หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 75
อุ๊ย! ฟันหลุดแล้วหรือ ปิงลวี่ทำตาปริบๆ อย่างตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะร่วน ไม่เป็นไรๆ เช่นนี้ก็สบายแล้ว อ้าปากให้ข้าดูหน่อยสิ เป็นฟันบนหรือฟันล่างที่หลุด ข้าจะบอกให้นะ ถ้าฟันบนหลุดก็โยนไปไว้ใต้เตียง ถ้าฟันล่างหลุดก็โยนขึ้นไปบนหลังคานะ
เณรน้อยเอาแต่ร้องไห้ ศิษย์พี่พูดถูกแล้ว ไม่สมควรรับของจากคนนอกวัดส่งเดช โดยเฉพาะพวกสีกา…
ปิงลวี่หัวเราะไม่หยุด ฟันหลอจนพูดไม่ชัดแล้ว เจ้ายังจะร้องไห้อีก…
ทันใดนั้นมีคนตบไหล่นางทีหนึ่ง ปิงลวี่หันขวับไปเห็นชายหนุ่มเรือนกายสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างหลัง นางขุ่นเคืองใจทันควัน ยกมือเท้าเอวด่าทอ เจ้าคนผู้นี้มีมารยาทหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าชายหญิงไม่พึงแตะเนื้อต้องตัวกัน
แม่นาง เจ้านายของพวกข้ามีเรื่องอยากถามท่าน องครักษ์ประจำตัวองค์หญิงเจินเจินนามหลงอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ
เขารู้สึกว่าท่าทีของตนนับว่าเป็นมิตร แต่ปิงลวี่กลับไม่รับไมตรีนี้ นางพูดเยาะๆ เจ้านายของพวกเจ้ามิใช่เจ้านายของข้าเสียหน่อย นางอยากถามก็ถามสิ ว้าย! ปล่อยข้านะ เจ้าคนบัดซบ! ปล่อยข้านะ
ปิงลวี่ถูกหิ้วคอเสื้อไปตรงใต้ต้นไม้ไม่ไกลนักทันที นางโมโหจนยกเท้าถีบไปตรงกล่องดวงใจของหลงอิ่ง
หลงอิ่ง…เจ็บจนแทบขาดใจ ทว่าองครักษ์ประจำตัวองค์หญิงผู้น่าสงสารไม่อาจอับอายขายหน้าผู้คน จำต้องฝืนทนไว้จนหน้าเขียวไปหมด เขากัดฟันเอ่ยขึ้นว่า องค์หญิง พาคนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ปล่อยมือนะ! ปิงลวี่ตะโกนอย่างโกรธแค้น
หลงอิ่งที่ยังหน้าเขียวอยู่คลายมือออก ปิงลวี่ก็ล้มลงนั่งกับพื้น
พอได้ยินเสียงร้องโอดโอยของนาง หลงอิ่งยกสองมือกอดอก ลอบสาแก่ใจ
นางเด็กน้อย พี่ชายโยนเจ้าลงพื้นไม่ถึงตายหรอก!
ตอนที่ปิงลวี่ปะทะกับคุณชายสามสกุลหลียังอยากฝึกทุบแผ่นหินบนอกใจจะขาด นางโตจนป่านนี้เคยได้รับความคับข้องหมองใจเช่นนี้ที่ใดกัน
นางดีดตัวจากพื้นลุกขึ้นยืนดั่งปลาไนกระโดดน้ำ เงื้อมือข่วนไปที่หน้าหลงอิ่งทันใด
หลงอิ่งตัวสูงกว่านางไม่น้อย นางได้แต่กระโดดไปข่วนไป ปากยังไม่ลืมร้องด่าไปด้วย เจ้าลูกเต่า! ไร้ยางอาย เห็นข้าโฉมงามก็คิดจะปล้นสวาทรึ ใครก็ได้ช่วยที! มีคนลวนลามข้ากลางวันแสกๆ ท่านภิกษุวัดต้าฝูทั้งหลายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ…
เณรน้อยปิดปากลืมร้องไห้ ฝ่ายองค์หญิงเจินเจินก็อ้าปากค้าง
นี่หรือคือแขกที่อู๋เหมยซือไท่พบในวันนี้!
พูดเสียดิบดีว่าผู้ออกบวชไม่กล่าวมุสา? จิ้งซีซือฟู่ต้องโกหกข้าอย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อ!
ในฐานะองครักษ์ประจำตัวองค์หญิง หลงอิ่งสุขุมหนักแน่นมาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดจะลดตัวลงไปมีเรื่องกับสาวใช้เล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่ขณะนี้ได้ยินนางพูดจาส่งเดช เขาก็ตะลึงงันไป ยื่นมือไปปิดปากที่กล่าววาจาเหลวไหลของนางเอาไว้
เพลานี้มีภิกษุสองรูปวิ่งพรวดออกมาจากประตูข้าง ต่างถือไม้กวาดคนละหนึ่งด้ามชูขึ้นสูงๆ พร้อมตะคอกเสียงห้วนจัด วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคนมากตัณหาจงหยุดมือเดี๋ยวนี้!
