หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 705
บทที่ 705
ชิงอวิ๋นรีบเอ่ยตอบ “ฮูหยินผู้เฒ่ายังนอนหลับอยู่เจ้าค่ะ”
เสียงสวบๆ สาบๆ ดังมาจากในห้อง หงซงประคองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเดินออกมา
“พวกเจ้ามาแล้วหรือ ท่านโหวกินข้าวแล้วใช่หรือไม่” หญิงชราเดินด้วยฝีเท้างกๆ เงิ่นๆ เห็นแล้วชวนเศร้าใจ
“ข้ากินมาแล้วขอรับ” เซ่าหมิงยวนกุลีกุจอแสดงคารวะต่อนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือแล้วโบกมือไปมา “ในเวลาอย่างนี้ก็ไม่ต้องมากพิธีแล้ว เจ้าใหญ่ ทางที่ว่าการว่าอย่างไรบ้าง”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ หลีกวงเหวินก็มีน้ำโห “คนพวกนั้นมียศมีตำแหน่งเสียเปล่า กลับไม่ตั้งใจปฏิบัติงานตามหน้าที่ตน! ตรวจสอบมาทั้งคืน สุดท้ายลงความเห็นว่าเจ้ารองตายเพราะอาการหัวใจวายเฉียบพลัน!”
ถึงแม้ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับน้องชายผู้นี้จะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆ จนมาถึงหลายปีนี้ยังนับวันยิ่งห่างเหินกันมากขึ้นทุกทีเพราะความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องชายร่วมมารดาเดียวกัน กลับต้องมาตายจากไปตั้งแต่วัยนี้ ทิ้งลูกกำพร้ากับภรรยาม่ายและบุตรในครรภ์ที่ยังไม่ลืมตาดูโลกไว้ข้างหลัง ผู้เป็นพี่ชายจะไม่เจ็บปวดเสียใจได้อย่างไร
“ท่านแม่ ท่านวางใจได้ ข้ากลับมาเพื่อเก็บสัมภาระ ข้าจะไปพำนักที่ที่ว่าการกรมอาญานับแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่พวกเขาไม่สืบสาเหตุการตายของน้องรองให้กระจ่างแจ้ง ข้าก็จะอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านพ่อตา ข้าอยากพูดบางอย่างขอรับ” เซ่าหมิงยวนอ้าปากเอ่ยขึ้น
หญิงชราหันไปมอง เห็นเขาไม่ปริปากต่อ นางทำไม้ทำมือบอกให้สาวใช้ที่ดูแลรับใช้อยู่ในโถงออกไป “ท่านโหวมีอะไรก็พูดมาได้เลย”
เจ้ารองเป็นคนฉลาดแต่กลับใช้ไปในทางผิด ส่วนเจ้าใหญ่ก็เป็นพวกหัวดื้อเถรตรง ยามเกิดปัญหาจริงๆ ยังคงเป็นหลานเขยผู้นี้พึ่งพาได้มากกว่า
“ข้าคิดว่าการลงความเห็นสาเหตุการตายของท่านอารองของพวกเขาสามารถยอมรับได้ขอรับ”
“นี่เจ้าหมายความว่าอะไร” หลีกวงเหวินฟังแล้วหน้าบึ้งไป เขามองเซ่าหมิงยวนอย่างไม่พึงใจ
ชายหนุ่มมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งปราดหนึ่งแล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น “การตายของท่านอารองอาจเกี่ยวพันกับพรรคพวกของซู่อ๋อง…”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” พอถ้อยคำนี้ดังนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหน้าถอดสีด้วยความตกใจยกใหญ่
หลีกวงเหวินเบิกตากว้างฉับพลัน
“ข้าส่งคนไปสืบข่าวที่หลิ่งหนานจึงทราบว่าพักนี้ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวไม่ขาดสาย แม้แต่ทางราชสำนักยังส่งองครักษ์จินหลินมุ่งหน้าไปตรวจสอบ ส่วนม้าผอมที่ท่านอารองพากลับมาจากหลิ่งหนานก็น่าจะเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่ฝ่ายตรงข้ามฝึกฝนบ่มเพาะเอาไว้เพื่อใช้ดึงตัวขุนนางในราชสำนักเข้ามาพัวพันด้วย ท่านอารองอยู่ที่หลิ่งหนานหลายปี เกรงว่า…”
เซ่าหมิงยวนไม่ได้กล่าวประโยคหลังต่อจนจบ หัวใจของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็คล้ายตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
หากเจ้ารองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคพวกของซู่อ๋องจริงๆ ทันทีที่สืบพบ ชาวตระกูลหลีทั้งหมดล้วนต้องถูกฝังไปพร้อมกับเขา!
