟลน
“ท่านโหวอยากพบข้าหรือ” เจียงหย่วนเฉายืนอยู่นอกซี่กรงเหล็ก ในความมืดสลัวของคุก สุ้มเสียงของเขาฟังแล้วทุ้มต่ำเป็นพิเศษ
เซ่าหมิงยวนหมุนกายขวับ
เจียงหย่วนเฉาแย้มปากยิ้ม “ขออภัยด้วย เมื่อครู่มีบางเรื่องทำให้เสียเวลาไป ไม่ทราบว่าท่านโหวอยากพบข้ามีเรื่องอะไรหรือ”
“เมื่อครู่มีคนนำอาหารมาให้ข้า” เซ่าหมิงยวนอ้าปากพูด
เจียงหย่วนเฉาเลิกคิ้วสูง เขาทำสีหน้าแปลกชอบกล “ตัวท่านโหวถูกจองจำไว้ยังมีหญิงงามมาส่งข้าวส่งน้ำ ช่างมีบุญวาสนาโดยแท้”
“ใต้เท้าเจียงน่าจะรู้กระมัง”
“อ้อ ใช่ พวกเขารายงานข้าแล้ว ดังนั้นข้าถึงอิจฉาที่ท่านโหวมีคู่หมั้นที่เอื้ออารีมีน้ำใจถึงเพียงนี้”
เซ่าหมิงยวนพิศดูสีหน้าของอีกฝ่าย จนใจที่แสงไฟมืดสลัวเป็นเหตุให้เห็นไม่ชัดถนัดถนี่
เขาลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง
สิ่งที่มองเห็นไม่ชัดแจ้งมีเพียงสีหน้าในขณะนี้ของเจียงหย่วนเฉาที่ใดกัน คนผู้นี้ราวกับถูกห้อมล้อมอยู่กลางผืนหมอกเลือนราง นับวันคำพูดและการกระทำของเขาก็ยิ่งทำให้คนหยั่งเดาไม่ออก
เซ่าหมิงยวนพูดตรงเข้าเรื่อง “นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า”
เจียงหย่วนเฉาหัวเราะในลำคอ “อะไรกัน ท่านโหวจะถอนหมั้นหรือไร”
เซ่าหมิงยวนเพ่งมองเจียงหย่วนเฉาครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หมุนกายเดินกลับไปนั่งลงที่เดิม กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว เชิญใต้เท้าเจียงกลับไปเถอะ”
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงันไปกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขา ทั้งที่เมื่อครู่ตนยังถือไพ่เหนือกว่า ชั่วอึดใจเดียวกลับตกเป็นรองเสียแล้ว
เขาลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม “ท่านโหวอยากพบข้าเพื่อพูดสองสามคำเท่านี้หรือ”
เซ่าหมิงยวนเอนหลังพิงกำแพงเย็นเฉียบ ความคิดในหัวแจ่มกระจ่างสุดจะเปรียบ “เท่านี้ก็พอแล้ว”
อีกฝ่ายสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินได้ พอได้ยินคำกล่าวของเขาแล้วกลับเอาแต่พูดเล่นลิ้นเย้าแหย่ บ่งบอกได้เพียงประการเดียวว่าเจียงหย่วนเฉาจับพิรุธของสตรีนางนั้นได้เฉกเดียวกัน
เช่นนั้นเขาไม่มีอะไรน่ากังวลใจแล้ว สตรีนางนั้นตกอยู่ในกำมือเจียงหย่วนเฉามีจุดจบสถานเดียว
เจียงหย่วนเฉาจ้องเซ่าหมิงยวนเขม็ง เห็นเขาหลุบตาไม่พูดไม่จาก็โคลงศีรษะ “ช่างเถอะ คนถูกข้ากำจัดไปแล้ว ไม่มีวันก่อปัญหาตามมาในภายหลังอีก หลี…นางยังอยู่ในจวนสกุลหลีอย่างปลอดภัย ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
ในเรื่องความรักเขาอาจจะพ่ายแพ้ ทว่าถึงเขาอยากเอาชีวิตกวนจวินโหว แต่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เฉกผู้แพ้แค่นี้เขายังมีอยู่
ได้ยินเจียงหย่วนเฉากล่าวคำนี้เซ่าหมิงยวนถึงลืมตาขึ้น พูดกลั้วเสียงหัวร่อเบาๆ “ขอบคุณท่านมาก”
“ไม่ต้อง” เจียงหย่วนเฉาเปล่งเสียงพูดสองคำนี้อย่างห้วนๆ แล้วหมุนกายออกไป
ในเรือนรับรองราชอาคันตุกะ กงอ๋องแห่งซีเจียงเอามือไพล่หลังย่ำเท้าวนไปวนมา ในใจเขากระสับกระส่ายอยู่บ้างว่าเหตุใดนางรำถึงยังไม่กลับมาอีก
เขาตั้งใจเลือกส่งนางไปในเวลาพลบค่ำ ด้วยเห็นว่าตอนนั้นแสงสว่างในคุกมืดสลัวก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้น
มาตรว่าโอรสสวรรค์ของต้าเหลียงจะสั่งจองจำกวนจวินโหวในคุกหลวง แต่ตราบใดที่เขายังไม่ตาย เรื่องราวก็มีโอกาสพลิกผันได้เสมอ ถ้าใช้นางรำวางยาพิษสังหารกวนจวินโหวได้ก็จะไม่มีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นค่อยฆ่านางรำปิดปาก ย่อมไม่มีใครโยงมาถึงตัวเขาได้
แน่นอนว่าถึงแผนการล้มเหลวก็ไม่เป็นไร กวนจวินโหวอยู่ในคุกหลวงออกมาไม่ได้ เขาไม่มีทางร้องแรกแหกกระเชอเรื่องอาหารที่นางรำนำไปให้มียาพิษ เช่นนี้จะดึงคู่หมั้นของเขามาติดร่างแหไปด้วย
แต่ว่านางรำไม่กลับมาเสียที ไม่รู้ว่าพบเหตุไม่คาดคิดอะไรหรือไม่
กงอ๋องจับเจ่าเฝ้ารอถึงดึกดื่นก็ยังไม่เห็นนางรำกลับมา พลันนั้นเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตรงหน้าประตู
เขาเอาเสื้อมาคลุมตัวแล้วถือเชิงเทียนเดินไปหน้าห้อง พอเปิดประตูออกก็พบกล่องอาหารใบหนึ่งวางอยู่บนพื้น
กงอ๋องมองออกไปข้างนอกไม่เห็นวี่แววใครสักคน เขาถือกล่องอาหารเข้าห้องด้วยสีหน้าแกมลังเลใจ จากนั้นวางมันบนโต๊ะแล้วเปิดออก
กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมา กงอ๋องมองด้านในกล่องอาหารปราดหนึ่งก็ขวัญหนีดีหายทันใด
เสียงร้องด้วยความตกใจปลุกคนที่หลับสนิทอยู่ให้ตื่นขึ้น ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามา
“ท่านอ๋อง! เกิดเรื่องอะไรขึ้นเพคะ”
กงอ๋องหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ชี้ไปที่กล่องอาหาร
ทุกคนมองไปตามทิศทางที่นิ้วของเขาชี้ไป เห็นในกล่องอาหารสลักลายวิหคสีดำมีถาดใบหนึ่ง บนนั้นวางมือคนไว้สองข้าง
มือสองข้างนั้นเรียวเล็กเนียนนุ่มทว่าดูซีดๆ ขาวๆ อยู่ใต้แสงตะเกียง เป็นมือของสตรีอย่างเห็นได้ชัด
พวกสาวใช้กรีดร้องเสียงแหลม
กงอ๋องซึ่งหน้าตาซีดเผือดค่อยๆ สงบอารมณ์ลง เขาเค้นเสียงตะโกนบอกสุดกำลัง “ไป…ไปเรียกหัวหน้าสำนักพิธีกรรมมา!”
หัวหน้าสำนักพิธีกรรมถูกปลุกให้ตื่นนอนตอนกลางดึก เขารีบรุดมาถึงเรือนรับรองราชอาคันตุกะ แต่ในใจเริ่มสบถด่ามารดาผู้อื่นแต่แรกแล้ว
มันอะไรกันอีกเล่า!
เพราะอะไรนับแต่ชาวซีเจียงเตี้ยม่อต้อพวกนั้นมาที่นี่ก็เกิดเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ขืนวุ่นวายกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้เขาจะอายุสั้นแล้วกระมัง
“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอันใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
กงอ๋องดูเสียขวัญไม่น้อยอย่างชัดเจน ใต้แสงตะเกียงใบหน้าเขาซีดขาวราวหิมะ เหงื่อเย็นผุดซึมเต็มหน้าผาก เขาชี้ที่โต๊ะอย่างอ่อนแรงพลางพูด “หัวหน้ากองจางดูเอาเองเถอะ”
หัวหน้าสำนักพิธีกรรมเหลือบตาไปเห็นมือคนในกล่องอาหารบนโต๊ะแล้วตกใจจนสะดุดเท้าตนเองแทบล้มหน้าคะมำ “นะ…นี่มาจากที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”
“มีคนเอามาวางไว้นอกห้องของข้าตอนกลางดึก” ถึงเพลานี้กงอ๋องคาดเดาได้รางๆ แล้วว่ามือคู่นี้เป็นของใคร
นี่ต้องเป็นมือของนางรำ!
นางรำจะถูกจับได้ก็ไม่เหนือความคาดหมายของเขามากนัก แต่กวนจวินโหวอยู่ในคุกหลวงชัดๆ จะสังหารนางรำแล้วยังส่งมือของนางมาที่เรือนรับรองราชอาคันตุกะได้อย่างไร
อย่าลืมว่าหลังจากพระขนิษฐาของเขาตายไปก็มีการจัดกำลังคุ้มกันที่นี่อย่างแน่นหนามาก ยามปกติแม้แต่แมลงวันตัวหนึ่งก็บินเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ
หรือจะบอกว่านอกจากกวนจวินโหว ยังมีคนจ้องเล่นงานคณะทูตซีเจียงของพวกเขาอยู่ในที่ลับ ไม่แน่ว่าพระขนิษฐาของเขาอาจโดนคนพวกนั้นสังหารก็เป็นได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้กงอ๋องก็สะท้านเยือกคล้ายมีกระไอเย็นแผ่ออกมาจากกลางอกระลอกหนึ่ง
ฝ่ายตรงข้ามเข้าออกเรือนรับรองราชอาคันตุกะได้ตามสบายประหนึ่งเป็นที่รกร้างไร้ผู้คน เขาอยู่ในที่แห่งนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาดแล้ว
“ท่านอ๋องทรงอย่าแตกตื่น ข้าจะส่งคนไปบอกกล่าวเหล่าใต้เท้าของคณะสามตุลาการประเดี๋ยวนี้…”
กงอ๋องตัดบทเขา “หัวหน้ากองจาง มือคู่นี้เป็นของผู้ใดกันแน่นั้นข้าหาได้สนใจไม่ แต่เรือนรับรองราชอาคันตุกะนี้อันตรายเกินไป ข้าพำนักอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“เอ่อ…แล้วท่านอ๋องทรงอยากประทับที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักพิธีกรรมไม่รู้สึกว่าคำขอของกงอ๋องเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด
องค์หญิงซีเจียงสิ้นพระชนม์ที่นี่ ตอนนี้ยังมีมือคนปรากฏขึ้นตอนดึกดื่นค่ำคืน ไม่ว่าใครก็อยู่ต่อไม่ได้ หากเกิดเรื่องขึ้นกับกงอ๋องอีก เช่นนั้นจะเป็นปัญหายุ่งยากแล้วจริงๆ
“หรือไม่ข้าไปพำนักที่จวนหัวหน้ากองจางเถอะ”
หัวหน้าสำนักพิธีกรรมตัวเซวูบแทบล้มลง
นี่…เช่นนี้มันเกินกว่าเหตุไปแล้ว!