หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 713
บทที่ 713
หากองค์หญิงเจินเจินตั้งใจจะลงมือกับนาง การเยี่ยมไข้หนนี้คือโอกาสที่ดีที่สุด ถ้ามาอีกเป็นครั้งที่สองจะทำให้คนระแวงแคลงใจได้
แต่ว่านอกจากทิ้งขนมไว้ให้กล่องหนึ่ง นางก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ครั้นนึกโยงไปถึงน้ำเสียงกับสีหน้ายามกล่าววาจาขององค์หญิงเจินเจิน ในหัวเฉียวเจามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นโดยพลัน
องค์หญิงเจินเจินคงจะไม่ได้…
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่” พอเห็นเฉียวเจาหน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน ปิงลวี่รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ปิงลวี่ เจ้าไปเรียกเฉินกวงมาหาข้าที”
“เรียกมาที่นี่หรือเจ้าคะ” ปิงลวี่อึ้งงันไป
“ใช่ รีบไป!”
“อ้อ ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่นานนักเฉินกวงก็ถูกปิงลวี่ลากเข้ามาแล้ว
“คุณหนูสาม ท่านอยากพบข้ามีเรื่องใดหรือขอรับ”
แย่แล้ว…นี่เป็นห้องส่วนตัวของคุณหนูสาม ข้าเข้ามาแบบนี้ ท่านแม่ทัพรู้เข้าต้องฆ่าข้าตายกระมัง
“องครักษ์จินหลินที่มาส่งข่าวถึงเจ้าเป็นคนไหนหรือ” เฉียวเจาไต่ถาม
“เป็นเจียงเฮ่อผู้นั้นขอรับ คนที่ชอบปลอมตัวเป็นขอทาน”
“เจ้าไปหาเขา บอกเขาว่าข้าอยากพบใต้เท้าของเขา”
“อะไรนะ!” เฉินกวงตกใจยกใหญ่
คุณหนูสามอยากพบองครักษ์จินหลินหน้าเนื้อใจเสือผู้นั้น? ข้าเพิ่งเยาะเย้ยเจียงเฮ่ออย่างสาแก่ใจไปยังไม่ทันขาดคำ เหตุใดคุณหนูสามก็จะพบหน้ากับเจ้านายของอีกฝ่ายแล้วเล่า
“เจ้ารีบๆ ไปจัดการ ข้ามีเรื่องด่วน” พอเฉียวเจาพูดมากๆ ก็จะกระทบกระเทือนบาดแผล ส่งผลให้มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมบนหน้าผากแล้ว
อาจูหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้นางเงียบๆ
“เจ้าไปเร็วเข้าสิ มัวยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใดกัน” ปิงลวี่เห็นเฉินกวงนิ่งงันไปก็ยกเท้าเตะเขาทีหนึ่ง
เฉินกวงถึงได้สติ เขาวิ่งไปถึงลานเรือนแล้วย้อนกลับมา “คุณหนูสาม พวกท่านจะพบกันที่ใดขอรับ”
เขาเข้าห้องส่วนตัวของคุณหนูสามยังพอทำเนา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านแม่ทัพ นางสามารถเห็นเขาเป็นเช่นดาบเล่มหนึ่งของท่านแม่ทัพได้เต็มที่ แต่ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินเป็นบุรุษผู้หนึ่ง!
เอ๊ะ แต่พูดอย่างนี้ดูเหมือนมีตรงใดไม่ถูกต้องนะ…
เฉียวเจาคิดๆ แล้วเอ่ยบอก “ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง เจ้าพาเขาปีนกำแพงเข้ามา”
สภาพร่างกายในขณะนี้ทำให้นางออกไปข้างนอกไม่ไหว แต่ครั้นจะพบกับผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินในโถงรับรองอย่างเปิดเผยก็ทำไม่ได้อีก เช่นนั้นมีเพียงสวนดอกไม้ด้านหลังที่พอแก้ขัดไปได้
“ทำไมรึ มีปัญหาหรือ” พอเห็นเฉินกวงยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้ เฉียวเจาขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“มีคำถามเดียวขอรับ” เฉินกวงชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว
“ว่ามา”
“ท่านคงไม่บอกท่านแม่ทัพกระมัง”
พาบุรุษอื่นปีนกำแพงเข้ามาพบปะกับคุณหนูสามในสวนดอกไม้ด้านหลัง ท่านแม่ทัพต้องสับเขาเป็นชิ้นๆ โยนให้สุนัขกินแน่
