หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 696
บทที่ 696
มือของเฉียวเจาหยุดนิ่งอยู่ข้างดวงตา
เสียงพูดเสียงนั้นดังขึ้นอีกคำรบหนึ่ง “คุณหนูหลีซาน หากฉลาดล่ะก็ ทางที่ดีเจ้าอย่าดึงผ้าปิดตาลงจะดีกว่านะ”
นางลดมือลงข้างลำตัวเงียบๆ เอนหลังพิงผนังตัวรถม้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
ราวกับรถม้าแล่นผ่านเขตเมืองอันพลุกพล่าน ได้ยินเสียงตะโกนอึกทึกอยู่ข้างนอก
“ซาลาเปา…ซาลาเปาร้านเหล่าหวังร้อนจนควันฉุย ไส้แน่นแป้งบาง กินแล้วอยากกินอีก...”
“เต้าฮวย…เต้าฮวยร้านพี่สะใภ้หยาง…”
เฉียวเจาเงี่ยหูฟัง มีเสียงพูดอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“แม่เด็กน้อยผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก ไม่แตกตื่นลนลานเลยหรือนี่”
เสียงพูดเสียงแรกแฝงความไม่พึงใจ “พูดน้อยๆ หน่อย พูดมากจะเสียการ”
“ก็แค่เด็กสาวผู้หนึ่ง…”
“นางเป็นคู่หมั้นของกวนจวินโหว!”
เสียงบนรถม้าเงียบหายไป แต่เฉียวเจารู้ว่านอกจากนางแล้วยังมีอีกสองคนอยู่ด้วย
นางฟื้นขึ้นกลางทาง ไม่อาจคำนวณระยะทางที่รถม้าแล่นมาได้ ดูทีว่าตอนนี้ได้แต่อยู่เฉยๆ รอให้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วค่อยพลิกแพลงไปตามสถานการณ์
เพลานี้ที่สกุลหลียังคงสงบสุขดังปกติ
ปิงลวี่ฝึกวิชาหมัดมวยเสร็จแล้วกลับมา นางพิงเสาระเบียงเช็ดเหงื่อพลางเอ่ยถามอาจูที่เฝ้าเตาไฟเล็กอยู่ “ต้มอะไรหรือ กลิ่นหอมเหลือเกิน”
“ต้มโจ๊กไก่ฉีกใส่กลีบหัวไป่เหอ ไว้รอคุณหนูกลับมากิน พักนี้คุณหนูพักผ่อนไม่เต็มที่” อาจูจับตาดูเตาไฟอย่างตั้งอกตั้งใจ พลางโบกพัดในมือพัดเตาไฟเบาๆ สองสามทีเป็นระยะ
“คุณหนูไปไหนหรือ”
“เมื่อครู่คุณหนูสี่มาที่นี่ เชิญคุณหนูไปที่เรือนจินหรง”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน ประเดี๋ยวจะไปให้อาหารเจ้าเอ้อร์ปิ่ง”
สาวใช้สองคนต่างทำงานในหน้าที่ของตนโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
เรือนหยาเหอห่างจากเรือนจินหรงเพียงไม่กี่ก้าว เวลาเจ้านายไปมาหาสู่กันมิได้พาสาวใช้ติดตามไปด้วยเป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่พอใกล้เที่ยงวันรอมร่อแล้วยังไม่เห็นเฉียวเจากลับมา ปิงลวี่ก็ชักร้อนใจ “อาจู เหตุใดคุณหนูยังไม่กลับมาอีกเล่า หรือว่าอยู่กินอาหารที่เรือนนายหญิงรองแล้ว”
อาจูมองโจ๊กไก่ที่อุ่นอยู่บนเตาไฟแล้วรู้สึกกระวนกระวายใจชอบกล “นายหญิงรองตั้งครรภ์อยู่ คุณหนูไม่น่ารบกวนนานเกินไป และต่อให้จะอยู่กินอาหารที่นั่น ทางเรือนจินหรงก็สมควรส่งคนมาบอกกล่าวสักคำ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดูแลปกครองเรือนด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ ตามปกติพวกเจ้านายจะกินอาหารล้วนไปตักข้าวจากเรือนครัวใหญ่ตามจำนวนคน ถ้าใครจะกินข้าวที่อื่นจะต้องสั่งกำชับสาวใช้เสมอ
“ข้าไปดูที่เรือนจินหรง” ปิงลวี่สาวเท้าฉับๆ ออกจากเรือนหยาเหอตรงดิ่งไปที่นั่น ระหว่างทางพบกับสาวใช้ของเรือนจินหรงหิ้วกล่องอาหารออกมาพอดี
“เสี่ยวหลิง คุณหนูสามของพวกข้าอยู่กินอาหารกับนายหญิงรองของพวกเจ้าใช่หรือไม่”
