หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 676
บทที่ 676
ผ่านไปไม่นานนักพี่ชายของอาจูก็เชิญหมอมา ยามเห็นพี่ชายวิ่งเข้าวิ่งออกจนหัวหมุน อาจูทำท่าครุ่นคิด
หรือว่าไม่พบกันหนึ่งปี พี่ใหญ่เปลี่ยนนิสัยไปแล้ว
กลิ่นหอมของอาหารลอยมา พี่สะใภ้ของอาจูก้มตัวเอาเนื้อใส่ลงหม้อใบใหญ่ กลิ่นเนื้อหอมฟุ้งกระจายไปไกล ดึงดูดพวกเด็กๆ ให้เข้ามาเมียงมองพลางกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ไม่น้อย ทั้งยังมีผู้ใหญ่เอ่ยถามเป็นระยะ “พี่สะใภ้เสียง เรือนเจ้ามีแขกมาหรือ ถึงกับตุ๋นเนื้อเลยหรือนี่”
พี่สะใภ้อาจูทำน้ำเสียงลำพองใจอย่างปิดไม่มิด “ใช่แล้ว ตามหาน้องสาวสามีของข้าเจอแล้ว”
สตรีออกเรือนแล้วที่เป็นคนถามชะงักไปทันที “เอ๊ะ น้องสาวสามีคนที่ทำงานอยู่ในเรือนขุนนางใหญ่ที่พวกเจ้าบอกหรือ”
“ใช่ น้องสาวสามีข้าได้ดิบได้ดีแล้ว เป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูตระกูลใหญ่เชียวนะ!”
“จุๆ เยี่ยมไปเลยนะนี่ บุตรสาวของเรือนเหล่าหวังด้านหน้าโน่นพอได้เป็นสาวใช้ประจำตัวของบุตรสาวผู้สูงศักดิ์ มักส่งข้าวสารเอย แป้งหมี่เอย เงินทองเอยมาที่เรือนบ่อยๆ พี่สะใภ้เสียง วันหลังเรือนท่านจะได้อยู่อย่างสุขสบายแล้ว”
พี่สะใภ้ของอาจูเม้มปากยิ้ม นางเห็นบุตรชายสองคนยืนมุงอยู่หน้าเตาไฟน้ำลายไหลยืดเลยตีไปคนละที “ไปเล่นทางอื่นไป เกิดทำน้ำลายหกลงในหม้อจะทำอย่างไร”
เจาไฉกับจิ้นเป่าวิ่งออกไปอย่างน้อยอกน้อยใจ
“อาหญิง ยังมีขนมอีกไหม” จิ้นเป่าแหงนหน้าเล็กๆ ขึ้นเอ่ยถาม
“มีสิ” อาจูหยิบสายไหมรังนกออกมาแบ่งให้สองพี่น้อง
พอเห็นหน้าตานางใจดี เด็กสองคนวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ไปไหนแล้ว
“เจาไฉ พี่สาวคนโตกับพี่สาวคนรองของพวกเจ้าล่ะ” อาจูเห็นเด็กน้อยสองคนเริ่มคุ้นเคยกับนางมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เอ่ยถามด้วยหน้าตานิ่งสนิท
“พี่ใหญ่กับพี่รองโดนท่านพ่อท่านแม่ขายไปแล้ว…” เจาไฉโดนปิดปากไว้กะทันหัน
อาจูมองพี่ชายด้วยสีหน้าขรึมลงน้อยๆ “พี่ใหญ่ เหตุใดไม่ให้เจาไฉพูดจนจบ”
พี่ชายของอาจูปล่อยมือออกแล้วเตะบุตรชายทีหนึ่ง “พาน้องชายเจ้าไปเล่นไป อย่าอยู่ก่อกวนตรงนี้!”
