หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 674
บทที่ 674
เซ่าหมิงยวนจากไปนานครึ่งเดือนเศษแล้ว
เหตุการณ์ที่ชาวต๋าจื่อยกพลมาประชิดชานเมืองหลวงอย่างอุกอาจฉับไวส่งผลให้ทั่วทั้งเมืองหลวงปกคลุมไปด้วยเงามืด ได้ยินเสียงร่ำไห้ทุกหนแห่งอยู่เป็นเวลานานระยะหนึ่ง ถึงเป็นคนที่ไม่ได้ประสบกับราตรีนองเลือดนั้นก็ล้วนกลัดกลุ้มกังวลใจ อย่างไรชาวต๋าจื่อสามารถบุกมาถึงชานเมืองทางทิศเหนือก็ต้องบุกไปที่อื่นๆ ได้เช่นกัน เพียงคิดถึงเรื่องนี้ ใครต่อใครพากันกินไม่ได้นอนไม่หลับ
กงอ๋องแห่งซีเจียงรับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมก่อนมรสุมพัดมาของต้าเหลียงแล้วไม่อยากรั้งอยู่ต่อไปสักเค่อเดียว พอสามตุลาการมอบตัวคนร้ายให้พร้อมเอ่ยอ้างว่าเป็นการล้างแค้นเพราะโกรธที่บิดามารดาจบชีวิตเพราะชาวซีเจียง กงอ๋องมิได้ซักไซ้ไล่เลียงอย่างละเอียดก็กลับไปอย่างเร่งรีบแล้ว
เมื่อเวลาล่วงผ่านไป เฉียวเจายิ่งคิดถึงคะนึงหาเซ่าหมิงยวนมากขึ้น เพลานี้นางถึงกระจ่างแจ้งว่าอันใดคือห่วงใยจนฟุ้งซ่าน
ในขณะที่ทุกคนคิดว่ากวนจวินโหวต้องปราบชาวต๋าจื่อได้อย่างราบคาบเป็นแน่ นางกลับอดคิดไม่ได้ว่าเขากินอิ่มนอนหลับหรือไม่ จะโดนข้าศึกศัตรูลอบทำร้ายโดยไม่ทันระวังหรือเปล่า
“คุณหนู ท่านดูสิ ตรงนี้มีแมงมุมตัวหนึ่งเจ้าค่ะ” ตอนปิงลวี่เช็ดชั้นวางหนังสือ นางชี้ที่มุมผนังห้องพลางกล่าวอย่างตื่นเต้น
เฉียวเจาวางหนังสือลงแล้วหันไปมอง เห็นแมงมุมลายตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่มุมห้องชักใยยาวเฟื้อยลงมาห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศ
ปิงลวี่ไม่ได้ลงมือตีแมงมุมให้ตาย แต่ค่อยๆ ประคองมันไว้ในมือเอาไปปล่อย นางพูดด้วยรอยยิ้มระรื่น “แมงมุมหล่นลงมา จะมีญาติพี่น้องมาหา คุณหนู ดูทีว่าท่านกำลังจะมีแขกมาเยือนแล้ว”
เฉียวเจาคลี่ยิ้ม “ในห้องนี้นอกจากข้า ยังมีเจ้ากับอาจู แขกผู้นี้จะเป็นของใครก็ยังไม่แน่นะ”
ปิงลวี่หยิบตำราหนาๆ เล่มหนึ่งมาเช็ดฝุ่นบนหน้าปกออก “ถึงอย่างไรก็มิใช่ข้า ครอบครัวข้าไม่มีแขกจากแดนไกล แล้วก็ต้องไม่ใช่อาจูแน่ๆ คุณหนู ข้าเดาว่าท่านเขยจะกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เฉียวเจายังไม่ทันพูดขึ้น อาจูก็แย้มปากยิ้ม “ปิงลวี่ หนนี้เจ้าเดาผิดแล้ว”
ปิงลวี่โยนผ้าขี้ริ้วไปด้านข้าง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “อาศัยอะไรมาบอกว่าข้าเดาผิดหรือ”
อาจูน่าชัง อาจูโง่งม ไม่เห็นหรือว่าพอข้าบอกว่าท่านเขยจะกลับมา คุณหนูก็ตาเป็นประกายแล้ว ไม่รู้จักทำให้คุณหนูดีใจสักนิดเอาเสียเลย!
