หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 67
หลีซานไม่มีทางดูออกว่าในอาหารถูกวางยากระมังเจ้าคะ หลีเจียวพูดพึมพำ
คำถามนี้ทำให้อู่ซื่อตอบไม่ออก
ดูออกว่าในอาหารถูกวางยา? มันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่จะให้นางเชื่อว่าหลีซานอาศัยโชคดวงดังเช่นบุตรสาว นั่นยิ่งน่าขัน
จริงสิ ท่านแม่ หลีซูก็ไม่ได้กินสักคำเดียวเจ้าค่ะ
อู่ซื่อหรี่ตาลง เอ่ยสั่งคนที่ยืนอยู่ข้างนอก เรียกคุณหนูห้ามาที่นี่
ชั่วครู่ต่อมา เสียงม่านลูกปัดดังขึ้นเบาๆ หลีซูก้าวเข้ามากล่าวทักทายคนทั้งสองแล้วยืนอย่างสำรวมเรียบร้อย
วันนี้ตอนกินอาหารกลางวัน เจ้าก็ปวดกระเพาะเหมือนกับคุณหนูสามหรือ
เจ้าค่ะ
อู่ซื่อมองสำรวจบุตรสาวของอนุที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวแล้วทำหน้าตึงฉับพลัน หลีซู บอกข้ามาตามตรง จู่ๆ เหตุใดตอนเที่ยงไม่กินอาหาร
หลีซูสะดุ้งสุดตัว นางคุกเข่าลงทันที ก้มศีรษะต่ำๆ ท่านแม่โปรดใคร่ครวญด้วย ข้ากระเพาะไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้ตื่นสาย กินน้ำแกงที่ไม่ร้อนไปหลายคำ พอถึงสำนักศึกษาก็เริ่มปวดกระเพาะเจ้าค่ะ
อู่ซื่อเหยียดมุมปาก บุตรสาวอนุผู้นี้อ่อนแอตั้งแต่เด็กกลับเป็นความจริง
หลิวอี๋เหนียงคลอดหลีซูก่อนกำหนดหลายวัน ทำให้นางสุขภาพไม่สมบูรณ์มาแต่เกิด ส่วนตัวหลิวอี๋เหนียงเองก็ร่างกายย่ำแย่ลง ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่นางทำใจกว้างกับสองแม่ลูกคู่นี้จนถึงบัดนี้ได้
บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญจริงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนกระมัง
ท่านแม่… ตนเองกลายเป็นตัวตลกแล้วยังเจ็บตัวอีก แต่น้องสาวต่างมารดากลับสบายดี หลีเจียวโมโหสุดจะทน นางกระตุกแขนเสื้อของมารดา
อู่ซื่อดึงความคิดคืนมา ตวัดสายตามองหลีซูก่อนกล่าวเสียงเรียบ พวกเจ้าสองพี่น้องพึงควรอยู่เคียงข้างกันเสมอจึงจะถูก วันนี้เจ้าไม่ได้ดูแลพี่เจียวของเจ้าให้ดี ตามหลักแล้วสมควรโดนลงโทษ แต่ในเมื่อเจ้าไม่สบายอยู่ หนนี้ข้าจะยกเว้นให้ ออกไปเถอะ วันหน้าจดจำคำพูดข้าไว้ด้วย
หลีซูไม่เงยหน้าขึ้นตลอด นางกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม เจ้าค่ะ ข้าจดจำได้แล้ว
รอเมื่อนางถอยออกมาอย่างปราศจากสุ้มเสียงถึงระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
เบื้องหน้าสายตาคือหมู่พฤกษานานาสีสัน แววหม่นเศร้าชอกช้ำจุดวาบขึ้นในดวงตาหลีซู จากนั้นนางก็กลับมาเป็นคุณหนูห้าผู้เจียมเนื้อเจียมตนผู้นั้นดังเก่า
หากมิใช่พี่เจียวเสียชื่อเสียงไปแล้วจำเป็นต้องทำตัวสงบเสงี่ยม ต่อให้นางรู้ว่าอาหารมีพิษก็ต้องกินลงไปพร้อมรอยยิ้ม หาไม่แล้วถึงตอนนั้นรอดตัวมาได้ ภายหลังท่านแม่ใหญ่กับพี่เจียวก็ไม่ละเว้นนางอยู่ดี
เป็นบุตรสาวของอนุ ไฉนยากเย็นเยี่ยงนี้นะ
เมื่อในห้องเหลือเพียงอู่ซื่อกับบุตรสาวสองคน ย่อมพูดคุยได้สะดวกใจขึ้น
อู่ซื่อสำทับบุตรสาวอีกคำรบหนึ่ง เจียวเจียว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันหน้าห้ามทำเรื่องอย่างนี้อีกแล้วนะ
