หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 685
บทที่ 685
“อะไรนะ เชิญหมออีกแล้วหรือ” หลีกวงซูรู้ข่าวก็รีบรุดไปที่เรือนชิงซงทันที
เขาจะเอ่ยห้ามมารดาว่าเชิญหมอมาอีกไม่ได้แล้ว หรือว่าพวกนางยังติงว่าขายหน้าไม่พอใช่หรือไม่
หลีกวงซูเพิ่งเดินถึงหน้าประตูเรือนชิงซง สาวใช้กับหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างนอกก็แสดงคารวะต่อเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอแสดงความยินดีกับนายท่านรองด้วยเจ้าค่ะ”
หลีกวงซูฟังแล้วอึ้งไป แสดงความยินดี?
นี่จะยินดีอะไรกันอีก วันที่แสดงความยินดีกับเขาคราวก่อน ผลปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องตลกขบขันในสายตาสหายขุนนาง ตอนนี้แสดงความยินดีอีกแล้ว ใช่หรือว่าเขากำลังจะเคราะห์ร้าย
พอเห็นหลีกวงซูมีสีหน้าขุ่นมัว เหล่าสาวใช้กับหญิงรับใช้มองหน้ากันไปมา
นายท่านรองคงไม่ได้ไม่สบายกระมัง เพราะอะไรแสดงความยินดีกับเขากลับทำหน้าบอกบุญไม่รับ คนที่ไม่รู้เรื่องยังจะนึกว่าทารกในครรภ์นายหญิงรองเป็นของคนอื่นนะ!
ช่างเถอะ ดูทีว่าคงขอเงินขวัญถุงไม่ได้แล้ว
สาวใช้กับหญิงรับใช้ลอบรำพึงว่าโชคร้ายอยู่ในใจคำหนึ่ง พลางถอยออกด้านข้างอย่างเงียบๆ
หลีกวงซูไม่มีแก่ใจจะพูดกับบ่าวไพร่ให้มากความ เขารีบสาวเท้าเร็วรี่เดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะก้องกังวานของมารดากับเสียงแสดงความยินดีดังระงมพอดี
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งได้ยินเสียงฝีเท้าก็หยุดหัวเราะมองไปทางหน้าประตู “เจ้ารองมาแล้วหรือ”
“ท่านแม่ นี่พวกท่าน…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเปล่งเสียงหัวร่อ “ภรรยาของเจ้าตั้งครรภ์แล้ว!”
“ตั้งครรภ์?” สายตาของหลีกวงซูนิ่งขึงไป ใบหน้าปราศจากร่องรอยยินดีใดๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกำลังปีติยินดีจึงไม่ได้ใส่ใจที่หลีกวงซูแสดงกิริยาผิดปกติ
ในความคิดของหญิงชรา บุตรชายผู้นี้ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีเช่นพี่ชายตั้งแต่วัยเยาว์ บางครั้งจะกระทำเรื่องโง่งมก็ถือว่าปกติ แน่นอนว่าตั้งแต่บุตรชายไม่เอาไหนผู้นี้กลับมาจากหลิ่งหนานนั้นกระทำเรื่องโง่งมบ่อยครั้งไปสักหน่อย
“เมื่อครู่ท่านหมอตรวจวินิจฉัยแล้ว ภรรยาของเจ้าตั้งครรภ์จริงๆ หลานเจาไม่ได้ตรวจผิด”
“นาง…นางตั้งครรภ์แล้วจริงๆ หรือ”
หลิวซื่อแค่นเยาะ “ท่านพี่ไม่อยากให้ข้าตั้งครรภ์ขนาดนี้เชียวหรือ”
“ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ออกจะ…” หลีกวงซูค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงทีละน้อยแม้ว่าจิตใจเขาจะสับสนปนเปเป็นพิเศษ
เขาเข้าวัยสามสิบเศษแล้วแต่ยังไม่มีบุตรชายสายเลือดภรรยาเอกจนบัดนี้ หากว่าหลิวซื่อให้กำเนิดบุตรชายได้สักคนจริงๆ นั่นต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน
กระนั้นไฉนในใจเขาถึงหงุดหงิดขัดเคืองอย่างนี้ได้เล่า หรือเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้มีปากเสียงกับหลิวซื่อ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตบโต๊ะทีหนึ่งกะทันหัน “เจ้ารอง ข้าเป็นคนเชิญหมอมา ตอนท่านหมอพูดยืนยันว่าภรรยาเจ้ามีครรภ์ ข้าก็ได้ยินเองกับหู ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังจะทำหน้าบึ้งด้วยเหตุใด หรือจะบอกว่าภรรยาตั้งครรภ์ เจ้าไม่ดีใจ”
“ดีใจ…ดีใจขอรับ…” หลีกวงซูเข้าใจอะไรๆ ได้แล้ว เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มฝืดๆ
“สะใภ้รอง เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ช่วงสองสามเดือนแรกต้องระมัดระวังให้มากขึ้น จะสะเพร่าไม่ได้นะ”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ คุณหนูสามบอกเรื่องที่พึงระวังให้ข้ารู้แต่แรกแล้ว” หลิวซื่อยอบกายขอตัวออกไป นางลูบๆ ผมข้างจอนให้เข้าที่อย่างแช่มช้าตอนเดินสวนไหล่กับหลีกวงซู
บอกแต่แรกแล้วว่าพวกบุรุษพึ่งพาไม่ได้เท่าคุณหนูสาม สวรรค์มิเคยหลอกลวงข้า
หลีกวงซูถลึงตามองตามแผ่นหลังภรรยาแล้วเกือบทำปากเบ้ด้วยความโมโห
นางทำหน้าทำตาแบบนี้หมายความว่าอะไร หรือว่านางมีลูกเองคนเดียวได้ ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
นายท่านรองกำลังค่อนแคะอยู่ในใจ พลันรู้สึกถึงกระแสพลังสายหนึ่งพุ่งมาจู่โจม พอตั้งสติได้ ไม้เท้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ฟาดใส่น่องของเขาแล้ว
“ท่านแม่?”
