หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 73
เหตุการณ์ดำเนินไปตามคำกล่าวของสาวใช้น้อยปิงลวี่ดังคาด หลายวันที่ผ่านมา หลีเจียวล้วนยกเหตุผลว่าป่วยเก็บตัวอยู่ในห้องมิได้ไปสำนักศึกษาหญิง ส่วนพวกคุณหนูสี่ประจักษ์ถึงความร้ายกาจของเฉียวเจาแล้วก็ไม่กล้าก่อกวน ด้านคุณหนูใหญ่หลีเจี่ยวในตอนนี้ก็นับว่าสงบเสงี่ยมดี ส่งผลให้ชีวิตของเฉียวเจา ณ ขณะนี้เริ่มสุขสงบไร้คลื่นลม
ทุกวันนางจะไปแสดงคารวะต่อผู้อาวุโสตรงเวลา ไปสำนักศึกษาหญิง ฟังท่านพ่อเล่าเรื่อง ยามว่างก็สอนสาวใช้เดินหมาก นับได้ว่าผ่านเวลาแต่ละวันไปได้อย่างไม่ยากทานทน พริบตาเดียวก็ถึงวันที่ต้องไปอารามซูอิ่งแล้ว
เช้าตรู่ เฉียวเจาแต่งกายพร้อมพรักนั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะประทินโฉมให้อาจูสางผมแล้ว
พวกเด็กสาวยังไม่ต้องเกล้าผมเป็นมวยแบบสลับซับซ้อน อาจูมุ่นมวยแกละให้นางอย่างชำนิชำนาญเสร็จ เลือกปิ่นมุกลายดอกไม้ประดับทับทิมจากลิ้นชักหีบคันฉ่องมาลองทาบกับเรือนผม นางเห็นเฉียวเจาเลิกคิ้วขึ้น
อาจูเป็นคนละเอียดอ่อน เห็นดังนั้นก็เก็บปิ่นดอกไม้กลับเข้าที่เดิมอย่างรู้กาลเทศะทันที
เวลานี้เองปิงลวี่วิ่งเข้ามา พวงแก้มแดงระเรื่อจากการออกแรงวิ่ง นางถือดอกติงเซียง* ช่อหนึ่งด้วยสองมือ ไต่ถามเฉียวเจา คุณหนู สวยหรือไม่เจ้าคะ
ดอกไม้ดอกเล็กสีขาวอมม่วงเป็นพวงๆ ยังมีหยดน้ำค้างเกาะอยู่ดูงดงามบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมสดชื่น
เฉียวเจาจึงกล่าวขึ้น สวยมาก
ปิงลวี่ได้ยินแล้วยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง นางเลือกดอกติงเซียงสดใหม่ที่สุดสองพวงเสียบประดับมวยผมของเฉียวเจา
เด็กสาวในคันฉ่องมีเรียวคิ้วโก่งดังคันศร มวยผมดำสลวยล้อมกรอบด้วยดอกไม้เล็กๆ สีขาวอมม่วง ขับเน้นให้แต้มไฝแดงตรงหว่างคิ้วดูโดดเด่นจับตาขึ้นทันทีทันใด
อาจูรอคำสั่งจากเฉียวเจา
นางผงกศีรษะ พอแล้วล่ะ
วิหคเขียวมิส่งสารนอกเมฆา ติงเซียงในม่านฝนโศกโศกา
ชื่อดอกติงเซียงนี้กลับพ้องกับสภาพการณ์ในยามนี้ของนางเป็นอย่างยิ่ง
ปิงลวี่จับๆ ดึงๆ เสื้อกั๊กสีชมพูบานเย็นบนตัว คุณหนู วันนี้ข้าสวมอาภรณ์ตัวนี้งามหรือไม่เจ้าคะ
เด็กสาวอ่อนเยาว์ใส่ชุดสีสันสดใสเช่นนี้ล้วนชวนมอง เฉียวเจาพยักหน้าพูดชมจากใจจริง งามมาก
ปิงลวี่โล่งอก คุณหนูรู้สึกว่างามก็พอแล้ว แค่คิดถึงว่าต้องไปอารามซูอิ่ง ข้าก็ไม่รู้ว่าจะแต่งกายอย่างไรดีเจ้าค่ะ
เฉียวเจาเดินออกไปพลางฟังสาวใช้พูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายโดยปราศจากสีหน้ารำคาญสักน้อยนิด
สองนายบ่าวก้าวเข้าโถงใหญ่ของเรือนหยาเหอไปแสดงคารวะต่อเหอซื่อก่อน
