หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 733
บทที่ 733
พอเฉียวเจากลับถึงจวนสกุลหลี ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็เรียกนางไปถามไถ่
พอได้ยินว่าหลีเจี่ยวปลอดภัย หญิงชราก็บอกให้คนรับใช้ออกไปก่อนถึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “หลานเจา เด็กในท้องพี่เจี่ยวของเจ้า…เป็นชายหรือหญิง”
นางมองสบสายตาสงบนิ่งของท่านย่าแล้วลังเลใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “หญิงเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งระบายลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง เผยรอยยิ้มออกมา “บุตรสาวดี บุตรสาวดีแล้ว”
ถ้ำเสือแดนมังกรพรรค์อย่างนั้น เด็กยังไม่ถือกำเนิดก็พบอุปสรรคมากมายแล้ว ทันทีที่คลอดออกมาเป็นโอรสองค์โตของรุ่ยอ๋องต้องมีอันตรายทุกฝีก้าวเป็นแน่แท้ จะมีชีวิตอยู่จนเติบใหญ่ได้หรือไม่ยังเป็นปัญหาใหญ่
ส่วนบุตรสาวนั้นดีอย่างยิ่ง บัดนี้รุ่ยอ๋องไม่มีโอรสธิดาสักพระองค์ ได้เป็นธิดาองค์โตของวังรุ่ยอ๋องไม่ต้องคับข้องหมองใจ หลานสาวคนโตของนางก็นับว่ามีที่พึ่งพาไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แล้ว
“หลานเจา เจ้าก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” เฉียวเจาออกจากเรือนชิงซงกลับไปชำระกายผลัดอาภรณ์ที่ห้อง จากนั้นไปที่เรือนของเหอซื่อ
บุตรชายที่เหอซื่อให้กำเนิดมีชื่อว่าฝูเกอเอ๋อร์ ขณะนี้วัยย่างสี่เดือนแล้ว เพราะคลอดก่อนกำหนดทำให้รูปร่างเล็กกว่าทารกในวัยเดียวกันไปบ้าง แต่น้ำหนักตัวไม่น้อยเลย ดูไปแล้วอ้วนจ้ำม่ำ วันทั้งวันมักนอนหลับเป็นส่วนใหญ่ เวลาที่เหลือก็คือกินนม เขาเป็นเด็กดีเลี้ยงง่าย น้อยครั้งนักที่ร้องไห้งอแง
“เจาเจามาแล้วหรือ” เมื่อเห็นบุตรสาวเข้าห้องมา เหอซื่อยิ้มหน้าบานและกวักมือเรียกนางให้มาใกล้ๆ “มาดูน้องชายของเจ้าเร็วเข้า วันนี้เขาพลิกตัวได้แล้วนะ”
เฉียวเจายังไม่ทันได้พูด สุ้มเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น
“ฝูเกอเอ๋อร์พลิกตัวได้แล้วหรือ” หลีกวงเหวินพุ่งปราดเข้ามา และยื่นมือไปจะอุ้มฝูเกอเอ๋อร์
เหอซื่อตีหลังมือสามีเบาๆ “ไปล้างมือเจ้าค่ะ”
พอเห็นเขากุลีกุจอไปล้างมือ นางก็โคลงศีรษะพลางพูดบ่นกับบุตรสาว “เดี๋ยวนี้คนสุภาพนิ่งขรึมอย่างท่านพ่อเจ้าก็กลายเป็นพวกใจร้อนลุกลี้ลุกลนเสียแล้ว”
เฉียวเจาหัวเราะขบขันในท่าทีของบิดาและมารดานาง
ท่านพ่อเคยสุภาพนิ่งขรึมด้วยหรือ สมดังคำกล่าวว่าความรักทำให้คนตาบอดจริงๆ
