หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 744
บทที่ 744
วันนี้เซ่าซียวนสวมเสื้อคลุมผ้าไหมทอลายกลมสีน้ำเงินเข้ม ขับเน้นดวงหน้าของเด็กหนุ่มให้คมคายขึ้น อีกทั้งแลดูสุขุมหนักแน่นขึ้นกว่าปกติหลายส่วน
เดิมทีเพราะเป็นวันหยุดพักของสำนักศึกษา เขาถึงกลับเมืองหลวงมาฉลองวันตรุษ คิดไม่ถึงว่าจะตรงกับวันงานพิธีมงคลของเซ่าหมิงยวนพอดี
เซ่าซียวนกล่าวทักทายพี่ชายคนรองแล้วหันไปมองหน้าเฉียวเจาทันทีด้วยสายตาแฝงรอยพินิจพิจารณาอยู่สักหน่อย
เฉียวเจารู้สึกขบขันอย่างช่วยไม่ได้
บัดนี้น้องชายสามีที่เคยเดินตามหลังนางต้อยๆ เรียกนางว่า ‘พี่สะใภ้’ ไม่หยุดปากก็มองสำรวจผู้อื่นเช่นนี้แล้ว
สีหน้าอมยิ้มของเด็กสาวทำให้เซ่าซียวนไม่ชอบใจตงิดๆ
นางเป็นแค่สตรีจากตระกูลเล็กๆ ผู้หนึ่ง มิใช่พี่สะใภ้รองสักหน่อย แล้วมาส่งยิ้มให้ข้าอย่างเป็นกันเองแบบนี้ด้วยเหตุใด ข้ากับนางไม่สนิทสนมกันนะ!
ครั้นเหลือบตามองเซ่าหมิงยวนอีกที เซ่าซียวนยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้น
ดูพี่รองทำหน้าระรื่นชื่นบานอย่างนี้ ตบแต่งภรรยาใหม่แล้วลืมคนเก่าจริงๆ
“เรียกพี่สะใภ้รองสิ” เซ่าหมิงยวนปรายตามองน้องชายอย่างเฉยเมย
ไฉนเจ้าน้องชายผู้นี้ถึงทำตัวแปลกๆ พิกล
จริงสิ เกือบลืมไปว่าเจ้าน้องชายตัวดีเคยมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจาเจาแบบเด็กหนุ่มแรกรักนี่นะ
พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเซ่าหมิงยวนพลันปึ่งชาขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเจ้าหนุ่มบัดซบเบื้องหน้าขัดนัยน์ตาสุดจะกล่าว
“พี่สะใภ้รอง” เซ่าซียวนเรียกขานคำหนึ่งอย่างไม่เต็มอกเต็มใจ
“เจาเจา ข้าพาเจ้าไปแสดงคารวะต่อท่านพ่อ” เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาออกเดินต่อ
แต่เซ่าซียวนก้าวเท้าพรวดเดียวไปขวางหน้าคนทั้งคู่ไว้
เซ่าหมิงยวนมุ่นคิ้วมองเขา
“พี่รอง เมื่อครู่ท่านเรียกพี่สะใภ้รองว่าเจาเจาหรือ” สีหน้าของเซ่าซียวนฉายอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่บ้าง
“ทำไมรึ”
เซ่าซียวนชายตามองเฉียวเจาที่ยืนเคียงคู่กับพี่ชายปราดหนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงชอบกล “พี่รองรู้หรือไม่ว่าอดีตพี่สะใภ้รองกับพี่สะใภ้คนใหม่มีชื่อก่อนออกเรือนเหมือนกัน”
เซ่าหมิงยวนสะกดอารมณ์ชั่ววูบอยากเงื้อเท้าถีบน้องชายให้กระเด็นไว้ เขายื่นมือไปจับหัวไหล่อีกฝ่ายดึงตัวไปด้านข้าง “ข้าย่อมต้องรู้ชื่อก่อนออกเรือนของภรรยาข้าแน่นอน เอาล่ะ ข้าสมควรพาพี่สะใภ้รองของเจ้าไปพบท่านพ่อได้แล้ว”
เซ่าซียวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองดูพี่ชายประคองเฉียวเจาเดินไปทางข้างใน
“คุณชายสาม ตอนยกน้ำชาท่านก็ควรอยู่ด้วย ถึงตอนนั้นท่านยังต้องคารวะทักทายพี่สะใภ้คนใหม่นะเจ้าคะ” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยเตือนขึ้น
เซ่าซียวนเตะต้นไม้ริมทางเดินอย่างหงุดหงิดแล้วถึงก้าวขาออกเดินตามไป
เขารู้ว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพี่สะใภ้คนใหม่ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่พี่รองจะไม่ตบแต่งภรรยาไปทั้งชาติ ขอแค่พี่รองแต่งงานใหม่ ถึงมิใช่พี่สะใภ้ใหม่ผู้นี้ก็ต้องเป็นคนอื่น
ทว่าเขาเกลียดชังความอ่อนโยนในดวงตาพี่รองตอนมองพี่สะใภ้รองคนใหม่ มันทำให้เขาเป็นทุกข์แทนพี่สะใภ้รองที่อยู่ในปรโลก
การตายของพี่สะใภ้รองสร้างชื่อให้พี่รองเป็นวีรบุรุษของแผ่นดิน ยังส่งเสริมให้เขาได้ครองรักกับหญิงอื่นอย่างหวานชื่นสุขสันต์ นี่ไม่ยุติธรรมกับพี่สะใภ้รองเพียงใด!
