หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 701
บทที่ 701
เฉียวเจาเจ็บจนเปล่งเสียงพูดได้อย่างยากลำบาก “ไม่ต้อง…ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ข้า…ข้ากลับไปก็ไม่เป็นที่สนใจของใคร…”
“ไม่เป็นที่สนใจของใครรึ ท่านรู้หรือไม่ว่าหลีกวงซูตายแล้ว”
เฉียวเจาพยักหน้าเบาๆ
“การตายของหลีกวงซูรวมถึงที่ท่านหายตัวไป ทำให้จวนสกุลหลีโกลาหลไปหมด ยามนี้เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่ข่มตานอนได้ แล้วท่านจะพบใครๆ ในสภาพนี้ได้เช่นไร”
ด้วยรู้ว่าเด็กสาวในอ้อมแขนเป็นคนหัวดื้อ เจียงหย่วนเฉาพูดกล่อมอย่างมีน้ำอดน้ำทน “ข้าพาท่านไปยังที่ปลอดภัยใส่ยาผลัดอาภรณ์แล้วก็จะส่งท่านกลับไปก่อนฟ้าสาง อีกอย่างท่านมีบาดแผลเต็มตัวอย่างนี้ ให้คนในครอบครัวเห็นอย่างกะทันหัน พวกเขาจะทนรับได้อย่างไร”
เฉียวเจาถึงพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้น…รบกวนท่านด้วย”
รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างนิ่งเรียบในม่านราตรี คงเพราะเจียงหย่วนเฉาสั่งกำชับไว้ สารถีจึงควบขับช้าๆ ให้ตัวรถม้าสะเทือนโคลงเคลงน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยามมองใบหน้าซีดเซียวปราศจากสีเลือดของเด็กสาว หัวใจของเจียงหย่วนเฉาละม้ายโดนมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งบีบแน่นขึ้นๆ ทุกที
เพราะอะไรสตรีที่เขาชมชอบถึงต้องพานพบเภทภัยเคราะห์กรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวสกุลเฉียวหรือบุตรสาวสกุลหลี นางล้วนต้องลำบากทุกข์เข็ญมากกว่าสตรีทั่วไปมากมายนัก
“เจ็บหรือไม่” เจียงหย่วนเฉาไต่ถามอย่างอดรนทนไม่ไหวในที่สุด
ได้ยินเสียงถามอย่างอ่อนโยนของเขา เฉียวเจาที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนเขาพลันรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ
นางรู้สึกมาโดยตลอดว่าเขากับนางอยู่คนละโลกกัน แต่กลับต้องมาข้องเกี่ยวกันในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเสมอ
“ไม่เจ็บ” เฉียวเจาหลับตาลงด้วยท่าทางไม่มีแรงพูดอีกแล้ว
เจียงหย่วนเฉาเป็นคนละเอียดลออ ไหนเลยจะไม่กระจ่างแจ้งว่านี่คือการตัดรอนทางอ้อมของเฉียวเจา เขาเหยียดมุมปากออกเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตนเองแล้วไม่ปริปากพูดอีก
เขาก้มหน้าเพ่งพิศเด็กสาวในวงแขนด้วยสายตาลึกล้ำ
วงหน้าของนางงามละเมียดละไมดุจภาพวาด เค้าความงามที่ชวนให้ตะลึงงันค่อยๆ ปรากฏขึ้นแล้ว ทว่าที่ดึงดูดใจเขามาแต่ไหนแต่ไรหาใช่สิ่งนี้ไม่
เขารักในดวงตาที่นิ่งเฉยในทุกสถานการณ์ของนาง รักในรอยยิ้มไม่อนาทรร้อนใจของนางถึงขั้นท่าทีห่างเหินและระแวดระวังเขาของนาง เพราะทั้งหมดนี้ต่างหากคือลักษณะท่าทางของคุณหนูเฉียวที่เขารู้จัก
ทั้งที่เขารู้จักกับนางก่อนเซ่าหมิงยวน ถ้าหากตอนนั้นเขาคือผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินที่กุมอำนาจใหญ่ในมือแล้ว ระหว่างเขากับนางจะไม่เหมือนเดิมหรือไม่
น่าเสียดายที่ใต้หล้านี้ไม่มีคำว่า ‘ถ้าหาก’ ทั้งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะย้อนกลับไปยังอดีต