ท่านแม่ หลีซานลำพองใจถึงเพียงนั้น ชอบขัดข้าไปหมดทุกเรื่อง หรือว่าจะให้แล้วกันไปเท่านี้เจ้าคะ
อู่ซื่อดีดหน้าผากหลีเจียวอย่างไม่ได้ดั่งใจ วันนี้ไม่เหมือนกับวันวานแล้ว ก่อนหน้าหลีซานมีหมอเทวดาหลี่รับเป็นหลานสาวบุญธรรม ตอนหลังยังได้รับความสนใจจากอู๋เหมยซือไท่อีก พวกเจ้าก็มิใช่คุณหนูจวนเดียวกัน จะงัดข้อกับนางให้ได้อะไร เจียวเจียว ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังแม่ เช่นนั้นต่อแต่นี้ก็ไม่ต้องไปสำนักศึกษาหญิงแล้ว
ไม่ไปสำนักศึกษาหญิง? นี่จะได้อย่างไรกัน
หลีเจียวอ่อนข้อทันควัน เอาเถอะ ท่านแม่ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ คราวหลังไม่สนใจนางเป็นอันสิ้นเรื่อง
อู่ซื่อถึงพยักหน้าอย่างพึงใจ
ในเรือนจินหรง คุณหนูสี่หลีเยียนกลับไปถึงก็บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาหญิงกับนายหญิงรองหลิวซื่ออย่างละเอียดลออ
หลิวซื่อฟังแล้วอ้าปากค้าง
หลีเยียนอัศจรรย์ใจอย่างสุดแสน ท่านแม่ ท่านพูดได้ถูกต้อง หมู่นี้ใครตอแยกับพี่สามล้วนเคราะห์ร้ายหมด
หลิวซื่อแย้มปากยิ้ม แน่นอนสิ แม่จะคิดร้ายกับพวกเจ้าได้เช่นไรเล่า
นางพูดพลางมองไปที่หลีฉานบุตรสาวคนเล็กโดยเฉพาะ ฉานเอ๋อร์ จุดนี้เจ้าต้องเอาอย่างพี่สาวของเจ้านะ อย่าได้เห็นแก่ความสาแก่ใจชั่วครู่ชั่วยามแล้ว
หลีฉานพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง นางไต่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ข้าคิดแล้วยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าพี่เจารู้ได้อย่างไรว่าอาหารพวกนั้นกินไม่ได้เจ้าคะ
เรื่องนี้น่ะหรือ… หลิวซื่อตอบไม่ออกเสียแล้ว เรื่องพิลึกพิลั่นพรรค์นี้ นางก็ขบไม่แตกเหมือนกัน แค่กๆ เอาเป็นว่าวันหน้าอย่าทะเลาะเบาะแว้งกับคุณหนูสามก็ถูกต้องแล้ว
หลีเยียนกับหลีฉานพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
เฉียวเจาเพิ่งย่างเท้าเข้าเรือนหยาเหอ เหอซื่อก็เดินรี่เข้ามามองสำรวจบุตรสาวขึ้นๆ ลงๆ ปราดหนึ่งแล้วดึงตัวเข้ามากอดไว้กับอก เจาเจาของแม่ วันนี้ไม่ต้องทนคับข้องหมองใจที่สำนักศึกษากระมัง
ไม่มีเจ้าค่ะ แววห่วงใยที่ฉายออกทางดวงตาของเหอซื่อทำให้เฉียวเจาอบอุ่นในใจ นางอมยิ้มแล้วกล่าวตอบ
ไม่มีก็ดี แม่เป็นห่วงเจ้าอยู่ตลอด เจาเจา ถ้ามีคนกลั่นแกล้งเจ้าจริงๆ อย่าฝืนใจตนเองนะ ต้องบอกให้แม่รู้ แม่จะให้ความยุติธรรมแก่เจ้าเอง! เหอซื่อขาดแค่ตบอกรับรองกับบุตรสาวเท่านั้น
ปิงลวี่ที่ติดตามอยู่ข้างหลังเฉียวเจาหลุดหัวเราะพรืด ท่านวางใจเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูของพวกเราไม่ต้องทนคับข้องหมองใจหรอก กลับเป็นพวกคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรอง ต้องอับอายขายหน้าครั้งใหญ่เพราะกินอาหารแล้วท้องเสีย ตอนนั้นข้ากลั้นหัวเราะไม่อยู่ หานจูที่รับใช้คุณหนูรองแทบจะตบตีกับข้าเลยนะเจ้าคะ