อาจูสาวเท้าฉับๆ ไปที่ส่วนโถงกั้นกลางห้องแล้วเดินย้อนกลับมาอย่างว่องไว ในมือมีสารฉบับหนึ่งเพิ่มขึ้น “คุณหนู มีสารฉบับหนึ่งของท่าน ข้าเห็นว่าส่งมาจากจยาเฟิง เมื่อครู่ท่านพักผ่อนอยู่เลยไม่ได้หยิบมาให้ท่านอ่านเจ้าค่ะ”
เฉียวเจารับสารไว้ พอเห็นลายมือคุ้นตาบนซองสารก็ยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ นางเปิดออกอ่านแล้วกล่าวยิ้มๆ “พี่ชายบุญธรรมของข้าเตรียมตัวออกเดินทางเข้าเมืองหลวงแล้ว”
ปิงลวี่ได้ยินแล้วเบะปาก “อาจู เจ้าขี้โกงนี่”
“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปข้างนอกกับข้าเถอะ ในเมื่อท่านพี่บุญธรรมจะกลับมาแล้ว ข้าจะไปซื้อหาของต่างๆ เตรียมไว้”
พอได้รับสารจากเฉียวโม่ พาให้เฉียวเจานึกครึ้มใจอยากไปเดินเที่ยวตลาด นายบ่าวสามคนพกเงินติดตัวไว้อย่างเพียงพอแล้วออกจากเรือนไป
มาตรว่าหลายวันมานี้จะตกอยู่ในบรรยากาศตึงเครียด บนถนนกลับมีผู้คนไม่น้อย บรรดาร้านค้าริมถนนเหล่านั้นยังคึกคักพลุกพล่านดุจปกติ ผ่านไปไม่นานพวกนางก็ซื้อของได้มากมาย เฉินกวงที่เดินหิ้วของตามอยู่ข้างหลังทำหน้าตาหงิกงอไปหมดแล้ว
“เฉินกวง เร็วเข้าสิ” ปิงลวี่เอ่ยเร่งอย่างรำคาญ
เขาทำหน้าคว่ำเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ไร้มโนธรรมสิ้นดี ตอนนี้ข้าเป็นแค่สารถีผู้หนึ่ง เพราะอะไรยังต้องทำหน้าที่แบกของอีกด้วย อีกอย่างไหนบอกกันว่าสตรีอ่อนแอเรี่ยวแรงน้อย ข้าเดินจนขาแทบหักอยู่แล้ว พวกนางยังเดินกันตัวปลิว!
เฉินกวงแสนเจ็บช้ำน้ำใจ แต่พอเห็นใบหน้าบึ้งตึงของปิงลวี่ เขาก็เดินตามไปอย่างปลงตก
“เจวียนเอ๋อร์ เป็นเจ้าใช่หรือไม่” จู่ๆ มีคนผู้หนึ่งวิ่งทะยานมาจากเชิงกำแพง
เฉินกวงที่หอบของไว้เต็มอ้อมแขนหมุนกายบังอยู่หน้าตัวเฉียวเจาอย่างคล่องแคล่วฉับไว พร้อมกับง้างเท้าข้างหนึ่งถีบคนผู้นั้นออกไปไกลๆ เขาเอ่ยถามเสียงห้วน “เจ้าเป็นใคร!”
คนที่โดนเฉินกวงถีบจนล้มลงหมอบกับพื้นยื่นมือไปหาเขา “เจวียนเอ๋อร์ๆ…”
เฉินกวงมองสำรวจคนผู้นั้นอย่างละเอียด ใบหน้าเขาดำมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง มองเห็นรูปโฉมไม่ชัดเจนสักนิด “เจ้าจำคนผิดแล้ว”
คนผู้นั้นกลับไม่แยแสคำพูดของเฉินกวง ตะเกียกตะกายคลานไปข้างหน้า ปากยังเรียกขาน ‘เจวียนเอ๋อร์’ ไม่หยุด
เฉินกวงขมวดคิ้วอย่างไม่พึงใจ “เจ้าจะจำคนผิดก็มิเป็นไร แต่เห็นบุรุษเป็นสตรี ข้าจะมีน้ำโหแล้วนะ!”