จิ้งอันโหวรออยู่ในโถงรับแขกแต่แรก เห็นเซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาเข้ามาก็จะลุกขึ้นทันที แต่นึกถึงฐานะของตนในขณะนี้และธรรมเนียมประเพณีแล้ว เขารีบนั่งลงตามเดิมแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชั่วครู่เดียวก็มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามา คู่แต่งงานถือไว้คนละถ้วย
“ท่านพ่อเชิญดื่มน้ำชาขอรับ” เซ่าหมิงยวนคุกเข่าลงกล่าวด้วยความเคารพจากใจจริง
“ได้” จิ้งอันโหวรับถ้วยน้ำชามาดื่มคำหนึ่งแล้วหยิบซองแดงที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาส่งให้เขา
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณจบก็ถึงทีเฉียวเจายกน้ำชาคารวะ
“ท่านพ่อเชิญดื่มน้ำชาเจ้าค่ะ” นางถือถ้วยน้ำชาด้วยสองมือชูขึ้นเหนือหน้าผาก
“ได้ๆ” จิ้งอันโหวรีบรับมาดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นหยิบซองแดงใบใหญ่ๆ ยัดใส่มือเฉียวเจา
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไป เพราะอะไรความหนาของซองแดงสองใบดูไปแล้วไม่เท่ากัน
จิ้งอันโหวมองดูลูกสะใภ้ที่มีสีหน้าเคารพอ่อนน้อมแล้วขอบตาร้อนผ่าว “สะใภ้รอง ชีวิตเจ้ารอง…ไม่ง่ายดายเลย วันหลังคงต้องรบกวนเจ้าดูแลเขาแล้ว”
เฉียวเจาก้มตัวคำนับอีกครั้ง “ท่านพ่อวางใจได้ ข้าจะดูแลท่านรองเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนยกมุมปากโค้งขึ้น ต่อจากคำว่า ‘ท่านพี่’ เขารู้สึกว่าคำว่า ‘ท่านรอง’ ก็น่าฟัง
“ได้เช่นนั้นก็ดีๆ”
เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเซ่าจิ่งยวนกับภรรยา “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่เชิญดื่มน้ำชาขอรับ”
ตามหลักแล้วด้วยศักดิ์ฐานะของเขาในตอนนี้รวมถึงการกระทำของเซ่าจิ่งยวน เขาจะไม่ยกน้ำชาคารวะถ้วยนี้ก็ย่อมได้ การที่เซ่าหมิงยวนทำเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าจิ้งอันโหวเป็นธรรมดา
เซ่าจิ่งยวนฝืนใจดื่มหนึ่งคำแล้ววางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะเล็กด้านข้าง
ด้านหวังซื่อฮูหยินของซื่อจื่อกลับมีรอยยิ้มเต็มหน้า นางดื่มน้ำชาแล้วหยิบซองแดงของตนกับเซ่าจิ่งยวนมอบให้เฉียวเจาพร้อมกัน “น้องสะใภ้อย่าได้รังเกียจเลยนะ”
ต่อจากนั้นถึงคราวเซ่าซียวนแสดงคำนับต่อเฉียวเจา แล้วก็เป็นบุตรสามคนของเซ่าจิ่งยวนตามลำดับ
ของที่เฉียวเจาเตรียมไว้ให้เซ่าซียวนคือพื้นรองเท้าคู่หนึ่งกับกล่องขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเด็กใบหนึ่ง ซึ่งเขามิได้เปิดออกดู
ส่วนของขวัญสำหรับเด็กน้อยสามคนกลับไม่ยุ่งยาก มอบเม็ดทองคำที่ทำเป็นรูปทรงดอกไม้ ผลไม้ หรือสัตว์ชิ้นเล็กๆ คนละหนึ่งถุง ทั้งเป็นที่ถูกอกถูกใจทั้งใช้ประโยชน์ได้
นอกจากชุนเจี่ยเอ๋อร์ที่ยังเล็กมากเอาแต่มองพี่ชายสองคนยิ้มๆ เด็กชายทั้งคู่สุดแสนสำราญบานใจ เริ่มให้ความสนิทสนมกับเฉียวเจาในทันที
พวกเด็กน้อยมักชมชอบของชิ้นเล็กชิ้นน้อยน่ารักและเป็นสีทองอร่ามจำพวกนี้กันทั้งนั้น
เมื่อการพบปะญาติพี่น้องผ่านไปอย่างราบรื่น เซ่าหมิงยวนกับเฉียวเจาก็คารวะอำลาจิ้งอันโหว
รอกระทั่งคู่แต่งงานใหม่กลับไปแล้ว จิ้งอันโหวนั่งนิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้ไท่ซื่อเนิ่นนาน จากนั้นถึงเช็ดน้ำตาออกเงียบๆ
หลังสิ้นอายุขัยจากโลกนี้ไป เขาสามารถบอกกล่าวกับสหายได้ว่าตนทำตามที่ได้รับฝากฝังเรียบร้อยแล้วในที่สุด
ฝ่ายเซ่าจิ่งยวนกลับไปยังเรือนพำนักของซื่อจื่อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
หวังซื่อเห็นท่าทางนี้ของสามีก็อดพูดกล่อมเขาไม่ได้ “ซื่อจื่อ ท่านจะทำเช่นนี้ไปไยเล่า”
“เจ้าจะรู้อะไร” พอไม่ต้องปิดบังความรู้สึกต่อหน้าผู้คน ดวงตาของเซ่าจิ่งยวนขุ่นขวางด้วยแรงพิษริษยา “พอเซ่าหมิงยวนแต่งงาน เจ้าดูท่านพ่อตื่นเต้นดีใจขนาดไหน ตอนข้าตบแต่งเจ้าเป็นภรรยายังไม่เห็นท่านเป็นอย่างนี้เลย!”