รอเมื่อเด็กชายสองคนไปแล้ว อาจูมองพี่ชายเงียบๆ
เขาเกาท้ายทอยอย่างกระอักกระอ่วน กล่าวด้วยสีหน้าประจบประแจง “ข้ากับพี่สะใภ้เจ้าก็ไม่อยากทำนะ หน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ แต่เรือนเราโดนน้ำท่วมพังไป พวกข้าพาท่านแม่ออกเดินทาง ไม่มีของกินสักอย่าง เจวียนเอ๋อร์ เจ้าคิดดูนะ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราทั้งครอบครัวก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป ข้ากับพี่สะใภ้หมดหนทาง จำต้องเอาจี๋เสียงกับหรูอี้ไปขาย แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พวกนางล้วนไปเสวยสุขในตระกูลใหญ่เหมือนกับเจ้า”
“อย่าพูดเลย” อาจูกล่าวเสียงห้วนๆ ตัดบทพี่ชาย
เสวยสุข? ตอนนี้นางอาจจะอยู่กับคุณหนูมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างที่ในกาลก่อนไม่กล้าคิดจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้ชีวิตของนางเป็นเช่นไรเล่า
คุณหนูที่นางเคยปรนนิบัติรับใช้เป็นคนเจ้าอารมณ์ ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นวางท่านุ่มนวลอ่อนหวาน แต่พอคล้อยหลังก็เอาความไม่พอใจที่สะกดเก็บไว้มาระบายใส่สาวใช้ประจำตัว
บนแผ่นหลังนางก็โดนคุณหนูคนเก่าใช้ถ่านติดไฟจี้จนมีแผลเป็นหลายรอย อีกทั้งเพื่อไม่ให้ใครจับได้ คุณหนูผู้นั้นถึงกับห้ามไม่ให้พวกนางทายา ได้แต่ต้องฝืนทนเจ็บเอาไว้
ภายหลังนายท่านของตระกูลนั้นกระทำความผิด บ่าวไพร่อย่างพวกนางถูกขายอีกครั้ง พวกสาวใช้ทำงานต่ำต้อยที่เคยอิจฉาริษยานางยังไม่วายกล่าววาจาเหยียบย่ำซ้ำเติม แต่พวกนั้นหาได้ล่วงรู้ถึงความยินดีปรีดาในใจนางไม่
ความเป็นอยู่หรูหราฟุ่มเฟือยจะมีอันใด ตราบเท่าที่อยู่รอดไปได้ ใครเล่าไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว
ราวกับว่าถ้อยคำที่มารดาพูดกับนางในครั้งนั้นดังขึ้นที่ข้างหูอาจูอีกครา
เจวียนเอ๋อร์ หน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ แต่ในเรือนเราอัตคัดขัดสนเหลือเกินจริงๆ พี่ชายเจ้าจะตบแต่งภรรยาก็ยังไม่ไหว เจ้าจะให้ครอบครัวเราไม่มีทายาทสืบสกุลไม่ได้กระมัง เจ้าวางใจได้ ท่านพ่อท่านแม่จะหาเจ้านายดีๆ ให้นะ…”
อาจูเพียงรู้สึกแน่นอกจนหายใจไม่ออก
เพราะว่าเป็นบุตรสาวเลยต้องเป็นคนที่ถูกขายเสมอหรือ นางเป็นเช่นนี้ หลานสาวของนางก็ไม่ต่างกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน
“เจวียนเอ๋อร์ๆ…”
ได้ยินเสียงของพี่ชาย อาจูดึงความคิดคืนมาแล้วกล่าวเรียบๆ “พี่ใหญ่เลิกเรียกข้าว่าเจวียนเอ๋อร์สักที คุณหนูตั้งชื่อให้ข้าว่าอาจูแล้ว”
“อาจู?” พี่ชายของอาจูพยักหน้าหงึกหงัก “ชื่อว่าอาจู ไพเราะๆ”
เมื่อท่านหมอที่เชิญมาสาวเท้าออกมา อาจูไม่แยแสพี่ชายอีก นางเข้าไปไต่ถามอาการอย่างละเอียด
พี่สะใภ้ของอาจูแอบกระตุกแขนเสื้อของสามี นางบุ้ยปากไปทางอาจู
พี่ชายของอาจูดึงแขนเสื้อกลับอย่างรำคาญแล้วพูดกระซิบ “รู้แล้ว จะร้อนใจอะไร”
“นี่เป็นค่ารักษาล่วงหน้าเจ้าค่ะ รบกวนท่านหมอช่วยมาดูอาการให้ท่านแม่ข้าทุกวันด้วย หากมีเรื่องใด…” อาจูชั่งใจนิดหนึ่ง “ข้าจะมาดูทุกสองสามวัน มีเรื่องใดท่านหมอค่อยบอกข้าตอนนั้นก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นอาจูยื่นเงินแท่งใหญ่แท่งนั้นไปให้ท่านหมอ พี่สะใภ้ของนางเบิ่งตาแทบถลนออกนอกเบ้า รีบจับมือสามีไว้สุดแรง
“แท่งใหญ่ขนาดนั้นๆ…”