“ไม่บอก เจ้ารีบไปได้แล้ว ข้ามีเรื่องด่วน”
รอกระทั่งเฉินกวงไปแล้ว เฉียวเจาถึงหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
หากคนผู้หนึ่งมีความคิดฆ่าตัวตาย นางใช้วิธีวัวหายล้อมคอกเฉกนี้เกรงว่าจะไม่ทันการณ์ คงได้แต่ทำสุดความสามารถแล้วปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตสวรรค์
“อาจู สางผมประทินโฉมให้ข้าเถอะ”
“คุณหนูหลีต้องการพบข้า?” เจียงหย่วนเฉาได้ยินคำรายงานของเจียงเฮ่อแล้วแปลกใจอยู่บ้าง เขาลุกขึ้นทันทีทันใด ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าที่ด้านข้างห้องหนังสือ ถอดเสื้อคลุมสีแดงออกแล้วเปลี่ยนใส่ชุดลำลอง
เฉินกวงรออยู่ด้านนอก เขาเห็นเจียงหย่วนเฉาออกมาก็เบะปากอย่างสุดระงับ
แต่งกายเสียเรียบร้อยหมดจดเช่นนี้ด้วยเหตุใด มิใช่ลักลอบนัดพบกับหญิงสาวสักหน่อย
“คุณหนูหลีรอข้าอยู่ที่ไหน” เจียงหย่วนเฉาเอ่ยถามเฉินกวง
“จวนสกุลหลี”
เจียงหย่วนเฉาได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักเท้ากึก
ด้วยตำแหน่งฐานะของเขาไปที่จวนสกุลหลีกลับไม่เหมาะสม โดยเฉพาะหลังจากฮ่องเต้เพ่งเล็งนางอยู่
“ใต้เท้าเจียงเร่งฝีเท้าสักนิดได้หรือไม่ คุณหนูสามมีเรื่องด่วนอยากพบท่าน”
เจียงหย่วนเฉาพยักหน้ารับ
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงจวนสกุลหลีในเวลาอันสั้น
“ใต้เท้าเจียง พวกเราอ้อมตรอกสายนี้ไปเข้าทางด้านหลัง”
เจียงหย่วนเฉาหลากใจ “ข้าจำได้ว่าจวนสกุลหลีทางนั้นไม่มีประตูหลัง”
เฉินกวงแค่นเยาะในใจ จำได้แม่นยำนักนะ!
“ใครบอกว่าจะเข้าทางประตูหลัง เราต้องปีนกำแพง!”
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงัน “…”
ตอนได้พบกับเฉียวเจาในสวนดอกไม้ด้านหลังของจวนสกุลหลี เจียงหย่วนเฉาไม่รู้จะวางสีหน้าเช่นไรดีอย่างกะทันหัน สุดท้ายจึงทำหน้าเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ใด “อยากพบข้ามีเรื่องใดหรือ”
“ฮ่องเต้ต้องการเอาชีวิตข้าหรือ”
เขานิ่งเงียบไปเล็กน้อยแล้วทอดถอนใจ “ท่านยังคงฉลาดหลักแหลมและใจกล้าปานนี้”
“ขอบคุณใต้เท้าเจียงเป็นอันมากที่เตือนให้ข้าทราบ” เฉียวเจายอบกายเล็กน้อย
เจียงหย่วนเฉายื่นมือไปจะพยุงนางโดยไม่รู้ตัว พอคิดขึ้นได้ก็กระตุกมือกลับ “ร่างกายท่านมีบาดแผล อย่าขยับตัวโดยไม่จำเป็น”
เฉียวเจามองเขาปราดหนึ่ง
“วันนี้ให้ข้ามาพบที่นี่ คงมิใช่แค่ขอบคุณข้ากระมัง”
“วันนี้องค์หญิงเก้ามาหาข้าและมอบขนมให้กล่องหนึ่ง”
“ท่านไม่ได้แตะต้องมันกระมัง” เจียงหย่วนเฉารู้ดีว่าด้วยสติปัญญาของเฉียวเจาไม่มีทางพลาดท่าเสียที แต่เขายังคงสะกดไฟโทสะที่พลุ่งขึ้นกลางอกไม่อยู่
โอรสสวรรค์ผู้ทรงเกียรติเล่นงานสตรีในห้องหอนางหนึ่งเยี่ยงนี้ ช่างน่าเหยียดหยันดูแคลนจริงๆ
“ขนมไม่มีปัญหา แต่ข้าเป็นห่วงว่าองค์หญิงเก้าจะมีปัญหา”
เจียงหย่วนเฉาเลิกคิ้วขึ้น “ท่านหมายถึง…”
เฉียวเจาชั่งใจนิดหนึ่งก่อนบอกการคาดเดาของตนออกมา “ข้ากลัวว่านางจะคิดสั้น จึงอยากขอให้ใต้เท้าเจียงไปดูเหตุการณ์สักหน่อย”
เจียงหย่วนเฉานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจถึงเอ่ยขึ้น “หากเป็นแบบนี้จริงๆ จะทันการณ์ได้อย่างไร”