เหอซื่อรออยู่ในนั้นแต่แรก นางเห็นเฉียวเจาแล้วตาเป็นประกาย ลุกขึ้นเข้าไปจูงมือบุตรสาว เจาเจา เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่
หลับสบายมากเจ้าค่ะ เฉียวเจาสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตามารดา แววตาของนางไหววูบหนึ่ง
เหอซื่อกล่าวอย่างกระดากใจ พอคิดว่าเจ้าจะไปอารามซูอิ่งวันนี้ แม่นอนไม่หลับทั้งคืน ประเดี๋ยวก็ตื่นเต้นที่เจาเจาของข้าจะไปพบอู๋เหมยซือไท่แล้ว ประเดี๋ยวก็เป็นห่วงว่าเจ้าจะสร้างความไม่พึงใจให้ท่านซือไท่โดยไม่ทันระวัง
เฉียวเจาฟังแล้วอบอุ่นในอกจางๆ นางหงายมือขึ้นกุมมือเหอซื่อพร้อมพูดปลอบ ท่านแม่วางใจได้ ข้าเคยพบกับท่านซือไท่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ
อื้อ จริงสินะ เจาเจาเคยพบท่านมาแล้ว เหอซื่อฉุกคิดขึ้นได้ นางจูงเฉียวเจาเดินไปข้างนอก พวกเรารีบไปคารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่ากันเถอะ
สองแม่ลูกเดินออกจากเรือนก็เห็นหลีกวงเหวินยืนอยู่กลางลานเรือน
ใต้แสงอรุณรุ่ง หลีกวงเหวินในชุดลำลองสีเขียวยืนสง่าอยู่ตรงนั้น รอบกายละม้ายอาบไล้ด้วยประกายแสงเรื่อเรือง ทำให้เหอซื่อบังเกิดความรู้สึกรางๆ ประหนึ่งว่ากาลเวลาสิบกว่าปีนี้มิเคยทิ้งร่องรอยไว้บนตัวบุรุษผู้นี้ รูปโฉมโนมพรรณของเขายังคงเดิมเฉกเดียวกับแวบแรกที่นางเห็นเขา
ท่าน…ท่านพี่ วันนี้ไม่ไปที่ว่าการหรือเจ้าคะ ทันทีที่เห็นหลีกวงเหวิน ความดุดันปากร้ายของเหอซื่อล้วนอันตรธานหายไปสิ้น เหลือแต่เสียงพูดตะกุกตะกัก
หลีกวงเหวินนิ่งเงียบอึดใจหนึ่งก่อนตอบ วันนี้เป็นวันพัก
เขาทอดสายตาข้ามตัวเหอซื่อมองตรงไปที่ตัวเฉียวเจา
ถ้าเจาเจาเป็นบุตรชายก็คงดี เช่นนั้นเขาก็ให้นางอยู่ข้างกายตลอดเวลาได้ จะเดินหมากหรือดูนางเขียนตัวอักษรเมื่อไรก็สะดวก น่าเสียดายเป็นบุตรสาว เหอซื่อเลยโชคดีโดยไม่ต้องทำอะไร
หลีกวงเหวินตวัดหางตามองภรรยาอย่างไม่พึงใจอยู่มาก
เอ่อ…วันพักนั่นเอง วันพักก็ดีเจ้าค่ะ… พอเหอซื่อตกประหม่าก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เฉียวเจาทนฟังต่อไปไม่ได้จริงๆ นางเอ่ยถามหลีกวงเหวิน ท่านพ่อมีธุระหรือเจ้าคะ
อื้อ ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าจะไปเยี่ยมคารวะอู๋เหมยซือไท่หรือ
เจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินพยักหน้า กล่าวปลอบบุตรสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ต้องตื่นเต้นนะ แม้ว่าเมื่อก่อนอู๋เหมยซือไท่จะมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แต่บัดนี้ออกบวชแล้ว ไม่ว่าคนภายนอกจะมองเช่นไร นางก็คือผู้ทรงศีลผู้หนึ่ง
เฉียวเจายิ้มแล้ว ทราบแล้วเจ้าค่ะ ไม่ตื่นเต้นเจ้าค่ะ
ไม่ตื่นเต้น?