อือๆๆ… ปิงลวี่ถูกอุดปากไว้ยังส่งเสียงโวยวายอย่างไม่ยอมลดละดุจเก่า
หลงอิ่งถูกภิกษุกวาดพื้นถือไม้กวาดด้ามใหญ่ล้อมไว้ก็ทำหน้าขมึงทึง
อยากฆ่าคนปิดปากนัก!
เหลวไหล! หยุดมือให้หมด องค์หญิงเจินเจินตั้งสติได้ในที่สุด นางเดือดดาลจนวงหน้างามดุจบุปผาแดงก่ำ
หลงอิ่งเชื่อฟังคำสั่งของนางเสมอ เขาได้ยินคำนี้ก็ปล่อยมือออกทันที
ปิงลวี่เพิ่งเห็นรูปโฉมขององค์หญิงเจินเจินถนัดถนี่ในตอนนี้ นางกล่าวอย่างตกตะลึง แม่นางโฉมงามเหลือหลาย
องค์หญิงเจินเจินคิดในใจ อื้อ ถึงแม้สาวใช้ผู้นี้จะหยาบคายไร้มารยาท แต่มีข้อดีที่สายตาไม่เลว
แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น ซือฟู่ทั้งหลายโปรดถอยไปเถอะ
ที่แท้เป็นองค์หญิงนั่นเอง ภิกษุกวาดพื้นสองรูปจำหน้าองค์หญิงเจินเจินได้ วางไม้กวาดลงแล้วประนมมือคำนับ จากนั้นหยิบไม้กวาดกลับไป ตอนเดินผ่านข้างกายเณรน้อย หนึ่งในนั้นยังไม่ลืมลากตัวเขาไปด้วย
องค์หญิงเจินเจินเบนสายตากลับมาที่ตัวปิงลวี่ นางเชิดหน้าไต่ถามอย่างถือตน เจ้านายของเจ้ามีศักดิ์ฐานะใดหรือ
สาวใช้นางหนึ่งย่อมจะไม่ใช่แขกของอู๋เหมยซือไท่แน่นอน ดูทีว่าผู้ที่เข้าพบซือไท่ในเวลานี้ก็คือเจ้านายของนาง
ทอดสายตามองไปทั่วเมืองหลวง สตรีสูงศักดิ์เรือนใดกันคู่ควรให้ซือไท่ยอมพบ
แม้ว่าปิงลวี่เป็นคนใจร้อนและโมโหร้าย ยามนี้กลับดูออกว่าเด็กสาวที่เอ่ยถามตนอยู่มีความเป็นมาไม่สามัญ กระนั้นใครก็ตามมาไต่ถามความเป็นมาของคุณหนู นางในฐานะสาวใช้อาวุโสที่ดีผู้หนึ่งย่อมจะไม่ตอบแน่นอน
สาวใช้น้อยยังคงรักษาสีหน้าตะลึงลานไว้ แสร้งทำไขสือเอ่ยว่า โตป่านนี้เพิ่งเคยเห็นหญิงงามถึงเพียงนี้เป็นคราแรก ทำเอาข้าจะเป็นลมแล้ว… ว่าแล้วนางก็ทำตาเหลือกขึ้นและตัวอ่อนระทวยล้มลง
หลงอิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ นางเหยียดนิ้วมือสองนิ้วยันแผ่นหลังของนางไว้ไม่ให้เซล้มไป เขากล่าวเสียงขุ่นๆ องค์หญิง เด็กสาวผู้นี้แกล้งเป็นลมพ่ะย่ะค่ะ
องค์หญิงเจินเจินทำหน้าปึ่งชา ปรายตามองหลงอิ่งพลางถาม ความหมายของเจ้าคือข้าไม่โฉมงามพอจะทำให้คนเป็นลมได้หรือ
หลงอิ่งงงงัน เหตุใดสตรีล้วนเป็นเยี่ยงนี้ ข้ารู้แจ้งในสัจธรรมของชีวิตแล้ว ไม่รู้ว่าวัดต้าฝูจะรับข้าไว้หรือไม่
เอาเถอะ วางสาวใช้ผู้นี้ลงด้านข้าง รอดูกัน องค์หญิงเจินเจินรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องไปวุ่นวายกับพวกสาวใช้ จึงให้นางกำนัลเอาพรมเนื้อนุ่มปูรองบนหินศิลาเขียวใต้ต้นไม้แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างแช่มช้า
เป็นยามนี้แล้ว เห็นทีว่าอีกไม่นานคนผู้นั้นคงจะออกมา ท่านซือไท่ก็ไม่มีทางเตรียมอาหารเลี้ยงดูปูเสื่อด้วย
การที่องค์หญิงเจินเจินคะเนเวลามาอารามซูอิ่งในตอนนี้ แท้จริงแล้วเพราะนางอยู่ในวังแล้วเบื่อหน่ายเลยตั้งใจจะมางานวัด แต่ด้วยบังเกิดความสนใจใคร่รู้ต่ออาคันตุกะของอู๋เหมยซือไท่ นางถึงไม่ไปเที่ยวงานวัดแล้วจะนั่งรอให้ถึงที่สุด