สาวใช้น้อยส่ายหน้า “เปล่านะ พวกพี่สาวไม่ได้สั่งกำชับข้าเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าแปลก” ปิงลวี่โบกมือให้สาวใช้น้อยแล้วก้าวเข้าประตูลานเรือนจินหรง
“อะไรนะ คุณหนูของข้ากลับไปตั้งนานแล้วหรือ”
“ใช่ คุณหนูสามพูดคุยกับนายหญิงของพวกข้าครู่หนึ่งก็ออกไปแล้ว ตอนนั้นนายหญิงจะให้คุณหนูสี่ตามไปส่ง แต่คุณหนูสามบอกว่าไม่ต้อง”
“แต่คุณหนูของข้ายังไม่ได้กลับไปเลยนะ หรือว่าจะไปที่อื่น” ปิงลวี่วิ่งไปที่เรือนของเหอซื่ออย่างเร่งร้อน พอได้ยินว่าเฉียวเจาไม่ได้มาที่นี่ก็รีบรุดไปที่เรือนชิงซงอีก หลังตามหาไปทุกที่ที่นึกออกจนทั่วแล้ว นางเดินคอตกกลับไปยังเรือนหยาเหอ
“อาจู เจ้าว่าน่าแปลกหรือไม่ ข้าตามหาไปทั่วเรือนหลังก็หาคุณหนูของพวกเราไม่เจอ หรือว่าคุณหนูจะออกไปข้างนอก”
อาจูมีสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่น่าจะใช่ คุณหนูเพิ่งบอกไม่ใช่หรือว่าช่วงนี้จะไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น อีกอย่างตอนนี้ข้างนอกมีคนมากมายอยากเชิญคุณหนูของเราไปเป็นแขก แม้แต่คนของวังอ๋องก็มาเชิญตั้งหลายหนแล้ว แต่ฮูหยินผู้เฒ่ายกข้ออ้างว่าคุณหนูป่วยบอกปัดไป ในสถานการณ์อย่างนี้คุณหนูจะออกไปนอกเรือนได้เช่นไร และต่อให้คุณหนูมีธุระสำคัญต้องออกไปก็น่าจะบอกพวกเราสักคำสิ”
“ความหมายของเจ้าคือ…”
“ข้ารู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง เจ้าเฝ้าเรือนไว้ ข้าไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่า”
อาจูพูดจบก็ก้าวขาออกเดินไป
ปิงลวี่ไล่ตามนางไปติดๆ “เฝ้าเรือนอะไรกัน ถ้าตามหาคุณหนูไม่เจอยังจะมีเรือนอะไรอีกล่ะ”
สาวใช้สองคนรุดไปที่หอชิงซงอย่างรีบร้อน
“พวกเจ้าบอกว่าตามหาคุณหนูของพวกเจ้าไม่เจอหรือ!” ใบหน้าของหญิงชราขรึมลง “เล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างละเอียดสิ”
เมื่อฟังอาจูเล่าจบ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเอ่ยสั่งชิงอวิ๋น “ไปเชิญคุณหนูสี่มา”
ไม่นานนักหลีเยียนก็มาถึง หลังซักถามหลานสาวยกหนึ่ง นางส่งสาวใช้กับหญิงรับใช้ออกตามหาไปทั่วทุกมุมในจวนอีกครั้งจนกระทั่งใกล้ฟ้ามืดยังคงไม่พบวี่แววของเฉียวเจา
เรือนชิงซงตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึม มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ที่เพียรสะกดเก็บไว้สุดกำลังของหลีเยียน
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนวดๆ หว่างคิ้ว
หลีเยียนคุกเข่าลงดังตุบ “ท่านย่า ล้วนเป็นเพราะข้าคนเดียว ถ้ามิใช่ข้าเชิญพี่เจาไปที่เรือนจินหรง หรือไม่ข้าตามไปส่งตอนพี่เจากลับเรือน นางคงไม่หายตัวไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถอนใจเฮือก “เรื่องนี้โทษเจ้าไม่ได้ หลานเยียน เรื่องที่พี่เจาของเจ้าหายตัวไป อย่าเพิ่งบอกกับท่านแม่และท่านป้าสะใภ้ของเจ้านะ พวกนางคนหนึ่งเพิ่งตั้งครรภ์คนหนึ่งเพิ่งคลอดบุตร ทนรับเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหันไปมองปิงลวี่ “ไปเรียกเฉินกวงมา”
