หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 697
บทที่ 697
“เจาเจาหายตัวไปแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวจบแล้วเห็นท่าทางบุตรชายไม่แสดงสีหน้าใดๆ นางถอนใจโล่งอกแต่ขณะเดียวกันก็นึกหลากใจอยู่สักหน่อยด้วย
บุตรชายข้าได้เรื่องได้ราวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ
“เจ้าใหญ่…” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเรียกขานคำหนึ่ง
ในเมื่อเจ้าใหญ่ใจเย็นแบบนี้ อย่างนั้นก็นั่งลงหารือกันอย่างจริงจังเถอะ
ทว่าหลีกวงเหวินยังไร้ปฏิกิริยาใดๆ
“กวงเหวิน?” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเรียกขานอีกครั้ง เห็นบุตรชายยังไม่แสดงปฏิกิริยาสักนิด นางบุ้ยใบ้บอกให้หรงมามาเข้าไปดู
หรงมามาเดินไปที่ข้างกายเขา “นายท่านใหญ่เจ้าคะ!”
หลีกวงเหวินมีปฏิกิริยาในที่สุด ลูกตาของเขาที่นิ่งค้างไปพลันเหลือกขึ้น จากนั้นก็หงายหลังล้มตึงไปทั้งตัว
“แย่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านใหญ่หมดสติไปแล้ว!” หรงมามาประคองหลีกวงเหวินไว้ และยื่นมือไปกดจุดเหรินจงเขาทีหนึ่ง
“ข้าไม่ได้หมดสติ!” หลีกวงเหวินผลักหรงมามาออก เหนือริมฝีปากบนมีรอยเล็บสองรอยติดอยู่อย่างชัดเจน เขาสูดปากไม่หยุดด้วยความเจ็บ
ยายเฒ่าผู้นี้กดจุดได้เจ็บเหลือเกิน วันๆ กินอะไรเข้าไปถึงได้เรี่ยวแรงดีขนาดนี้
“ท่านแม่ ท่านบอกว่าเจาเจาหายตัวไปหมายความว่าอะไรกันแน่ขอรับ”
“ก็หมายความว่าตามหาทั่วทั้งจวนแล้วไม่เจอตัวน่ะสิ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างย่นย่อ
หลีกวงเหวินฟังจบก็เต้นผางๆ ทันใด “ต้องเป็นฝีมือของวังรุ่ยอ๋องแน่!”
“ไฉนพูดเช่นนี้”
“ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าวันนี้วังรุ่ยอ๋องส่งคนมาเชิญเจาเจาอีกแล้ว ทางข้าก็เหมือนกัน วันนี้คนที่ชวนข้าดื่มสุราคือจงเสวียหยางที่อยู่ในสำนักศึกษาหลวงผู้นั้น พูดทั้งทางตรงทางอ้อมให้ครอบครัวเราไปมาหาสู่กับวังรุ่ยอ๋องบ่อยๆ ถุย! วังรุ่ยอ๋องต้องเห็นว่าเข้าหาทั้งสองทางแล้วไม่เป็นผลเลยลงมือลักพาตัวคนเสียเลย ท่านแม่ ท่านคอยดูนะ ข้าจะพาฮุยเอ๋อร์ไปคิดบัญชีกับวังรุ่ยอ๋องเดี๋ยวนี้เลย!”
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” พอเห็นบุตรชายหันหลังจะออกเดินไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนัก รีบสั่งคนให้ขัดขวางเขาไว้
“เจ้าจะวู่วามไปด้วยเหตุใด ไปทวงคนที่วังรุ่ยอ๋องในเวลานี้โดยไม่มีพยานหลักฐาน พวกเขาไม่ยอมรับเสียอย่าง เจ้าจะทำอะไรได้ ไหนล่ะที่บอกว่าเขาไท่ซานถล่มลงมาตรงหน้าก็ยังหน้าไม่เปลี่ยนสี”
หลีกวงเหวินเบะปาก “เขาไท่ซานจะเหมือนกับบุตรสาวข้าได้หรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งพูดไม่ออก “…” นี่ข้าถึงกับรู้สึกว่ามีเหตุผลมากเชียวหรือนี่!