เวลาผ่านไปสองเค่อ ปิงลวี่แสร้งทำต่อไปไม่ไหว จึงส่งเสียงครางเบาๆ แล้วฟื้นขึ้น
เมื่อเห็นสตรีนางนั้นไม่มองตนอีก สาวใช้น้อยลอบระบายลมหายใจโล่งอก นางกลอกตาไปเห็นของกินเล่นหล่นกระจายเต็มพื้นแล้วนึกเสียดายขึ้นมาโดยพลัน
ล้วนเป็นเพราะเจ้าคนมากตัณหาชั่วช้าไม่ได้ตายดีผู้นี้ เป็นต้นเหตุให้ขนมของว่างที่นางซื้อให้คุณหนูด้วยความลำบากยากเย็นเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว
ฮึ! ปิงลวี่มองค้อนหลงอิ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ใต้ต้นไม้วงหนึ่ง จากนั้นล้วงห่อกระดาษเคลือบมันจากอกเสื้อ
เสียงแค่นฮึนี้ของนางดึงดูดความสนใจของพวกองค์หญิงเจินเจินไปทันควัน
เห็นสาวใช้น้อยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือแล้วค่อยๆ บรรจงแกะห่อกระดาษออกเผยให้เห็นเนื้อรมควันหอมฉุยสีสวยน่ากินชิ้นหนึ่ง
ปิงลวี่ฉีกเนื้อชิ้นหนึ่งเริ่มกินโดยไม่สนใจผู้ใด
สาวใช้น้อยกินอย่างเอร็ดอร่อย เป็นเหตุให้องค์หญิงเจินเจินรู้สึกท้องว่างโหวงเหวงชวนให้ยากทานทนอยู่บ้าง
นางช้อนตามองนางกำนัลแวบหนึ่ง
นางกำนัลเข้าใจความหมาย สาวเท้าเข้าไปก้มลงมองพร้อมกับบอกอย่างวางอำนาจ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพุทธะ เจ้ากินเนื้อที่นี่ได้เช่นไรกัน
ปิงลวี่แอบเบะปาก ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ!
นางยื่นห่อกระดาษเคลือบมันไปตรงหน้านางกำนัล พลางเอ่ยอธิบาย พี่สาวดูให้เต็มตานะ นี่เนื้อมังสวิรัติ ทำจากเต้าหู้
นางกำนัลจนวาจา เดินกลับไปอย่างเงียบๆ
องค์หญิงเจินเจินกระทำเรื่องแย่งของกินจากมือสาวใช้แปลกหน้าผู้หนึ่งไม่ได้ แต่ยามท้องหิวกลับมีคนผู้หนึ่งกินเนื้อคำโตๆ อยู่ตรงหน้าเช่นนี้เป็นเรื่องทรมานใจจริงๆ พาให้ในใจนางยิ่งขุ่นเคืองอาคันตุกะความเป็นมาไม่กระจ่างของอารามซูอิ่งผู้นั้นสุดจะกล่าว
น่าโมโหนัก ท่านซือไท่จัดอาหารเลี้ยงด้วยจริงๆ หรือนี่!
องค์หญิง หรือไม่พวกเราไปกินอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่งานวัดดีหรือไม่เพคะ นางกำนัลกล่าวเสนอขึ้น
ไหนล่ะที่บอกว่าเที่ยวงานวัดกินอาหารเลิศรสของสามัญชน? องค์หญิงโกหก!
ไม่ไป รอตรงนี้ องค์หญิงเจินเจินเกิดดื้อดึงขึ้นมาเสียแล้ว
ถ้าเกิดไปกินอาหารแล้วปล่อยให้คนผู้นั้นหลุดลอดสายตาไปได้จะทำอย่างไร
เช่นนั้นหม่อมฉันไปซื้อมา…
ไม่อนุญาต
ครานี้ไม่มีใครกล้าปริปากแล้ว
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ปิงลวี่กินจนอิ่มหนำแล้วยังพิงต้นไม้งีบหลับไปตื่นหนึ่งอีกด้วย
ในขณะที่องค์หญิงเจินเจินหิวจนตาลายแทบทนไม่ไหว ก็แลเห็นเด็กสาวสวมเสื้อสีเขียวกับกระโปรงสีขาวคนหนึ่งเยื้องย่างมา
ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว!