หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 665
บทที่ 665
พอเห็นดวงหน้าเล็กๆ ของปิงลวี่ขาวซีด เฉียวเจายกมือตบไหล่นาง “ทำใจดีๆ ไว้ อย่าให้คุณหนูของเจ้าต้องขายหน้า”
สาวใช้น้อยได้ยินก็ยืดอกขึ้นทันใด “เจ้าค่ะ”
เฉียวเจาเห็นสีหน้าของปิงลวี่เป็นปกติดังเดิมถึงสั่งให้นางเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดอ้าออกช้าๆ แสงสว่างแทงลอดเข้ามา เปลวเทียนเต้นระริกก่อนถูกลมพัดดับ
รุ่ยอ๋องตวัดสายตามองเข้ามาข้างในอย่างอดใจรอไม่ไหว จึงเห็นกงอ๋องนอนหลับอย่างเป็นสุขบนเตียง เขายืนอยู่หน้าประตูยังได้ยินเสียงกรนเป็นจังหวะด้วยซ้ำไป
แววประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
หลังจากกงอ๋องมาพำนักในวัง เขาส่งคนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายตลอดเวลา ย่อมจะรู้ว่าหลายวันมานี้กงอ๋องนอนไม่หลับทุกคืน บางครั้งยังมีอาการตื่นตระหนกหวาดกลัว เคยนอนหลับด้วยสีหน้าผ่อนคลายเช่นนี้ที่ใดกัน
เฉียวเจาสาวเท้าออกมา
“คุณหนูสาม นี่เขา…”
“กงอ๋องบรรทมไปแล้ว ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลพระทัย รอกงอ๋องตื่นบรรทมก็น่าจะสดชื่นกระฉับกระเฉงขึ้นมากแล้วเพคะ”
“ขอบคุณคุณหนูสามอย่างมาก”
น้ำเสียงของเฉียวเจาเฉยเมยดุจเก่า “มิบังอาจรับคำขอบคุณของท่านอ๋องเพคะ”
รุ่ยอ๋องลอบฉงนใจ เขานึกว่าคุณหนูหลีจะต้องฉวยโอกาสนี้ขอให้เขาช่วยเหลือกวนจวินโหว คิดไม่ถึงว่าเขาจะคาดเดาผิดเสียแล้ว
“หม่อมฉันออกมานานแล้ว เกรงว่าคนในเรือนจะเป็นห่วง ขอทูลลาเพคะ” เฉียวเจายอบกายคำนับเขา
รุ่ยอ๋องมีใจอยากรั้งตัวเฉียวเจาไว้อีกครู่หนึ่ง เขาส่งสายตาไปให้หลีเจี่ยว
ในใจหลีเจี่ยวบังเกิดความรู้สึกหลายหลากคละเคล้ากันไปหมด
วิชาแพทย์ของหลีซานสูงส่งเพียงนี้จริงๆ หรือ นี่เป็นเรื่องที่สุดปัญญาจะเข้าใจได้จริงๆ ต่อให้หลีซานเริ่มเรียนวิชาแพทย์ตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดา ตอนนี้นางเพิ่งย่างสิบสี่จะเก่งกาจกว่าพวกหมอหลวงอาวุโสในสำนักแพทย์หลวงพวกนั้นได้อย่างไรกัน
เหนือสิ่งอื่นใดในกาลก่อนหลีซานเป็นอย่างไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางจะไม่แจ่มแจ้งหรือ
ไร้ความรู้ความสามารถ ดื้อรั้นพาลเกเร เมื่อถ้อยคำเหล่านี้ผุดขึ้นในหัวหลีเจี่ยว นางมองดูเด็กสาวที่มีสีหน้าแววตาเยือกเย็นตรงหน้าแล้วพลันรู้สึกสับสนงุนงง พร้อมกันนั้นยังบังเกิดความพรั่นพรึงขึ้น
หลีซาน นาง…คือหลีซานจริงๆ ใช่หรือไม่
“แค่กๆ” รุ่ยอ๋องเห็นหลีเจี่ยวใจลอยก็กระแอมกระไอเบาๆ อย่างไม่ชอบใจ
นางรู้สึกตัวแล้วตั้งสติกล่าวยิ้มๆ “น้องเจา จวนจะเที่ยงวันแล้ว อยู่กินอาหารกลางวันด้วยกันเถอะ”
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ” เฉียวเจาบอกปัดทันที นางเอ่ยกับรุ่ยอ๋อง “หากท่านอ๋องทรงรู้สึกไม่วางพระทัย รอประเดี๋ยวกงอ๋องตื่นบรรทมแล้วมีปัญหาใด สามารถส่งคนไปแจ้งให้หม่อมฉันทราบได้เพคะ”
นางพูดอย่างนี้แล้วรุ่ยอ๋องก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้ พอเขาพยักหน้าตกลงก็มีบ่าวรับใช้เดินเข้ามาบอกว่า “ท่านอ๋อง ใต้เท้าเจียงผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินมาเพคะ”
เฉียวเจาได้ยินแล้วเลิกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหตุไฉนเจียงหย่วนเฉามาเยือนวังรุ่ยอ๋องได้
อย่าลืมว่าตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินสร้างแรงกระเพื่อมไหวได้ง่าย การไปมาหาสู่กับพระโอรสของฮ่องเต้จึงเป็นข้อต้องห้าม
รุ่ยอ๋องได้ยินว่าเจียงหย่วนเฉามาก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน เขาบอกกับหลีเจี่ยวอย่างลังเลน้อยๆ “เจ้าไปส่งคุณหนูสามเถอะ” ว่าแล้วก็รีบรุดไปที่โถงรับแขก เห็นชายหนุ่มในชุดสีแดงเข้มยืนเอามือไพล่หลังเพ่งมองภาพวาดทิวทัศน์เหนือศีรษะอย่างเพลิดเพลิน
“ใต้เท้าเจียง”
เจียงหย่วนเฉาหมุนกายมาแสดงคารวะต่อเขา “ถวายคำนับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเจียงเชิญนั่ง ไม่ทราบว่าท่านมาในครั้งนี้เป็นงานของทางการหรือว่า…” รุ่ยอ๋องใจคอไม่ดีอยู่สักหน่อย
แววตาของเจียงหย่วนเฉาเฉยเมย บนริมฝีปากประดับรอยยิ้มจางๆ เท่านั้น “กระหม่อมมาในครานี้ก็เพื่อทูลถามกงอ๋องถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ดูว่าจะมีเบาะแสอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ ตอนนี้กงอ๋องบรรทมไปแล้ว ท่านมาไม่ได้จังหวะอยู่บ้างจริงๆ”
เจียงหย่วนเฉาย่นหัวคิ้วน้อยๆ เขาใคร่ครวญครู่หนึ่งถึงเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นท่านอ๋องทรงพากระหม่อมไปดูสักหน่อยก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินว่ากงอ๋องล้มประชวร หากเกิดปัญหาใดขึ้นเกรงว่าจะกราบทูลเบื้องบนได้ไม่ง่าย”
“ใต้เท้าเจียงตามข้ามาสิ”
เจียงหย่วนเฉาตามรุ่ยอ๋องมาถึงห้องที่กงอ๋องนอนหลับอยู่ เขากวาดตามองสภาพด้านในแล้วแววตาไหววูบหนึ่ง “กงอ๋องประทับอยู่ที่นี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้รุ่ยอ๋องจะเป็นพระโอรสผู้ทรงเกียรติก็ไม่อยากล่วงเกินองครักษ์จินหลิน เขารีบอธิบาย “นี่เป็นห้องที่ท่านหมอรักษาอาการป่วยให้กงอ๋อง”
ท่านหมอรักษาอาการป่วยให้กงอ๋อง?
เจียงหย่วนเฉาคิดถึงที่วังรุ่ยอ๋องส่งคนไปเชิญเฉียวเจากะทันหัน เขาก็กระจ่างแจ้งโดยพลันว่าเรื่องเป็นอย่างไรแล้ว แต่ยังเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ท่านหมอกลับไปแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “หลังจากกงอ๋องนอนหลับ ท่านหมอก็กลับไปแล้ว”
เจียงหย่วนเฉาลอบถอนใจโล่งอก หากแต่ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด “ในเมื่อกงอ๋องทรงไม่เป็นไรมาก อีกทั้งบรรทมไปแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่รบกวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องโล่งใจดุจเดียวกัน
รีบๆ กลับไปเถอะ ขืนให้เสด็จพ่อล่วงรู้ว่าหัวหน้ากององครักษ์จินหลินมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่วังข้า คงไม่แคล้วต้องโดนระแวง
ตอนเจียงหย่วนเฉาก้าวออกจากวังรุ่ยอ๋อง เจียงเฮ่อเข้ามากระซิบบอก “เมื่อครู่ข้าเห็นคุณหนูหลีนั่งรถม้าออกมาทางประตูข้างขอรับ”
“ไปทางที่ทำการของพวกเรา?”
เจียงเฮ่ออึ้งงันไป ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ขอรับ ใต้เท้าทราบได้อย่างไร ท่านช่างองอาจปราดเปรื่องจริงๆ…”
เจียงหย่วนเฉาเตะเขาทีหนึ่งอย่างเหลืออด จากนั้นพลิกกายขึ้นขี่ม้ารุดไปยังที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน
ภายในรถม้าปิงลวี่กระตุกแขนเสื้อของเฉียวเจาอย่างวิตกกังวล
“หือ?”
“คุณหนู ท่านเขย…ท่านเขยจะเป็นอะไร…”
“ไม่เป็นอะไรแน่” เฉียวเจากล่าวตอบทันควัน
“เอ๊ะ?” ปิงลวี่กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “คนอื่นหลอกเขาไม่ได้หรอก”
ขนาดนางหลับตาอยู่ยังจำเขาได้ไม่ผิด นางเชื่อว่าเขาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
แต่ไรมาคนที่หวงแหนและทะนุถนอมไว้ในหัวใจไม่จำเป็นต้องมองด้วยตา
ปิงลวี่ยังคงไม่กระจ่างแจ้ง แต่นางก็พยักหน้าแรงๆ แม้ว่านางฟังคำพูดของคุณหนูไม่เข้าใจ ทว่าเชื่อฟังคุณหนูไว้ไม่ผิดแน่
“คุณหนูสาม ถึงแล้วขอรับ” เฉินกวงรั้งบังเหียน รถม้าก็หยุดจอดอย่างนุ่มนวล
ปิงลวี่เลิกม่านประตูรถม้าขึ้นแล้วประคองเฉียวเจาออกมา นางกล่าวด้วยรอยยิ้มละไม “เฉินกวง นับวันเจ้าก็ทำหน้าที่สารถีได้ดีเด่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ขับรถม้าได้นิ่งจริงๆ”
เฉินกวงแอบกลอกตาขึ้น ขอที คำชมพรรค์นี้ไม่อาจทำให้ข้าดีใจสักนิด ข้ามิได้อยากเป็นสารถีไปตลอดนะ!
ทันทีที่เฉียวเจาลงจากรถม้า นางก็ได้ยินสุ้มเสียงสุภาพอ่อนนุ่มดังขึ้นด้านหลัง “คุณหนูหลี”
นางชะงักฝีเท้า เฉินกวงยืนเอาตัวบังนางไว้ด้วยสีหน้าขึงขัง
เจียงหย่วนเฉาเดินมาหยุดยืนห่างไปไม่ไกล “คุณหนูหลี ข้ามีบางอย่างจะพูดกับท่าน”
เฉียวเจาสบตากับเขา สายตาของนางไร้รอยกระเพื่อมไหวของอารมณ์
เฉินกวงกล่าวเยาะๆ “ใต้เท้าเจียงมีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณหนูสามของเราตามลำพังหรือขอรับ”
เขาไม่สนใจเฉินกวง มองนางนิ่งๆ พลางบอก “เกี่ยวกับกวนจวินโหว”
“จะไปพูดที่ใด” เฉียวเจาถามเสียงเรียบ
“คุณหนูสาม…” เฉินกวงชักร้อนใจ
นางส่งยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไร เจ้ากับปิงลวี่รอข้าอยู่ตรงนี้ก็พอ”
เจียงหย่วนเฉาไปเยือนวังรุ่ยอ๋องเป็นเรื่องผิดสามัญเกินไป นางกลับอยากดูนักว่าเขาคิดอ่านอะไรไว้
“ตามข้ามาสิ” เจียงหย่วนเฉามองนางแวบหนึ่งแล้วก้าวขาออกเดินไปข้างหน้า
เฉียวเจาตามเขาไปเงียบๆ
เขาหยุดยืนใต้ต้นไม้แล้วมองนางโดยไม่พูดไม่จา
“ใต้เท้าเจียงมีอะไรก็พูดเถอะ ข้าฟังอยู่”
“วันหน้า…ท่านพยายามอย่าข้องแวะกับกงอ๋องของซีเจียงจะดีกว่า”
เรียวคิ้วของเด็กสาวเลิกขึ้นน้อยๆ นางไม่คาดว่าเจียงหย่วนเฉาจะพูดเรื่องนี้
“กงอ๋องไม่ใช่คนที่จิตใจซื่อตรง วันนั้นท่านโดดเด่นเป็นที่จับตามองในงานเลี้ยง ข้าเกรงว่าเขาจะวางแผนสกปรกคิดร้ายต่อท่าน” เจียงหย่วนเฉายกเหตุผลส่งเดช
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางมึนตึงถึงเพียงนี้ เขาย่อมไม่อาจบอกเรื่องของนางรำออกมาให้นางนึกว่าเขาทำดีหวังผล