“เจ้าทำหน้าทำตาแบบนี้หมายความว่าอะไร” ดวงหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางฟาดไม้เท้าใส่เขาอีกที “ภรรยาเจ้ามีครรภ์แล้ว เจ้าทำหน้าไม่ยินดียินร้าย หรือติงว่าจวนเรายังวุ่นวายไม่พอใช่หรือไม่ ต้องให้ลือกันออกไปว่าเจ้าโดนสวมเขาถึงจะพอใจรึ”
ลมปากคนนั้นน่ากลัวนัก เรื่องเรื่องหนึ่งมีคนพูดมากเข้าๆ ต่อให้เป็นเรื่องเท็จก็กลายเป็นความจริงได้ เจ้าลูกบัดซบผู้นี้ไร้หัวคิดจริงๆ
พอได้ยินถ้อยคำของมารดา หลีกวงซูสะดุ้งโหยงในใจ
ท่านแม่พูดไม่ผิด คนเรามักชอบสร้างเรื่องขึ้น จะปล่อยให้มีข่าวลือออกไปอีกไม่ได้แล้ว
“ยังไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาเจ้าอีก”
หลีกวงซูบังคับตนเองให้เผยรอยยิ้มออกมา พอเห็นมารดาเงื้อไม้เท้าขึ้นอีกก็รีบหนีหัวซุกหัวซุนออกไป
ข่าวหลิวซื่อตั้งครรภ์จริงๆ แพร่สะพัดไปทั่วทุกจวนในเมืองหลวงประหนึ่งสายลมระลอกหนึ่ง
“นายหญิงรองของสกุลหลีมีครรภ์แล้วจริงๆ หรือ ไหนบอกว่าคุณหนูสามสกุลหลีตรวจผิดมิใช่หรือ เพราะร่างกายนางได้รับความกระทบกระเทือนตอนคลอดบุตรสาวคนที่สองจนตั้งครรภ์อีกไม่ได้”
“อะไรนะ นั่นมันข่าวเก่าปีมะโว้แล้ว นายหญิงรองของสกุลหลีตั้งครรภ์เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน”
“ใช่ เชิญกระทั่งหมอหลวงไปตรวจมาแล้วด้วย”
ฮูหยินหลายคนที่นั่งล้อมวงพูดคุยซุบซิบกันสบตากันไปมาแล้วมีสีหน้าต่างๆ กันไป
“นี่แสดงว่าคุณหนูสามสกุลหลีรักษาอาการเป็นหมันได้จริงๆ น่ะสิ!” ฮูหยินท่านหนึ่งเอ่ยอย่างตะลึงพรึงเพริด
“ไม่เพียงรักษาหายได้ ยังตรวจออกได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยนะ สวรรค์ หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ คุณหนูสามสกุลหลีจะไม่กลายเป็นเจ้าแม่กวนอินประทานบุตรล่ะหรือ”
พวกนางกำลังคุยซุบซิบกันอย่างออกรสออกชาติ หวังซื่อภรรยาของเสนาบดีศาลยุติธรรมลุกพรวดขึ้นเดินฉับๆ ออกไป
“นี่ หวังฮูหยิน ไฉนท่านจะกลับแล้วเล่า”
มีคนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “เรื่องนี้ยังต้องถามด้วยหรือ ต้องเตรียมตัวไปขอร้องคุณหนูสามสกุลหลีเป็นแน่ ลูกสะใภ้คนเล็กในเรือนนางแต่งเข้ามานานหลายปีแล้วยังไร้วี่แววมาโดยตลอด”
“มิน่านางถึงรีบร้อนเช่นนี้ แต่หวังฮูหยินไม่ค่อยถูกกับสกุลหลีเรื่อยมา ไปขอร้องคุณหนูสามแบบนี้ พวกสกุลหลีจะตอบตกลงหรือ”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา เริ่มตรึกตรองในใจว่าเมื่อก่อนเคยพูดจาอะไรล่วงเกินสกุลหลีไว้หรือไม่
ทายาทสืบสกุลเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง ไม่ว่าใครก็บอกได้ยากว่าจะมีคนในวงศ์ตระกูลพบเจอปัญหานี้หรือไม่ ในเมื่อคุณหนูสามสกุลหลีเก่งกาจขนาดนี้ อย่าล่วงเกินนางจะดีกว่า
ดีที่แต่ก่อนพวกนางเห็นแก่หน้ากวนจวินโหวเพียงพูดกระแนะกระแหนลับหลัง แต่อย่างหวังฮูหยินนั่นสมควรปวดเศียรเวียนเกล้าแล้ว