“เจ้านั่งอยู่ในนี้เฉยๆ ฟังเฉินกวงซักถามจบแล้วค่อยว่ากัน”
การซักถามผู้ดูแลของเฉินกวงมิได้หยุดชะงักลงเพราะหลีกวงเหวินเข้ามาแต่อย่างใด ขณะนี้เขากำลังถามถึงจุดสำคัญ
“ช่วงเวลาตั้งแต่ปลายยามเฉินถึงต้นยามอู่ คนที่ออกจากจวนมีใครบ้าง”
ผู้ดูแลทำไม้ทำมือบอกให้ยามเฝ้าประตูกล่าวตอบ
ยามเฝ้าประตูสูงวัยมากแล้ว พอได้ยินคำถามนี้ก็ทำหน้าลำบากใจอยู่สักหน่อย เขาขมวดคิ้วทบทวนความทรงจำอย่างละเอียด “มีเหล่าหลี่คนกวาดลานเรือนหน้า เหล่าเฉียนที่มีหน้าที่ซื้อของเข้าจวน…”
เฉินกวงตัดบทเขา “ท่านลุง ท่านทบทวนความทรงจำให้ดีๆ ว่าคนที่ออกจากจวนในช่วงเวลานั้นมีใครเอาของชิ้นใหญ่ๆ ไปด้วยอย่างเช่นรถลากหรือหีบไม้ หรือก็คือสิ่งนั้นสามารถใส่ของได้ไม่น้อย”
“รถลาก? หีบไม้?” เมื่อกำจัดวงแคบลง ยามเฝ้าประตูคิดออกทันที “มีๆ ตอนยามซื่อเหล่าเฉียนพาผู้ช่วยสองคนเข็นรถลากออกไปขอรับ เขาบอกว่าเมื่อวานสั่งเนื้อหมูป่าไว้หลายสิบชั่ง นัดหมายให้ไปรับของในเวลานั้นของวันนี้ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร”
“แต่ว่ารถลากคันนั้นไม่ได้คลุมอะไรไว้สักอย่าง ตอนนั้นข้ายังมองดูแวบหนึ่ง บนนั้นไม่มีอะไรทั้งนั้นนะขอรับ”
เฉินกวงมองไปทางผู้ดูแล “ให้เหล่าเฉียนเอารถลากคันนั้นมาที่นี่”
เหล่าเฉียนถูกเรียกตัวมาอย่างรวดเร็ว ส่วนรถลากจอดอยู่ในลานเรือน
เฉินกวงเดินวนดูรถลากรอบหนึ่งก่อนเอ่ยถามยามเฝ้าประตู “รถลากคันนี้หรือ”
ยามเฝ้าประตูพยักหน้า “ไม่ผิดขอรับ ตอนจวนเราไปจ่ายตลาดล้วนใช้รถลากคันนี้ ข้าเห็นทุกวัน ไม่ผิดแน่นอนขอรับ”
เฉินกวงส่ายหน้า
รถลากคันนี้เป็นรถลากสองล้อแบบธรรมดาๆ ที่สุดไม่สามารถซุกซ่อนคนได้
เมื่อย้อนกลับไปที่ห้องโถง เฉินกวงเอ่ยถามยามเฝ้าประตูต่อ “ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่”
หนนี้เขาส่ายหน้าโดยไม่ลังเล “ไม่มีแล้วขอรับ”
“เจ้าแน่ใจนะ”
“ถ้าถามว่าในช่วงเวลานั้นมีใครเข้าออกบ้าง ข้าอาจจะจำได้ไม่ชัดเจนอย่างนั้น แต่ท่านถามถึงคนที่นำของชิ้นใหญ่เข้าออกจวน จะจำไม่ได้หรือขอรับ”
“ถ้าเป็นพวกบ่าวไพร่ไม่มี เช่นนั้นพวกเจ้านายล่ะ” เฉินกวงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงถามออกมาคำหนึ่ง
คำถามนี้ดังขึ้น ในโถงเงียบกริบแทบได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น
ยามเฝ้าประตูพูดไม่ออกแล้ว เขามองเฉินกวงอย่างงงงัน
ในเวลานี้เฉินกวงไม่มีแก่ใจคำนึงถึงความรู้สึกของชาวจวนสกุลหลีทั้งหลาย เขาทำหน้าบึ้งพูดตะคอก “พูด! ต่อให้เป็นฮูหยินผู้เฒ่านำสิ่งของออกนอกจวน เจ้าก็ปิดบังไม่ได้”
ยามเฝ้าประตูทำคอย่นด้วยความตกใจ
“ไม่ได้ยินที่เฉินกวงถามเจ้ารึ พูดสิ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวเสียงขรึม
ยามเฝ้าประตูก้มหน้าอย่างลังเลใจ เขาตวัดตามองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแวบหนึ่ง
“เหล่าจ้าว เจ้าเป็นแค่ยามเฝ้าประตูผู้หนึ่ง ตอนนี้เรียกเจ้ามาถามความ เจ้าเพียงเล่าสิ่งที่เห็นออกมาตามสัตย์จริงเท่านั้นเป็นพอ หรือเจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้านายที่จะคิดบัญชีทีหลังโดยไม่แยกแยะถูกผิดพรรค์อย่างนั้นใช่หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวอย่างอ่อนใจ
ยามเฝ้าประตูสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาอ้าปากพูดในที่สุด “มี…มีขอรับ”
“เป็นนายท่านรองขอรับ ตอนปลายยามเฉินนายท่านรองออกจากเรือนพร้อมกับเด็กรับใช้สองคนแบกหีบไม้ใบหนึ่ง ข้ายังมองดูซ้ำๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กรับใช้ผู้หนึ่งในนั้นยังตวาดไล่ข้าให้ถอยไปห่างๆ อย่าทำให้หนังสือของนายท่านเสียหายขอรับ”
“ปลายยามเฉินเป็นเวลาที่คุณหนูสามออกจากเรือนจินหรงพอดี” เฉินกวงมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านรองยังไม่กลับมากระมังขอรับ”
โจรนอกเรือนจับง่าย โจรในเรือนยากป้องกัน คุณหนูสามเป็นสตรี พวกเขาจะเข้ามาเฝ้าในเรือนก็ไม่สะดวก คิดไม่ถึงว่าจะมีท่านอาสายเลือดเดียวกันอย่างนายท่านรองสกุลหลี!