คุณหนูที่ไปสำนักศึกษาหญิงจะพาสาวใช้ไปหนึ่งคน ซึ่งจะรออยู่ในห้องพักผ่อนขณะที่พวกเจ้านายเข้าเรียน
เหอซื่อฟังแล้วนัยน์ตาเป็นประกายวาววับ จริงหรือ
จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ ปิงลวี่ตอบอย่างฉะฉาน จากนั้นเล่าฉอดๆ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบหนึ่ง
สาวใช้น้อยเล่าเป็นคุ้งเป็นแควได้สนุกสนานประหนึ่งคนเล่าเรื่อง เหอซื่อฟังจนจบแล้วก็หัวเราะเสียงดัง สวรรค์มีตาโดยแท้ ให้กรรมตามสนองคนใจร้ายปากเน่าพวกนั้น
นั่นสิเจ้าคะ คุณหนูของพวกเราจิตใจดี ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ปิงลวี่ปิดปากหัวร่อคิกคัก
เหอซื่อยิ่งมองปิงลวี่ยิ่งสบายอารมณ์ นางไถ่ถาม ปิงลวี่ เจ้าบอกว่าหานจูที่รับใช้คุณหนูรองเกือบตบตีกับเจ้าหรือ แล้วเจ้าเสียเปรียบหรือไม่
ปิงลวี่ได้ยินแล้วยืดอกขึ้น ท่านวิตกเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้คุณหนูขายหน้าได้เช่นไรเล่า
ฮึ…ถ้ามิใช่สาวใช้สองคนที่รับใช้คุณหนูสี่กับคุณหนูหกห้ามไว้ล่ะก็ ข้าต้องข่วนหน้านางตัวดีผู้นั้นเป็นลายพร้อยแน่!
อย่าก่อเรื่อง เฉียวเจาเอ่ยปากขึ้นทันที
คำพูดของคุณหนูต้องเชื่อฟัง ปิงลวี่สิ้นความฮึกเหิมทันใด เอ่ยตอบอย่างว่าง่าย เจ้าค่ะ
เฉียวเจาผงกศีรษะแล้วกล่าวต่อ แต่ถ้าโดนคนรังแกซึ่งๆ หน้า ก็ไม่จำเป็นต้องอดทน
คุณหนู? สาวใช้น้อยทำหน้าชื่นตาบานในพริบตา
ประมาณขอบเขตให้ดีเป็นพอ
เจ้าค่ะ ปิงลวี่ขานตอบเสียงกังวานใส
นายบ่าวสองคนกลับถึงเรือนฝั่งซ้ายแล้ว ปิงลวี่ยังไม่หายตื่นเต้น แม้จะขวางหูขวางตาอาจูมาโดยตลอด แต่หาคนที่พูดคุยให้หนำใจคนอื่นอีกไม่ได้จริงๆ นางจึงบอกกับอาจูด้วยสีหน้ายิ้มๆ สุดท้ายยังไม่ลืมโอ้อวด คุณหนูอยากพาข้าไป ถึงเจ้าไม่ยอมก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าต่างหากที่เป็นคนสนิทที่รับใช้คุณหนูมาหลายปี แต่ขอแค่เจ้าตั้งใจปรนนิบัติรับใช้คุณหนูดีๆ วันหน้ามีเรื่องสนุกๆ อะไร ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังอีกนะ
อย่างนั้นก็ขอบคุณมาก อาจูพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
ปิงลวี่พึงพอใจในที่สุด นางหมุนกายเดินออกไป
อาจูยกชาที่ชงเสร็จแล้วมาให้เฉียวเจา
เฉียวเจารับมาดื่มคำหนึ่งถึงเอ่ยถาม ได้ยินเรื่องแปลกใหม่อะไรมาบ้างหรือไม่
ช่วงที่เฉียวเจาไม่อยู่เรือนฝั่งซ้าย อาจูย่อมมิได้จับเจ่าอยู่ในเรือน นางไปที่เรือนครัวใหญ่คุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับพวกสาวใช้แล้ว
บ่าวไพร่ในเรือนครัวมักรู้ข่าวว่องไว ถ้ามิใช่ซุบซิบนินทาคนในจวนก็วิพากษ์วิจารณ์เรื่องแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในเมือง
อาจูเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและเป็นผู้ฟังที่ดี อีกทั้งใจกว้างเรื่องเงินทอง จึงผูกไมตรีกับคนเหล่านั้นได้แต่แรก
เดิมทีเฉียวเจาเพียงถามไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าอาจูจะได้ยินมาเรื่องหนึ่งจริงๆ
กวนจวินโหวไปที่จวนเสนาบดีโค่วตั้งแต่เช้าตรู่