หลีกวงเหวินอ้าปากออก ถ้อยคำที่เตรียมคิดไว้ล่วงหน้าจนเต็มหัวพลันหมดประโยชน์เสียแล้ว
บุตรสาวกล่าวเช่นนี้จะไม่ให้เขาพูดปลุกปลอบตามหน้าที่ของผู้เป็นบิดาแล้วหรือ
เฉียวเจามองเขาเงียบๆ ไฉนรู้สึกว่าท่านพ่อตกประหม่าอยู่
ไม่ตื่นเต้นก็ดี อย่างนั้นข้าออกจากเรือนก่อนล่ะ วันนั้นได้ยินผู้รับใช้ในร้านหนังสือจี๋กู่บอกว่าวันนี้ที่ร้านจะวางขายหนังสือเรื่องเล่าเล่มใหม่ เขาไปแย่งซื้อสักเล่มได้พอดี
หลีกวงเหวินมิได้แยแสเหอซื่อ กล่าวคำนี้กับเฉียวเจาจบแล้วก็หมุนกายเดินไปถึงหน้าประตู แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาจึงหยุดฝีเท้าหันหลังมาบอกอย่างขึงขัง เจาเจา ถ้าอยู่ที่อารามซูอิ่งแล้วอึดอัดใจ วันหน้าก็ไม่ต้องไปแล้วนะ
เขาไม่เคยหวังพึ่งพาบุตรสาวไต่เต้าเลื่อนตำแหน่ง เป็นคนแต่งตำราพงศาวดารในสำนักราชบัณฑิตแสนสบายอยู่ว่างๆ ก็อู้งานได้ ถึงแม้เบี้ยหวัดจะน้อยไปสักนิด ปกติไม่มีเงินคล่องมือ ดีที่นอกจากซื้อเรื่องเล่าปกิณกะบ้างแล้วก็ไม่มีอะไรใช้สอยมากนัก
สำหรับเหอซื่อนั้น นางมีเงินมีทองไม่ต้องให้เขาเลี้ยงดู อีกทั้งเขาก็เลี้ยงไม่ไหว
เฉียวเจานิ่งงันไปก่อนเม้มปากยิ้ม ทราบแล้วเจ้าค่ะ
หลีกวงเหวินถึงเดินเอ้อระเหยลอยชายออกไปอย่างสบายใจเต็มที่
เหอซื่อยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ที่เดิมเป็นนาน
เฉียวเจายื่นมือไปวางทาบหลังมือของอีกฝ่าย ท่านแม่ พวกเราไปเรือนชิงซงกันเถอะเจ้าค่ะ
เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ นางยื่นมือแทรกส่งเดชหาได้เหมาะสมไม่
ใช่ว่าคนจิตใจดีเหมือนกันสองคนเหมาะจะครองคู่กันเสมอไป
ดังเช่นเหอซื่อกับหลีกวงเหวินตรงหน้า หรืออดีตองค์หญิงใหญ่กับท่านปู่
คำว่า ‘รัก’ ช่างทำให้คนเป็นทุกข์ทบทวีโดยแท้
เฉียวเจาผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับบุรุษใดนึกสะทกสะท้อนใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกำลังรอคอยเฉียวเจามาหาอยู่ เห็นนางเข้าประตูมาก็มองสำรวจขึ้นๆ ลงๆ นางแต่งกายเรียบง่ายดุจเก่า มีแค่ดอกติงเซียงบนเรือนผมเป็นสีสันสดใสหนึ่งเดียว กลับเสริมส่งให้ดูงามกระจ่างตาไปทั้งสรรพางค์กายยิ่งขึ้น