เสี้ยวเวลานี้เจียงหย่วนเฉาพลันอยากให้เวลาหยุดเดิน เช่นนั้นเขาสามารถหลอกลวงตนได้ว่าเขาสามารถกอดสตรีอันเป็นที่รักไว้เงียบๆ ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าผมหงอกขาวอย่างนี้ได้
รถม้าหยุดจอดตรงหน้าประตูเรือนชาวบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากจวนผู้บัญชาการไม่ไกล เป็นเรือนที่เจียงหย่วนเฉาซื้อเอาไว้ตอนย้ายออกมา เทียบกับจวนสกุลเจียงที่มีห้องหับมากมายแต่ไร้ชีวิตชีวาแม้แต่น้อยแล้ว เขาชอบที่นี่มากกว่า
“ทายาให้คุณหนูอย่างระมัดระวัง แล้วก็เตรียมอาภรณ์ที่คล้ายคลึงกับชุดบนตัวคุณหนูด้วย” เจียงหย่วนเฉาเอ่ยสั่งหญิงรับใช้จบแล้วยืนรออยู่ใต้ชายคานอกเรือน
เสียงร้องอุทานของหญิงรับใช้ดังขึ้นในห้อง เห็นชัดว่านางตกใจที่เฉียวเจามีบาดแผลไปทั้งเนื้อทั้งตัว
เจียงหย่วนเฉาได้ยินเสียงดังมาจากข้างในก็ร้อนรนงุ่นง่านสุดจะกล่าว อยากเข้าไปถามให้รู้เรื่องรู้ราวใจจะขาด ทว่ากลับจำต้องฝืนข่มใจไว้
“ใต้เท้า…” เจียงเฮ่อตามมาถึงเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้
“ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
“จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“แล้วสองคนที่ลงมือนั่นล่ะ” ยามไต่ถามคำนี้ มุมปากของเจียงหย่วนเฉาประดับรอยยิ้มอำมหิต เป็นเหตุให้เจียงเฮ่ออดหนาวสะท้านไม่ได้
“ตัดลิ้นของสองคนนั้นและมัดตัวเอาไว้ตามคำสั่งของใต้เท้าแล้วขอรับ”
“เฉือนเนื้อพวกมันเป็นชิ้นๆ ทั้งเป็น จากนั้นสับให้ละเอียดเอาไปเลี้ยงสุนัข”
“ขอรับ” เจียงเฮ่อลอบเหลือบตาขึ้นมองผู้เป็นนายแวบหนึ่ง เขาอดใจแล้วอดใจอีกก่อนถามขึ้น “ใต้เท้า คุณหนูหลีไม่เป็นไรกระมังขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาชายตามองเขาอย่างเย็นชา “พูดมากแบบนี้ เจ้าก็อยากลิ้มรสชาติถูกตัดลิ้นเช่นกันใช่หรือไม่”
เจียงเฮ่อทำท่าละม้ายสุนัขหางจุกก้นทันใด “ข้าไม่กล้าขอรับ”
ใต้เท้าเริ่มขู่ขวัญข้าอีกแล้ว ทุกวันต้องพูดขู่ข้าเจ็ดแปดรอบ เป็นข้ามันน่าเหนื่อยใจจริงๆ
“ไสหัวไป!”
“ขอรับ ข้าไสหัวไปแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน...”
“ใต้เท้ายังมีอะไรจะสั่งกำชับขอรับ”
“บอกพวกนั้นว่าปิดปากเงียบด้วย”
“ขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาดึงสายตาที่มองไปทางประตูกลับมา ผ่านไปไม่นานประตูห้องเปิดออก หญิงรับใช้เดินถืออาภรณ์ที่เปื้อนคราบเลือดเป็นดวงๆ ออกมา
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
ใบหน้าของหญิงรับใช้เผือดขาว “คุณหนูท่านนั้นใจแข็งจริงๆ เจ้าค่ะ มีรอยแส้ทั่วทั้งร่างกายหลายสิบรอย แผ่นหลังถูกเฆี่ยนจนบวมช้ำ แต่ตอนข้าทายาให้ นางกลับไม่ร้องสักแอะ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เจียงหย่วนเฉาตัดบทนาง “เจ้าไปตระเตรียมอาภรณ์เถอะ จำไว้ว่าสีและแบบต้องให้ใกล้เคียงมากที่สุด”
หญิงรับใช้ทำหน้าลำบากใจ “ใต้เท้า จวนของเราไม่มีชุดที่พวกเด็กสาวใส่ได้เลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าเจียงหย่วนเฉาขรึมลง “เรียกองครักษ์จินหลินมาสองคน ให้พวกเขาคิดหาวิธี!”