นางยื่นมือไปแตะมือของน้องชาย
ฝ่ามือของทารกอวบๆ ป้อมๆ ตรงข้อนิ้วบนหลังฝ่ามือเป็นรอยบุ๋มเล็กๆ เรียงกันไป เห็นแล้วมันเขี้ยวอยากกัดสักคำ
ฝูเกอเอ๋อร์รู้สึกถึงสัมผัสของพี่สาว เขาลืมตาขึ้น ขยับมือเล็กๆ กำนิ้วมือของนางไว้
เหอซื่อดีใจเหลือหลาย “เจาเจา น้องชายของเจ้าชอบเจ้านะ”
เฉียวเจาเขย่ามือน้องชายเบาๆ
ฝ่ามือของทารกก็เล็กแค่นั้น แต่เขาออกแรงกำนิ้วของนางไว้แน่น ดวงตาสีดำกลมโตคล้ายผลองุ่นคู่นั้นมองนางอย่างจดจ่อจริงจังด้วยความสนใจใคร่รู้
ตรงกลางอกเฉียวเจามีกระแสไออุ่นไหลรินผ่าน
ที่จับมือนางอยู่นี้คือพี่น้องแท้ๆ สายเลือดเดียวกับนาง
อีกไม่นานทารกน้อยผู้นี้ก็จะหัดเรียกขานนางว่า ‘พี่สาว’ ได้ เมื่อเขาเติบโตขึ้นในวันหน้า หากนางอยู่ที่เรือนสามีโดนข่มเหงรังแก เขายังก้าวออกมาเข้าข้างนางและชกพี่เขยสักตั้งได้
เอ่อ…เรื่องนี้ดูเหมือนจะยากลำบากอยู่สักนิด
ครั้นคิดถึงตรงนี้ เฉียวเจาก็อดยิ้มไม่ได้
ฝูเกอเอ๋อร์ยิ้มตามราวกับรับรู้ถึงอารมณ์เบิกบานใจของพี่สาวได้
“ฝูเกอเอ๋อร์พลิกตัวได้แล้วจริงๆ หรือ” หลีกวงเหวินล้างมือและผลัดอาภรณ์เป็นชุดอยู่กับเรือนแล้วเดินเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นเต้นคึกคัก
“เป็นแล้วเจ้าค่ะ เมื่อเช้าเขานอนเล่นอยู่ จู่ๆ ก็พลิกกายทีหนึ่ง”
หลีกวงเหวินมีสีหน้าตื่นเต้นมากขึ้น เขายื่นมือไปหยิกแก้มบุตรชาย “ฝูเกอเอ๋อร์ พลิกตัวให้ท่านพ่อดูทีสิ”
ฝูเกอเอ๋อร์เบะปากแผดเสียงร้องไห้จ้าทันที
เหอซื่อกล่อมบุตรชายพลางมองค้อนสามีวงหนึ่ง “มีใครมือไม้หนักเช่นท่านพี่ที่ไหนกัน ผิวทารกบอบบาง หยิกได้อย่างไรกัน”
หลีกวงเหวินหัวเราะฝืดๆ อย่างไม่รู้ว่าจะพูดตอบคำใด
ตอนที่หลีฮุยเกิดเขายังหนุ่มมาก เห็นร่างเล็กกระจ้อยร่อยนั่นก็ทำอะไรไม่ถูก เป็นเหตุให้ไม่เคยกล้าหยิกแก้มอีกฝ่าย ไหนเลยจะรู้ว่าทารกน้อยโดนหยิกทีเดียวก็ร้องไห้แล้ว
ฝูเกอเอ๋อร์หยุดร้องไห้ ทำปากเบะมองบิดาเขม็ง หลีกวงเหวินฉีกยิ้มกว้างเต็มหน้า “ฝูเกอเอ๋อร์เก่งจริงๆ พลิกกายทีสิ”
เด็กน้อยเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้อีก
เส้นเลือดตรงขมับของเหอซื่อเต้นตุบๆ “ท่านพี่ ท่านออกไปดีกว่า”
ทว่านิสัยดึงดันไม่ยอมแพ้ของหลีกวงเหวินถูกกระตุ้นขึ้นแล้ว เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง “ข้าไม่เชื่อหรอก ข้าเป็นบิดาเขา เจ้าลูกผู้นี้จะกล้าไม่เชื่อฟังรึ”
เขาพูดพร้อมกับยื่นมือไปตีก้นเล็กๆ ของบุตรชาย “ฝูเกอเอ๋อร์ พลิกตัว!”