หวังซื่อเม้มปากไม่กล่าววาจา นางฟังเซ่าจิ่งยวนพูดยาวเหยียดคล้ายจะระบายอารมณ์ก็ไม่ปาน แต่ตอนท้ายนางอดโต้แย้งเขาไม่ได้ “เช่นนั้นแล้วจะมีอันใด ท่านโหวจะหงุดหงิดฉุนเฉียวแค่ไหน ซื่อจื่อของจวนโหวยังคงเป็นท่าน ใช่ว่าน้องรองจะยื้อแย่งไปได้ อีกประการหนึ่งวันหน้าน้องรองต้องสืบทอดบรรดาศักดิ์กั๋วกง พวกเราใกล้ชิดกับเขา มีแต่ได้ไม่มี…”
“เจ้าหุบปากซะ!” เซ่าจิ่งยวนสะบัดแขนออกไป
หวังซื่อยืนอยู่ที่เดิมชั่วครู่ถึงหันหลังกลับไปดูแลลูกๆ
ด้านเซ่าซียวนออกจากเรือนกลางแล้วมิได้กลับเรือนของตน แต่เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ตามสบายจนมาถึงลานเรือนที่จัดเตรียมให้เซ่าหมิงยวนตอนเขาแต่งงานในครั้งนั้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ประตูลานเรือนไม่ได้ลงดาลไว้ เซ่าซียวนเปิดประตูเข้าไป ต้นไม้ในลานแห้งเหี่ยวโรยรามีหญ้าขึ้นปกคลุมแลดูรกร้างว่างเปล่า
เซ่าซียวนเดินเข้าไปมองดูต้นป้อเหอที่เฉียวเจาเคยปลูกไว้มุมกำแพงกอนั้น และหยุดยืนตรงหน้าเถายวนยางที่ใบร่วงไปหมดแล้วอีกครู่หนึ่ง ถึงก้มหน้าลงมองกล่องใบเล็กในมือ
ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้รองคนใหม่มอบอะไรให้
เขายกแขนขึ้นคิดจะขว้างมันทิ้ง แต่เงื้อมือไปได้ครึ่งๆ กลางๆ ก็หดมือกลับ
เซ่าซียวนเปิดกล่องใบเล็กออก พอเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น เขานิ่งงันไปอย่างสุดระงับ
เพราะอะไรถึงเป็นสิ่งนี้
เด็กหนุ่มหยิบของในกล่องออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่
มันเป็นปลอกนิ้วชิ้นหนึ่ง ทำจากเขากวางถัวลู่* สีน้ำตาลอ่อนมีลายริ้วสีดำวนรอบ ต่างจากปลอกนิ้วงามวิจิตรที่พวกผู้สูงศักดิ์ชอบสวมใส่กัน
ตอนสอนพี่สะใภ้รองยิงธนู เขาเคยพูดว่าปลอกนิ้วที่ทำจากเขากวางถัวลู่เหมาะแก่การโก่งคันศรยิงธนูมากที่สุด แล้วชิ้นที่มีลายริ้วสีดำวนรอบนับเป็นของชั้นหนึ่ง เขาเคยเห็นพี่รองสวมมาก่อน
เซ่าซียวนอดกำปลอกนิ้วไว้แน่นๆ ไม่ได้
ไฉนพี่สะใภ้รองคนใหม่ถึงมอบปลอกนิ้วแบบนี้ให้ข้า
นี่เป็นความบังเอิญใช่ไหม หรือจะบอกว่าเป็นฟ้าลิขิตในห้วงอันลี้ลับ
เซ่าซียวนไม่คิดให้ลึกลงไปอีกชั้น แต่เก็บปลอกนิ้วไว้อย่างทะนุถนอม
ยังไม่เอ่ยถึงว่าพี่สะใภ้รองคนใหม่เป็นอย่างไร ทว่าเขาก็ถูกใจของขวัญชิ้นนี้เป็นอันมาก