“เจ้าเดรัจฉาน!” หญิงชรารู้สึกว่ามีเลือดลมตีกลับขึ้นมาระลอกหนึ่ง นางไออย่างรุนแรงราวกับจะขาดใจตาย
เซ่าหมิงยวนรีบลูบหลังให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ทั้งยังยกน้ำชาร้อนมาให้นางดื่ม
นางดื่มน้ำชาไปสองสามคำสะกดเลือดลมกลับลงไปได้ น้ำตาก็ไหลรินลงมาทางหางตา “เจ้าลูกเนรคุณผู้นี้ ตายไปก็ไม่น่าเสียดายจริงๆ ข้าไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะกระทำเรื่องบัดซบพรรค์นี้ออกมาได้”
ครั้งนั้นเจิ้นหย่วนโหวถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลก็เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับซู่อ๋องเพียงเล็กน้อย แต่เจ้ารองถึงกับสมรู้ร่วมคิดกับพรรคพวกของซู่อ๋อง นี่เขาติงว่าคนสกุลหลียังตายไม่เร็วพอหรือไร!
ความเศร้าโศกเสียใจจางๆ จากการสูญเสียบุตรชายในใจฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งถูกแทนที่ด้วยไฟโทสะทันใด
“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเลยขอรับ น้องรองไม่ใช่คนมีสติปัญญาฉับไวมาแต่ไหนแต่ไร ท่านก็มิใช่ไม่รู้”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะเล็กด้านข้างแล้วพยักหน้า “ถูกของเจ้า วันหลังอย่าเอ่ยถึงเจ้าลูกเนรคุณผู้นั้นอีก ก็ถือเสียว่าครอบครัวเราไม่มีคนผู้นี้ ท่านโหว วันนี้ต้องขอบคุณท่านที่เอ่ยเตือน หาไม่แล้วหากต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าเรื่องบัดซบที่เจ้ารองทำไว้พวกนั้นอาจถูกใครสืบพบก็เป็นได้”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเกรงใจกันเช่นนี้จะทำให้ข้าอายุสั้นนะขอรับ พวกเราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน”
สีหน้าของหญิงชราผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางรู้สึกพึงพอใจในตัวหลานเขยผู้นี้มากขึ้นทุกทีแล้ว
“จริงสิ ท่านโหว ในเมื่อเจ้ารองเกี่ยวพันกับพรรคพวกของซู่อ๋อง เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงลักพาตัวหลานเจาไป”
เซ่าหมิงยวนชั่งใจครู่หนึ่ง
“ท่านโหว มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังจะปิดบังยายเฒ่าอย่างข้าอีกหรือ”
“เจาเจามีของสิ่งหนึ่งอยู่ในมือซึ่งโจรกบฏพวกนั้นอยากได้มาโดยตลอดขอรับ”
“สิ่งใดหรือ”
“มันเป็นของอะไรกันแน่นั้นอย่าเอ่ยออกมาจะดีกว่าขอรับ หาไม่แล้วจะดึงคนเข้ามาพัวพันมากขึ้น แต่ฮูหยินผู้เฒ่าสบายใจได้ ตอนนี้ของชิ้นนั้นไม่ได้อยู่ในมือเจาเจาแล้ว ข้าจะปล่อยข่าวนี้ออกไปในเร็ววันนี้ เชื่อว่าพอคนพวกนั้นล่วงรู้ก็จะไม่พุ่งเป้ามาที่นางอีก”
“แล้วตอนนี้ของชิ้นนั้นอยู่ในมือใคร” หลีกวงเหวินเอ่ยถาม
“อยู่ในมือข้าขอรับ”
หลีกวงเหวินเบิ่งตาโตขึ้นอีกหลายส่วน “เจ้าหมายถึงว่าเจ้าจะปล่อยข่าวว่าของชิ้นนั้นอยู่ในมือเจ้าออกไปหรือ”
“ขอรับ”
หลีกวงเหวินมองชายหนุ่มด้วยสายตาดูแคลน “เจ้าโง่งมใช่หรือไม่”
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนนิ่งขึงไป ท่านพ่อตาพูดจาตรงไปตรงมาเหลือเกิน!