“เด็กเล็กขนาดนี้ยังฟังไม่รู้เรื่องหรอกเจ้าค่ะ” เหอซื่อทำปากเบะ
สิ้นเสียงนางไม่ทันไร ทารกน้อยกลับยกก้นพลิกตัวอยู่ในท่านอนคว่ำบั้นท้ายชี้ฟ้า
หลีกวงเหวินหัวเราะร่าอย่างได้ใจ “เห็นหรือไม่เล่า ข้าเป็นบิดาเขา เขาจะอายุน้อยแค่ไหนก็ต้องเชื่อฟังข้า…”
แต่แล้วเสียงพูดกลั้วหัวเราะของเขาก็พลันหยุดชะงักกลางคัน เขาทำสีหน้าฉงน “เอ๊ะ ไฉนถึงอุ่นๆ แฉะๆ”
“ว้าย! ฝูเกอเอ๋อร์ฉี่แล้ว” เหอซื่อลุกลนอุ้มบุตรชายขึ้น
ฝูเกอเอ๋อร์ซึ่งปัสสาวะใส่มือของหลีกวงเหวินอมนิ้วมองบิดาของตนอย่างเฉยเมย
หลีกวงเหวินก้มหน้ามองฝ่ามือที่เลอะน้ำปัสสาวะจนเปียกแฉะ ค่อยมองบุตรชายที่ดูดนิ้วอยู่อีกทีแล้วทำหน้าบึ้งทันใด “เจ้าตัวเหม็น วันนี้จะสั่งสอนเจ้าให้…”
“ท่านพี่ล้างฉี่บนมือออกให้สะอาดก่อนเถอะ” เหอซื่อเอ่ยเสียงเรียบๆ
หลีกวงเหวินไปล้างมืออย่างคับใจ
ฝูเกอเอ๋อร์เริ่มส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“จริงสิ เจาเจา วันนี้เจ้าไปวังรุ่ยอ๋องมาหรือ” เหอซื่อบุ้ยใบ้บอกให้แม่นมอุ้มฝูเกอเอ๋อร์ไปเปลี่ยนชุด จากนั้นดึงบุตรสาวมาไถ่ถาม
เฉียวเจาเล่าต้นสายปลายเหตุคร่าวๆ
เหอซื่อเบ้ปาก “สบายหลีเจี่ยวไป เด็กในครรภ์ไม่มีความผิดหรอก แต่แม่เด็กน้อยนั่นจิตใจไม่ซื่อตรง มิใช่คนดิบดีอะไร”
แม้นนางจะเป็นแม่เลี้ยง แต่หลังจากออกเรือนมาก็ไม่เคยข่มเหงรังแกเด็กสาวผู้นั้น มิหนำซ้ำเพราะสกุลหลีมีฐานะฝืดเคือง ยามนางใช้สินเจ้าสาวซื้อของกินของใช้ล้วนไม่เคยตกหล่นส่วนของลูกเลี้ยง ถึงกระนั้นคนบางคนเกิดมาก็เป็นพวกเนรคุณคนเลี้ยงไม่เชื่อง
ส่วนเจาเจาของนางตอนเด็กๆ เป็นคนหัวอ่อน ถึงได้ถูกแม่เด็กน้อยผู้นั้นนี่ล่ะที่พูดเป่าหูไม่กี่คำจนหมางเมินกับนาง เป็นต้นเหตุให้นางต้องเสียน้ำตาไปมากตั้งเท่าไรก็สุดรู้ ยังดีที่บัดนี้เจาเจารู้จักคิดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกนางสองแม่ลูกอาจจะห่างเหินกันไปชั่วชีวิตก็เป็นได้
“เด็กผู้นั้นเป็นชายหรือหญิง” เหอซื่อถามคำหนึ่ง
“หญิงเจ้าค่ะ” เฉียวเจารู้สึกขบขัน
ท่านแม่กับท่านย่าถามคำถามเดียวกันไม่มีผิด เรื่องทารกในครรภ์เป็นชายหรือหญิงคือสิ่งที่ใครๆ ล้วนอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่งเสมอๆ โดยแท้