เรื่องหลิวซื่อตั้งครรภ์สร้างความปั่นป่วนโกลาหลให้กับตระกูลต่างๆ มากมายในเมืองหลวงประหนึ่งคลื่นใต้น้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ดูแลจวนสกุลหลีซึ่งเหงื่อท่วมศีรษะวิ่งเข้ามาในเรือนชิงซง
“ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ มีคน…มีคนมาเยอะแยะไปหมด ล้วนเป็นผู้ดูแลของจวนต่างๆ มาส่งเทียบเชิญคุณหนูสามของพวกเราไปเป็นแขก” ผู้ดูแลยื่นเทียบเชิญตั้งหนึ่งในอ้อมแขนส่งให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “นี่เป็นส่วนที่ข้าคัดเอาแต่ที่สำคัญๆ มาขอให้ท่านผ่านตาขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งมิได้รับเทียบไว้ นางกล่าวเรียบๆ “ก็บอกไปว่าคุณหนูสามของเราหมั้นหมายแล้ว ต้องเก็บตัวอยู่ในห้องปักเสื้อคลุมของใช้ของเจ้าสาวทั้งวัน ไม่สะดวกจะออกนอกเรือน”
“คือว่า…” ผู้ดูแลก้มหน้ามองเทียบในมือแล้วเอ่ยเตือนขึ้น “ฮูหยินผู้เฒ่า ในบรรดานี้ยังมีเทียบเชิญของวังรุ่ยอ๋องและวังมู่อ๋องด้วยขอรับ”
“ไม่ว่าเป็นเทียบของจวนไหนก็ตาม บอกปัดไปให้หมด” ได้ยินว่ามีเทียบของวังอ๋อง หญิงชรากลับระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง มีวังอ๋องเป็นข้ออ้างรับหน้า ไม่ต้องกลัวว่าจะล่วงเกินคนอื่นๆ จนหมด
“ขอรับ” ผู้ดูแลเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาก็หอบกองแผ่นเทียบออกไป
เมื่อจวนต่างๆ ได้ข่าวว่าถูกปฏิเสธต่างไม่พอใจในทีแรก ครั้นรู้ว่าสกุลหลีปฏิเสธกระทั่งเทียบของวังอ๋อง ความไม่พอใจรางๆ นั่นก็อันตรธานไปทันใด
พวกสกุลหลีกล้าปฏิเสธวังอ๋อง จะปฏิเสธพวกเขาก็เป็นเรื่องปกติสุดจะกล่าว และเมื่อขบคิดอย่างละเอียด เหย้าเรือนไหนๆ ล้วนไม่เต็มใจให้บุตรสาวที่หมั้นหมายแล้วออกมาตากหน้าเป็นหมอรักษาคน อืม…ก็รอดูไปก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะ
ทุกๆ จวนต่างเริ่มเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ ส่งผลให้จวนสกุลหลีได้อยู่อย่างสงบไร้คลื่นลมไปชั่วขณะหนึ่ง
ทว่าทางเฉียวเจากลับไม่สงบสุขแล้ว
“คุณหนู พี่สะใภ้ของอาจูเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ อีกแล้วเจ้าค่ะ” ปิงลวี่วิ่งไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง พูดกระซิบที่ข้างหูผู้เป็นนายอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เฉียวเจาเอ่ยถามด้วยหน้าตานิ่งเฉย “เพิ่งเข้าไปใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนู ท่านเห็นนางแอบเข้าไปในห้องท่านตั้งหลายครั้งหลายคราแล้วก็ไม่สนใจ ข้าอยากตีนางให้ตายอยู่แล้ว”
“กำชับเจ้าไว้ว่าอย่าวู่วามมิใช่หรือ”
“ข้าก็แค่โมโหสุดจะทน! นางใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ไฉนถึงมีคนไร้ยางอายเยี่ยงนี้ด้วยนะ”
“ไปกันเถอะ ไปดูสักหน่อย”