“เจ้าเดรัจฉาน!” สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถมึงทึง เส้นเลือดตรงขมับเต้นระริก “เจ้าใหญ่ เจ้าพาคนไปตามหาเจ้าเดรัจฉานผู้นั้นกลับมาให้ข้า”
หลังหลานเจาหายตัวไป นางมิได้ส่งคนไปเรียกหลีกวงซู ด้วยทีแรกคิดว่าเจ้าลูกบัดซบผู้นั้นกลับมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าการหายตัวไปของหลานเจาจะเกี่ยวข้องกับเขาหรือนี่!
“ข้าไปกับนายท่านใหญ่เองขอรับ” เฉินกวงกล่าว
เมื่อหลีกวงเหวินกับเฉินกวงออกไปหาหลีกวงซูพร้อมกัน ภายในเรือนชิงซงเงียบเชียบดุจป่าช้า
หลีเยียนยืนอยู่มุมหนึ่ง มือเท้าของนางเย็นเฉียบ
ท่านพ่อของนางลักพาตัวพี่เจาไปหรือ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เหตุไฉนท่านพ่อต้องทำแบบนี้
ฟ้ามืดลงทุกที ทุกๆ เหย้าเรือนเริ่มจุดไฟสว่าง ตามถนนหนทางแทบไม่เห็นคนเดินไปมาแล้ว
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งตะบึงอยู่บนถนนอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากเห็นประตูใหญ่ที่แขวนโคมไฟสีแดงของจวนสกุลหลีในที่สุด เขาหยุดพักหายใจอย่างกระหืดกระหอบอยู่ตรงนั้น
คนรับใช้ที่เฝ้าอยู่นอกประตูตลอดรีบเดินรี่มาหา “ไฉนคุณชายสามถึงวิ่งกลับมา…”
“พยุงข้าเข้าจวน!” หลีฮุยตัดบทเขา
คนรับใช้ช่วยพยุงหลีฮุยที่แข้งขาอ่อนแรงพาเดินเข้าไปข้างใน
แสงไฟในเรือนชิงซงสว่างไสว ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือโดยไม่พูดไม่จา ในใจนางทุรนทุรายกับการรอคอย
“ท่านย่า…” หลีฮุยก้าวเข้าประตูก็คุกเข่าลงทันใด
“ฮุยเอ๋อร์ ตามหาท่านอารองของเจ้าพบหรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลุกพรวดขึ้น
หญิงชราลุกเร็วเกินไป ส่งผลให้ร่างซวนเซไปมา หลีเยียนซึ่งยืนอยู่ข้างหลังรีบประคองท่านย่าไว้
หลีฮุยคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นก้มหน้าลง “พบแล้วขอรับ…”
“ท่านอารองของเจ้าอยู่ไหน แล้วก็พวกท่านพ่อของเจ้าล่ะ ไฉนเจ้ากลับมาคนเดียว” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถามติดๆ กันเป็นชุด
หลีฮุยเงยหน้ามองท่านย่าที่เรือนผมขาวโพลนปราดหนึ่งอย่างฉับไว เขากัดริมฝีปากกะทันหัน “ข้ากลับมาแจ้งข่าวก่อนขอรับ ท่านอารอง…ตายแล้ว”