“โชคดีเหลือเกินจริงๆ” เหอซื่อรำพึงขึ้นคำหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
เฉียวเจาลอบสะท้อนใจ หากหลีเจี่ยวคิดได้แบบเดียวกับท่านย่าและท่านแม่ และเลิกมาหาเรื่องนางได้ก็คงดี
พูดตามสัตย์จริง นางไม่อยากต่อสู้กับหลีเจี่ยวเลย พี่น้องจวนเดียวกันเอาชนะคะคานกันไปจะมีอันใด มิสู้เอาเวลาไปทำอย่างนั้น นางขอเดินหมากกับอาจูสักสองสามกระดานยังดีกว่า
ขณะที่บรรยากาศในวังรุ่ยอ๋องเต็มไปด้วยความรื่นเริงยินดี ด้านชาวสกุลหลีก็อยู่อย่างสงบเป็นสุข ทว่าที่วังมู่อ๋องกลับต้องเผชิญกับมรสุมอารมณ์ปรวนแปรครั้งใหญ่
ตอนมู่อ๋องยังไม่คลายจากความลิงโลดใจกับเรื่องที่อนุของรุ่ยอ๋องกำลังจะรักษาเด็กในครรภ์ไว้ไม่อยู่ ก็มีสายสืบที่แทรกซึมอยู่ในวังรุ่ยอ๋องของเขามาส่งข่าวอีกอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง เด็กในครรภ์อนุของรุ่ยอ๋องปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ปลอดภัยได้อย่างไรกัน ไหนบอกว่าหมอใหญ่ประจำวังอ๋องกับหมอหลวงล้วนวินิจฉัยว่าไม่รอดแล้วมิใช่รึ”
“รุ่ยอ๋องเสด็จไปเชิญคุณหนูสามสกุลหลีด้วยพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
“นางเป็นคนรักษาเด็กในครรภ์ไว้ได้หรือ” มู่อ๋องรู้สึกเหลือเชื่อ เขาทุบโต๊ะหนังสือทีหนึ่ง “หรือว่าสวรรค์ยังยืนอยู่ข้างเดียวกับเจ้าห้า จู่ๆ ก็มีแม่เด็กน้อยผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์เฉกนี้โผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!”
สายสืบก้มหัวงุด “ท่านอ๋อง กระหม่อมยังมีเรื่องทูลรายงานอีกพ่ะย่ะค่ะ”
“พูด!”
หรือว่ายังมีเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าบุตรของรุ่ยอ๋องปลอดภัยใช่หรือไม่
สายสืบมองมู่อ๋องอย่างเห็นใจ เขากลั้นใจเอ่ยรายงาน “คุณหนูสามสกุลหลียังตรวจชีพจรให้อนุคนอื่นๆ ของรุ่ยอ๋องแล้วพบว่ามีอนุตั้งครรภ์อีกสามคน…”
ร่างมู่อ๋องซวนเซไปมาเกือบล้มลง
เขาไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ โลกนี้ไม่มีข่าวร้ายที่สุด มีแต่ข่าวร้ายมากขึ้น
ข้าขอตายดีกว่า