อื้อ รูปโฉมของหลานเจาถอดเค้ามาจากเหอซื่อ ในบรรดาหลานๆ ของทั้งจวนตะวันออกตะวันตกจัดได้ว่าโดดเด่นที่สุด
มาตรว่าเด็กสาวสวมอาภรณ์เช่นนี้จะดูสมถะเกินไป แต่กลับพอเหมาะพอสมอย่างหาได้ยาก
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลอบแก้ต่างแทนหลานสาวในใจ ครั้นกวาดตาไปมองปิงลวี่ที่ตามหลังมาติดๆ แวบหนึ่งก็อดชอบใจมิได้
สาวใช้ผู้นี้สวมสีชมพูบานเย็นทั้งชุดกลับเป็นมงคล
เตรียมตัวพร้อมหมดแล้วหรือ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกวักมือเรียกเฉียวเจา
นางแสดงคารวะแล้วเดินเข้าไปหา พร้อมแล้วเจ้าค่ะ
อันที่จริงไม่มีอะไรจำเป็นต้องเตรียมทั้งสิ้น ตัวไปให้ถึงเท่านั้นเป็นพอ
ดังนั้นทั่วทั้งจวนนี้ คงมีนางคนเดียวที่ไม่ตื่นเต้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดึงเฉียวเจามาพูดกำชับกำชาสองสามคำเช่นเดียวกับเหอซื่อและหลีกวงเหวิน ถึงพูดเร่งให้นางออกจากเรือน
ในตอนนี้เองชิงอวิ๋นเดินเข้ามารายงาน ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเซียงจวินของจวนตะวันออกส่งคนมาบอกว่าเตรียมรถม้าให้คุณหนูสามแล้วเจ้าค่ะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหุบยิ้มมุมปาก กล่าวเสียงเรียบเฉย ฝากความกลับไปถึงคนของจวนตะวันออก บอกว่าข้าเป็นคนพูดแล้วกันว่าคุณหนูสามออกไปแล้ว
หรือว่าจวนตะวันตกไม่มีรถม้ากันเล่า
ฮึ…รถม้าของจวนตะวันตก หลานสาวก็ต้องเป็นคนของจวนตะวันตกน่ะสิ ต่อแต่นี้ทางที่ดียายเฒ่าเซียงจวินใจไม้ไส้ระกำของจวนตะวันออกผู้นั้นอยู่ห่างๆ จากเรือนตะวันตกยิ่งไกลเท่าใดได้ก็ยิ่งดี!
ด้วยเหตุฉะนี้เฉียวเจานั่งรถม้าคันเล็กของจวนตะวันตกออกจากเรือนมุ่งหน้าไปวัดต้าฝู
* ดอกติงเซียง หมายถึงดอกไลแล็ก ออกดอกเป็นช่อ แต่ละช่อมีดอกหนาแน่นมาก ลักษณะของดอกคล้ายกับปมเงื่อนเล็กๆ ที่เกาะเกี่ยวกัน จากลักษณะดังกล่าวทำให้ชาวจีนนำมาเปรียบเปรยกับความทุกข์ร้อน ปมปัญหาที่ยังไม่คลี่คลาย ดอกติงเซียงจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ดอกร้อยปม’