รอยแส้บนตัวเฉียวเจาอยู่ตรงข้างหลังตัวกับแผ่นหลังเป็นส่วนใหญ่ นางนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงได้กลิ่นหอมสะอาดของผ้าปูเตียงที่เพิ่งซักใหม่ๆ
พอได้ยินเสียงแว่วๆ จากนอกห้อง นางหลับตาลงเบาๆ
นางเหนื่อยเหลือเกินจริงๆ น่าจะนอนหลับสักครู่ได้แล้ว…
ตอนเฉียวเจาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่บนรถม้า
“ยังต้องอีกระยะหนึ่งจึงจะถึงจวนสกุลหลี ท่านนอนต่อได้อีกครู่หนึ่ง” เจียงหย่วนเฉาบอกเสียงนุ่ม นอนหลับก็ไม่เจ็บแล้ว
เฉียวเจาแย้มยิ้มบางๆ ให้เขาพลางเอ่ย “ไม่นอนแล้ว”
ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง
“มีอะไรหรือ” เฉียวเจารู้สึกว่าสีหน้าเขาแปลกไปบ้าง
“ไม่มีอะไร” เขานึกว่านางไม่มีวันเผยรอยยิ้มต่อหน้าเขาอีกแล้ว
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเนิบนาบบังเกิดเสียงล้อหมุนเป็นจังหวะ ขณะที่ภายในตัวรถม้าเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงไปชั่วขณะ
“อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรู้มาก” เจียงหย่วนเฉาพลันเอ่ยปากขึ้น
เฉียวเจามองเขา แพขนตาของนางกระพือขึ้นลงเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เขาพูดต่อไป
“ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ท่านตกอยู่ในอันตราย เขาล้วนไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ได้คนอย่างนี้เป็นสามีจะมีดีอะไร”
เจียงหย่วนเฉาอยากรู้มากจริงๆ แล้วสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ ใต้ความอยากรู้นี้ก็คือ ‘ความรู้สึกไม่ยอมจำนน’
อาศัยอะไรเล่า เพราะว่าคนผู้นั้นมีชาติตระกูลสูง เกิดมาก็ได้ครอบครองในสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตแต่ไม่กล้าครอบครองไว้ล่ะหรือ คนผู้นั้นถึงขั้นทำลายสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดเองกับมือแล้วก็ได้คืนกลับมาอีกครั้ง
เฉียวเจาสบตาเขาอย่างสงบนิ่ง เห็นเขาถามอย่างจริงจัง นางก็ตอบอย่างจริงจัง “ในใจข้า เขาย่อมจะมีดีไปหมดทุกอย่างเป็นธรรมดา ถึงแม้เขาจะไม่อยู่ข้างกายข้าก็ตาม”
บัดนี้นางมั่นใจได้แล้วว่าใจนางรักบุรุษผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง เพียงคิดถึงเขาก็รู้สึกสุขใจอย่างเปี่ยมล้น นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจและโชคดีเรื่องหนึ่งโดยแท้
“ดีไปหมดทุกอย่าง…” เจียงหย่วนเฉาพูดทวนถ้อยคำนี้ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง หากในใจกลับเจ็บแปลบปลาบระลอกหนึ่ง เขากล่าวกลั้วเสียงหัวร่อเบาๆ “ขอให้ท่านคิดเช่นนี้ไปตลอด”
“ใต้เท้าเจียง พวกเราสนทนากันเรื่องนี้ไม่เหมาะสมนะ” เฉียวเจาหลับตาลงเบาๆ แสดงท่าทีห่างเหิน
ชายหนุ่มเพ่งมองนางอึดใจหนึ่งก่อนเบนสายตาออก
บนรถม้าตกอยู่ในความเงียบอีกครา