“ข้าคิดว่าถึงคนในวังหลวงอยากกำจัดข้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำอย่างโจ่งแจ้งเกินไป ด้วยเหตุนี้มีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนที่จะใช้ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ถ้าองค์หญิงเก้าถูกบีบให้กินยาพิษล่ะก็ยังมีโอกาสช่วยนางได้ทัน”
“เพราะอะไรท่านต้องทำเช่นนี้” เจียงหย่วนเฉาถามอย่างตรงไปตรงมา
เฉียวเจาเหลือบตาขึ้นอย่างประหลาดใจคล้ายไม่เข้าใจคำถามของเขา
“หากองค์หญิงเก้าเลือกที่จะจบชีวิตตน แสดงว่านางรู้ว่าทำงานไม่สำเร็จจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ถ้าอย่างนั้นต่อให้ช่วยชีวิตนางไว้ได้ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้นอยู่ดี ท่านช่วยนาง แล้วรู้หรือไม่ว่านางเต็มใจอยากให้ช่วย”
เฉียวเจาส่ายหน้า “ข้าไม่รู้หรอกว่านางเต็มใจหรือไม่ แต่ในเมื่อรู้เรื่องนี้แล้วก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ อย่างน้อย…”
เฉียวเจาถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “อย่างน้อยให้โอกาสนางได้เลือกว่าจะเป็นหรือตายอีกครั้งหนึ่ง”
“ตกลง ข้าช่วยท่าน”
ครั้นเจียงหย่วนเฉารับปากอย่างง่ายดายเพียงนี้ เฉียวเจากลับนึกกระดากใจ
ทั้งที่คนทั้งคู่ยืนอยู่กันคนละฝ่าย นางกลับขอให้เขาช่วยเหลือ หากว่ากันตามสัตย์จริงเป็นนางที่ทำไม่ถูก เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของผู้บริสุทธิ์ นางไม่มีหนทางอื่นจริงๆ
“น้ำใจที่ใต้เท้าเจียงยอมให้ความช่วยเหลือ ข้าจะตอบแทนท่านในวันหลังแน่นอน”
เขาเพ่งมองสีหน้าเอาจริงเอาจังของเด็กสาวแล้วยิ้มขื่นๆ “ท่านจะต้องวางตัวห่างเหินกันขนาดนี้ให้ได้หรือ”
เฉียวเจาเฉไฉไม่ตอบ นางหยิบขวดกระเบื้องใบหนึ่งในแขนเสื้อยื่นส่งให้ “ในนี้เป็นยาถอนพิษ รบกวนใต้เท้าเจียงนำสิ่งนี้ไปมอบให้ถึงมือองค์หญิงเก้าด้วย”
“ถอนพิษได้ทุกขนาน?” เจียงหย่วนเฉาหมุนคลึงขวดกระเบื้องในมือเล่นๆ อย่างสนอกสนใจหลายส่วน หาได้มีท่าทางใส่ใจในความเป็นความตายขององค์หญิงเจินเจินไม่
“ไม่ถึงกับถอนพิษได้ทุกขนาน ยาพิษชนิดต่างๆ เดิมก็มีจุดคล้ายคลึงกัน ตราบเท่าที่ไม่ใช่พิษรุนแรง กินยานี้เข้าไปก็สามารถขจัดหรือระงับฤทธิ์ของมันได้ส่วนหนึ่ง ช่วยให้มีเวลารักษาเพิ่มขึ้น…”
เฉียวเจาอธิบายอย่างละเอียด แต่เจียงหย่วนเฉากลับยิ้มเยาะตนเอง
ครั้งนี้ดูเหมือนนางจะพูดกับเขายาวที่สุดและมีน้ำอดน้ำทนมากที่สุด
“เข้าใจแล้ว ข้าจะนำสิ่งนี้มอบให้ถึงมือองค์หญิงเก้า ท่านวางใจได้”
เฉียวเจานิ่งคิดแล้วหยิบขวดกระเบื้องออกมาอีกใบ “ส่วนขวดนี้ขอมอบให้ใต้เท้าเจียงเจ้าค่ะ”
เจียงหย่วนเฉาเอาขวดกระเบื้องเก็บไว้ในอกเสื้อแล้วหัวเราะเสียงเบาๆ
นี่คือติดสินบนเขาก่อน เพื่อให้เขาตั้งใจทำงานให้ดีใช่หรือไม่
คุณหนูเฉียวฉลาดปราดเปรื่อง แต่มีบางครั้งยังมีนิสัยคล้ายเด็กหญิงน้อยๆ ผู้หนึ่ง
ซึ่งเผอิญว่า…เขาชมชอบ
“ข้าไปล่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วจะส่งคนมาบอกข่าวกับเฉินกวง” เจียงหย่วนเฉาอมยิ้มมุมปากพลางสาวเท้าก้าวใหญ่จากไป
เฉียวเจาให้อาจูประคองเดินกลับไปช้าๆ
หนี้น้ำใจยากชดใช้ ทว่าติดค้างคนที่คิดเกินเลยกับตนเองนั้นชดใช้ได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงกระนั้นเทียบกับชีวิตคนทั้งคน ก็คุ้มค่าแล้ว
วันหน้านางจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ชดใช้หนี้น้ำใจในครั้งนี้ให้แก่เขา