สวรรค์ ถ้าเก็บเงินแท่งนี้ไว้ก็พอให้พวกนางทั้งครอบครัวมีกินมีใช้ไปได้สองปีแล้ว น้องสาวสามีกลับมอบให้หมอแก่หงำเหงือกผู้นั้นไปแบบนี้
“หุบปากซะ” พี่ชายของอาจูตวาดด่าเสียงต่ำๆ
รอเมื่อท่านหมอไปแล้ว สองสามีภรรยาเข้าไปรุมล้อมอาจู
“เจวียนเอ๋อร์…เอ๊ย อาจู ตอนนี้เจ้าทำงานอยู่ในจวนตระกูลใดหรือ” พี่ชายของอาจูยิ้มจนตายิบหยีเอ่ยถามขึ้น
อาจูเฉไฉไม่ตอบ ไพล่ไปกล่าวอีกเรื่องหนึ่ง “เวลานี้ท่านแม่ล้มป่วย อยู่ที่นี่ไม่เหมาะจริงๆ ประเดี๋ยวข้าจะขอเช่าเรือนคนอื่นสักหลัง พวกท่านค่อยย้ายไปเถอะ”
พี่สะใภ้ของอาจูยินดียกใหญ่ “ดีเหลือเกิน ที่นี่เป็นที่ให้คนอยู่ที่ไหนกัน ยังเทียบไม่ได้กับคอกวัวแต่ก่อนของเรือนเราเลย แต่กลับโดนน้ำท่วมหมด เป็นเวรเป็นกรรมจริงๆ…”
อาจูรำคาญเสียงพูดบ่นของพี่สะใภ้ วันเดียวกันนางก็เสาะหาเรือนชาวบ้านเหมาะๆ ได้หลังหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมือง
อาณาบริเวณเรือนไม่กว้างใหญ่นัก มีเพียงเรือนใหญ่หน้ากว้างสามช่วงเสา เรือนเตี้ยๆ หน้ากว้างสองช่วงเสาทางฝั่งซ้ายทำเป็นห้องครัวกับห้องฟืน ฝั่งขวาเป็นห้องเวจกับคอกไก่ เรือนหลังเล็กๆ ถูกกั้นเป็นส่วนต่างๆ จนเต็มแน่นไปหมด ผนังสีเทากับหลังคาสีเขียวดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ กลางลานเรือนยังมีต้นทับทิมต้นหนึ่งเพิ่งแตกใบอ่อนในฤดูกาลนี้
เจาไฉกับจิ้นเป่าวิ่งไปวิ่งมาในลาน ใบหน้าของเด็กชายสองคนเปี่ยมไปด้วยความคึกคักร่าเริง
ด้านพี่สะใภ้ของอาจูเผยความพึงพอใจออกจากทางสีหน้าแววตา แต่ยังแอบพูดบ่นกับสามี “ไฉนน้องสาวท่านไม่หาเรือนให้พวกเราอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเล่า ฟากทิศตะวันออกนี้ล้วนแต่เป็นพวกยาจก…”
“เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าสมควรกลับได้แล้ว”
“อาจู คือว่าในเรือนไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อฟืน…” พี่ชายของอาจูพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
อาจูขมวดคิ้ว นางยื่นถุงผ้าปักเล็กๆ ใบหนึ่งให้ “มีเหลือแค่นี้แล้ว พี่ใหญ่เก็บไว้ใช้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมท่านแม่ใหม่”
ยามอาจูกลับถึงจวนสกุลหลี นางรื้อหีบที่ใช้เก็บเงินค่าจ้างออกมานับจำนวนเงียบๆ
จวนสกุลหลีมิใช่ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวย สาวใช้ประจำตัวคุณหนูอย่างนางได้เงินค่าจ้างแค่เดือนละห้าเฉียน* แต่นายหญิงใหญ่รักบุตรสาว อยากให้นางกับปิงลวี่ตั้งอกตั้งใจปรนนิบัติรับใช้มากขึ้น ยังควักเงินให้พวกนางเพิ่มอีกคนละสองตำลึงเงิน รวมกับที่คุณหนูตกรางวัลให้เป็นระยะ ถึงแม้นางจะอยู่กับคุณหนูไม่ถึงหนึ่งปีกลับเก็บออมได้ไม่น้อย
“อาจู”
สุ้มเสียงอ่อนนุ่มดังลอยมา อาจูลุกขึ้นยืนทันที “คุณหนู…”
เฉียวเจาเดินเข้ามาชำเลืองหางตามองหีบใบเล็กแวบหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ “มีปัญหาอะไรก็บอกข้า”
อาจูรีบส่ายหน้า “ไม่ต้องเจ้าค่ะ คุณหนู ข้ามีเท่านี้พอใช้แล้ว ข้าคิดอยู่ว่าครอบครัวของพี่ชายอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ มิใช่ทางออกระยะยาว ดังนั้นตั้งใจว่าจะหาที่ตั้งแผงให้พวกเขาทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ เจ้าค่ะ”
เฉียวเจาพยักหน้าเป็นเชิงชมเชย “อันว่าหาปลาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีตกปลา เงินไม่พอก็บอกกับข้านะ”