พอเห็นบุตรเขยหัวทื่อยังโง่งมงายไร้สติ หลีกวงเหวินถอนใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่งก่อนยื่นมือไปจะตบบ่าเขา กลับพบว่าอีกฝ่ายตัวสูงเกินไป ได้แต่แอบเขย่งส้นเท้าขึ้นพลางกล่าวด้วยความปรารถนาดี “ข้าออกความคิดให้เจ้าอย่างหนึ่งเถอะ”
“เชิญท่านพ่อตากล่าวขอรับ”
“เจ้ารู้จักหลันซงเฉวียนกระมัง”
“บุตรชายของหลันซาน ขณะนี้รั้งตำแหน่งรองเสนาบดีกรมโยธาขอรับ”
“ถูกต้อง เขานั่นล่ะ เจ้าคนบัดซบผู้นี้ชอบรับของขวัญเป็นที่สุด เขาไร้ความเป็นคนเสียยิ่งกว่าบิดาเขา เจ้าหาเหตุผลสักอย่างส่งเจ้าเภทภัยชิ้นนั้นไปกำนัลเขาก็ได้”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงัน “…” อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ
“อ้อ แต่ถ้าของชิ้นนั้นมอบให้ใครไม่ได้ เจ้าส่งของที่คล้ายๆ กันไปให้เขาก็ได้ เอาเป็นว่าทำให้โจรกบฏพวกนั้นนึกว่าอยู่ในมือเขาเป็นอันหมดเรื่องมิใช่หรือ” หลีกวงเหวินเอ่ยแนะนำอย่างเข้าอกเข้าใจ
ไม่รู้ว่าเป็นของอะไรกันแน่ถึงให้ร้ายคน เอาเป็นว่ามอบมันให้ใครก็ได้ทั้งนั้น แต่จะทำให้บุตรสาวกับบุตรเขยเขาเคราะห์ร้ายไม่ได้
“ทำไมรึ เจ้าเห็นว่าความคิดนี้ไม่ดีหรือ” เมื่อเห็นเซ่าหมิงยวนไม่กล่าววาจา หลีกวงเหวินเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง
ชายหนุ่มยกยิ้ม “ข้ากลับไปแล้วจะเตรียมการตามนี้ขอรับ”
ในฐานะแม่ทัพผู้หนึ่ง เขาเคยชินกับการวางกลยุทธ์ชิงไหวชิงพริบ มิใช่เล่นเล่ห์เพทุบายลอบกัด ถึงกระนั้นความคิดของท่านพ่อตาดูเหมือนว่าจะไม่เลวเลย…
หลีกวงเหวินทำสีหน้าขึงขัง “เรื่องนี้เจ้าต้องจัดการโดยไว จะให้พวกนั้นปองร้ายเจาเจาอีกไม่ได้ แน่นอนว่าห้ามปองร้ายเจ้าด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าแล้วเจาเจาจะทำฉันใด”
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลงกลั้นยิ้ม “ข้าทราบแล้วขอรับ”
ถ้าเจาเจารู้ว่าท่านพ่อตาเป็นคนออกความคิด คะเนว่านางน่าจะหัวเราะอย่างขบขัน
เมื่อคิดไปเช่นนี้ เขาชำเลืองมองไปทางเรือนอุ่นอย่างห้ามใจไม่อยู่
หลีกวงเหวินทำหน้าง้ำงอโบกมือไปมา “ไปดูเจาเจาเถอะ”
ทำท่าชะเง้อชะแง้แลหาต่อหน้าต่อตาข้า เห็นแล้วหงุดหงิดใจดีแท้!
“ขอบคุณท่านพ่อตามากขอรับ” เซ่าหมิงยวนรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้สุดกำลัง แต่มุมปากยกโค้งขึ้นอย่างสุดระงับ
เขายังนึกว่าวันนี้จะไม่ได้พบเจาเจาแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อตาจะเห็นอกเห็นใจกันเช่นนี้
เซ่าหมิงยวนอดมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแวบหนึ่งไม่ได้
“ไปเถอะ” สายตาของหญิงชราเต็มไปด้วยความเอ็นดูเมตตา
“เช่นนั้นข้าไปดูเจาเจาก่อนนะขอรับ” เซ่าหมิงยวนสะกดความรู้สึกอดใจรอไม่ไหวไว้ เดินไปทางเรือนอุ่นด้วยฝีเท้าไม่เร็วไม่ช้า แต่กลับลืมก้มตัวลงจนศีรษะชนเข้ากับขอบประตู
คนบางคนกระดากอายเกินกว่าจะเหลียวกลับไปมอง รีบเดินเข้าข้างในไปทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งค่อยๆ ดึงสายตากลับ ภายในจิตใจที่หนักอึ้งของนางมีความอิ่มเอมใจแทรกขึ้นมาจางๆ
ดูจากท่าทีนี้แล้วท่านโหวจริงใจต่อหลานเจาอย่างแท้จริง อย่างน้อยวันหน้านางก็หมดห่วงหลานสาวคนที่สามได้แล้ว