ถ้าเขายังอารมณ์ร้อนเช่นในกาลก่อน คงอัดสั่งสอนคนผู้นี้ยกใหญ่แต่แรกแล้วค่อยว่ากัน
“เจวียนเอ๋อร์ๆ…”
เวลานี้เองเสียงพูดอย่างฉงนใจของปิงลวี่ดังขึ้น “อาจู เจ้าเป็นอะไรไป”
เฉินกวงเหลียวหน้าไปถึงพบว่าอาจูยืนนิ่งงันอยู่กับที่ราวกับโดนฟ้าผ่า
เขาอดหันไปมองเฉียวเจาไม่ได้
นางเห็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น เอ่ยขึ้นอย่างเฉียบไวเด็ดขาด “เฉินกวง พาคนผู้นี้ไปที่หอชุนเฟิง”
ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงหอชุนเฟิง เฉียวเจาพาปิงลวี่กับอาจูเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
ในห้องสงบเงียบมาก เฉียวเจามองไปทางอาจู กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อาจู คนผู้นั้นเคยเป็นอะไรกับเจ้าในอดีตจะเล่าได้หรือไม่”
อาจูนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปคุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเจาโขกศีรษะให้นางทีหนึ่ง
เฉียวเจาเห็นดังนั้นก็มิได้ปริปากพูด
แม้ว่าอาจูกับปิงลวี่เป็นแค่สาวใช้ แต่นางชมชอบทั้งสองคนจากใจจริง นางคาดเดาได้แต่แรกว่าอาจูมีความในใจ เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจูไม่เอ่ยถึง นางก็ไม่อยากฝืนใจคนอื่น แต่ตอนนี้มีคนมาหาแล้วจึงไม่เหมือนกัน อย่างไรนางต้องถามให้รู้เรื่อง ค่อยดูอีกทีว่าอาจูตั้งใจจะทำเช่นไร
“เจวียนเอ๋อร์เป็นนามของข้าในอดีต คนผู้นั้นคือพี่ชายของข้าเอง ข้าไม่ใช่บ่าวไพร่แต่เกิดในเรือนของเจ้านายเดิม แต่ถูกซื้อเข้าไปตอนยังเด็กเจ้าค่ะ ตอนคุณชายจูซื้อตัวข้ามา ครอบครัวของข้ายังนับว่าพออยู่พอกิน ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดพี่ชายถึงตกอับกลายเป็นอย่างนี้…”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปพูดคุยไต่ถามทุกข์สุขกับพี่ชายเถอะ”
อาจูโขกศีรษะให้นางอีกทีถึงลุกขึ้น “ขอบคุณคุณหนูมากเจ้าค่ะ”
เฉินกวงพาพี่ชายของอาจูไปที่ห้องส่วนตัวด้านข้าง พอเห็นนางเข้ามา เขาก็ถอยออกไปเงียบๆ
อาจูนิ่งเฉยมองดูพี่ชายกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม จวบจนเหลือแต่เศษอาหารเกลื่อนเต็มโต๊ะถึงได้หยุดมือ “เจวียนเอ๋อร์ ตามหาเจ้าพบได้ช่างดีเหลือเกิน!”
ปลายนิ้วมือที่สอดไว้ในแขนเสื้อหลวมกว้างของอาจูสั่นน้อยๆ แต่ใบหน้ากลับสงบนิ่ง “พี่ใหญ่มาถึงที่นี่ได้อย่างไร คนอื่นๆ ในเรือนเล่า”
พี่ชายของอาจูได้ยินแล้วเช็ดๆ หางตา “บ้านเดิมของเราเกิดอุทกภัย น้ำไหลทะลักกระแทกเขื่อนพังท่วมทับทั้งหมู่บ้าน มีคนจมน้ำตายไปมากมาย ครอบครัวเรายังนับว่าโชคดี วันนั้นพวกเราเข้าเมืองกันหมดพอดีถึงพ้นเคราะห์มาได้ แต่ไม่มีเรือนอาศัย ไม่เหลืออะไรสักอย่างแล้ว เลยคิดถึงว่าเจ้าถูกผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงซื้อตัวไป ไม่แน่ว่ามาเมืองหลวงแล้วจะตามหาเจ้าพบ พวกเราทั้งครอบครัวจึงมาที่เมืองหลวงกัน”
“พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าข้าถูกผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงซื้อตัวไป”
พี่ชายของอาจูทำสายตาหลุกหลิก “ข้าได้ยินคนพูดคุยซุบซิบกันทีหลังว่าคนที่ซื้อเจ้าไปพูดสำเนียงเมืองหลวง…”
อาจูหลุบตาต่ำไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
พี่ชายของอาจูยื่นมือมาจับมือนาง “เจวียนเอ๋อร์ เจ้าคงมิใช่ยังตำหนิพี่ใหญ่อยู่กระมัง พี่ใหญ่ไม่ได้จะไม่ดูดำดูดีเจ้าจริงๆ นะ วันนั้นเดิมทีข้าเอาเงินไปจะไถ่ตัวเจ้า คิดไม่ถึงว่าตอนไปถึง เจ้าถูกคนซื้อตัวไปแล้ว…”
อาจูมองพี่ชายนิ่งๆ อึดใจหนึ่ง นี่ก็คือพี่ชายของนาง จนบัดนี้แล้วยังพูดเท็จดุจเก่า
ตอนคุณชายจูมาซื้อตัวนาง เขาไม่พูดจาสักคำก็โยนเงินสองเท่าให้หญิงค้าทาสทันที แล้วคนอื่นจะคุยซุบซิบถึงสำเนียงของคุณชายจูได้เช่นไร
เหตุผลที่เขารู้ว่าคุณชายจูพูดสำเนียงเมืองหลวง เป็นไปได้มากที่สุดคือตอนนั้นเขาหลบอยู่ในฝูงชนมองดูนางถูกซื้อตัวไป จากนั้นแอบสะกดรอยตามคุณชายจูเป็นระยะทางหนึ่งถึงได้ยินมากกว่า