“เจ้าค่ะ” ปิงลวี่ขานรับคำหนึ่งแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็วรี่
“คุณหนูสามหายตัวไป?!” เฉินกวงได้ยินแล้วตกใจยกใหญ่
ปิงลวี่เช็ดน้ำตาพลางรุนหลังเขา “เจ้าอย่าเพิ่งถามเลย ฮูหยินผู้เฒ่ารอเจ้าอยู่ รีบตามข้าไปเถอะ”
เฉินกวงรุดมาถึงเรือนชิงซงอย่างเร่งร้อน
“เฉินกวง ข้าเชื่อว่าท่านแม่ทัพของเจ้าต้องจัดเตรียมการคุ้มกันความปลอดภัยให้คุณหนูสามกระมัง” หญิงชราถามตรงเข้าเรื่องทันที
“ใช่ขอรับ ด้านนอกจวนสกุลหลีล้วนเป็นคนของพวกข้า หากคุณหนูสามออกจากเรือน พวกข้าต้องทราบแน่นอน”
“แล้วถ้ามีคนลักพาตัวคุณหนูสามปีนกำแพงออกไปเล่า”
“ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ คนของพวกข้าตั้งจุดเฝ้ายามห่างกันทุกๆ สองสามก้าวไว้รอบจวน หากมีเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ ยังถูกจับได้เร็วกว่าเข้าออกทางประตูใหญ่อีกขอรับ”
“เช่นนั้นก็น่าแปลกแล้ว หรงมามา เจ้าพาคนสองสามคนไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง…” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งชะงักไปนิดหนึ่ง นางหลับตาลงกล่าวว่า “ดูที่บ่อน้ำแห้งปากนั้น”
“ฮูหยินผู้เฒ่า!” เฉินกวงสะดุ้งโหยง ใบหน้าเขาปราศจากสีเลือดแม้สักนิด
“ยังมัวยืนทื่อกันอยู่ด้วยเหตุใด ไปสิ!”
เวลาดูคล้ายจะยืดยาวขึ้นเป็นพิเศษ จวบจนหรงมามาพาคนกลับมาแล้วสั่นศีรษะกับนาง ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถึงทรุดฮวบลงนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ
“ไม่มีก็ดีแล้วๆ” ราวกับว่านางแก่ชราลงนับสิบปีในชั่วพริบตา
“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าอยากทราบว่าวันนี้ทั้งวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็จะตกหล่นไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าออกจวนขอรับ” เฉินกวงเอ่ยเสียงเครียด สีหน้าเขาสงบนิ่ง แต่ในใจหนาวยะเยือกไปหมดแล้ว
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูสาม เขาจะอธิบายต่อท่านแม่ทัพอย่างไร ถึงต้องตาย เขาก็ชดใช้ความผิดไม่ได้!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเรียกผู้ดูแลมาถามความทันใด
หลีกวงเหวินเดินเข้ามาด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย เขากะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง “ท่านแม่ วันนี้ในเรือนท่านมีคนเยอะแยะเลยนะขอรับ”
“เจ้ายังมีหน้ากลับมาอีก รู้หรือไม่ว่าข้าส่งคนไปตามหาเจ้ากี่คนแล้ว”
หลีกวงเหวินคับข้องหมองใจอย่างมาก “ข้าก็ไม่อยากนะขอรับ ตอนยังอยู่ในที่ว่าการมีคนชวนข้าไปดื่มสุราแล้วเหนี่ยวรั้งข้าไว้ตลอดบ่ายถึงปลีกตัวมาได้ตอนนี้ ท่านแม่ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในเรือนใช่หรือไม่ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งถึงอ้าปากพูด “ข้าบอกแล้วเจ้าต้องใจเย็นเอาไว้ อย่าสร้างความวุ่นวายเพิ่มขึ้น”
หลีกวงเหวินยิ้มแล้ว “ดูท่านแม่พูดเข้า ข้าเคยไม่ใจเย็นเมื่อไรกัน คำกล่าวที่ว่าเขาไท่ซานถล่มลงมาตรงหน้าก็ยังหน้าไม่เปลี่ยนสีนั่นก็หมายถึงข้านี่เองขอรับ”