หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 757
บทที่ 757
พระราชวังซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวลดทอนความขรึมขลังในยามปกติไม่น้อย ทำให้แลดูงดงามบรรเจิดเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เฉียวเจาเดินอยู่ข้างๆ ไหลสี่โดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา ตอนก้าวเข้าประตูวังหนาหนักนางได้พบกับคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินมาจากอีกทาง
“ถวายพระพรองค์หญิงเนื่องในโอกาสวันตรุษเพคะ” เฉียวเจาส่งเสียงทักทายองค์หญิงแปด
องค์หญิงแปดในชุดราชสำนักสีแดงอ่อนพบกับเฉียวเจาในเวลานี้แล้วก็ไม่กล้าวางอำนาจ นางสะกดความไม่พึงใจไว้ ทักทายกลับตามตามมารยาท “สุขสันต์วันตรุษฮูหยินท่านโหว”
นางมองไหลสี่ปราดหนึ่งแล้วไต่ถาม “เสด็จย่าทรงเรียกฮูหยินท่านโหวเข้าเฝ้าหรือ”
ไหลสี่เอ่ยตอบ “พ่ะย่ะค่ะ องค์ไทเฮาทรงรอคอยอยู่”
องค์หญิงแปดถอยไปด้านข้าง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เดิมทีตั้งใจจะไปถวายพระพรเสด็จย่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ประเดี๋ยวข้าค่อยไปภายหลังจะดีกว่า”
นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองเฉียวเจาเดินห่างไปแล้วหุบยิ้ม สายตาแปรเปลี่ยนเย็นชา
ฮูหยินของกวนจวินโหว ฟังแล้วน่าเกรงขามเสียจริงเชียวนะ
ทั้งที่เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์จะรับกวนจวินโหวเป็นราชบุตรเขยแท้ๆ…
องค์หญิงแปดคิดถึงตรงนี้ก็โกรธแค้นเจียนกระอัก
ปีนี้ผ่านไปนางก็ย่างวัยสิบเก้าแล้ว จนบัดนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้อภิเษกสมรสแต่อย่างใด
นางไม่เหมือนกับน้องเก้าที่มีพระมารดาคอยเป็นห่วง ซ้ำยังเป็นที่โปรดปรานของเสด็จย่า ขณะที่องค์หญิงอย่างนางนี้ถ้ามิใช่เสด็จพ่อยังนึกถึงเป็นบางครั้งบางครา ไม่รู้ว่าจะต้องจมปลักอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ไปอีกนานเพียงใด
องค์หญิงแปดยิ่งคิดยิ่งชิงชัง นางทอดสายตาไกลๆ ไปทางตำหนักฉือหนิงก่อนจะหมุนกายจากไป
“ไทเฮา ฮูหยินของกวนจวินโหวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ไหลสี่ยืนรายงานอยู่ด้านนอก
สุ้มเสียงทุ้มต่ำดังลอดม่านโปร่งออกมา “เชิญฮูหยินท่านโหวเข้ามา”
“เชิญขอรับ ฮูหยินท่านโหว”
เฉียวเจาย่างเท้าเข้าไป ท่ามกลางกลิ่นเครื่องหอมอบอวลนางเหลือบเห็นหยางไทเฮามองมาด้วยสายตาลึกล้ำ นางยอบกายแสดงคารวะพลางเอ่ย “ถวายพระพรไทเฮาเพคะ”
“หลีฮูหยินนั่งสิ”
ไหลสี่ยกม้านั่งมาวางข้างๆ เฉียวเจา
นางนั่งลงตามคำบอกอย่างว่าง่าย
หยางไทเฮาพิศดูอีกฝ่าย
ใบหน้าของสตรีตรงหน้ายังไม่สลัดเค้าวัยเยาว์ นางมุ่นผมเป็นมวยโหนอาชา สวมต่างหูไข่มุกสีชมพูขนาดเท่าเม็ดบัวทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทว่าถึงที่สุดแล้วนางก็ยังอายุน้อยเหลือเกิน
ชั่วอึดใจหนึ่งหยางไทเฮาชักไม่มั่นใจกับความคิดนั้น แต่นางหว่านล้อมตนเองอย่างรวดเร็ว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่ายังมีหนทางที่ดีกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ
“หลีฮูหยิน ฉางหรงตั้งครรภ์ เจ้ารู้แล้วกระมัง”
เฉียวเจาประหลาดใจน้อยๆ นางคาดไม่ถึงว่าไทเฮาจะถามอย่างเปิดอกเพียงนี้ แต่เมื่อคิดอีกทีก็กระจ่างแจ้งแล้ว
หากไทเฮาถามอ้อมๆ นางก็ทำบ่ายเบี่ยงเฉไฉได้เป็นธรรมดา แต่พอถามตรงๆ เช่นนี้นางแกล้งไขสืออีกก็ไม่เป็นการดีแล้ว
“หลีฮูหยินได้ร่ำเรียนวิชาจากหมอเทวดาหลี่ ข้าก็รู้ว่าต้องไม่ผิดเป็นแน่ มิน่าตอนนั้นหมอตั้งมากมายหลายคนล้วนตรวจไม่ออกว่านายหญิงรองของจวนสกุลหลีตั้งครรภ์ หลีฮูหยินกลับมีสายตาแหลมคมนัก”
“ไทเฮาตรัสชมเกินไปแล้วเพคะ”
ก่อนเรียกตัวนางเข้าวังไทเฮาสืบถามมาอย่างแจ่มแจ้งแล้ว หากเมื่อครู่นางปฏิเสธว่าไม่รู้ ตอนนี้คงต้องอับอายแล้ว
“ข้าจะไม่พูดให้มากความ วันนี้ที่เรียกหลีฮูหยินมาที่นี่ก็อยากขอให้เจ้าไปวังองค์หญิงใหญ่สักครา”
เฉียวเจารับฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“หลีฮูหยินควรรู้ว่าจะเก็บเด็กในครรภ์ของฉางหรงไว้ไม่ได้ แต่ข้าส่งแพทย์หลวงไปตรวจดูแล้วกลับพบว่าครรภ์ของนางไม่ปกติ ถ้าขับออกเกรงจะเป็นเหตุให้ตกเลือดเป็นอันตรายต่อชีวิต...” หยางไทเฮากล่าวไปสังเกตสีหน้าของเฉียวเจาไป เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์ใดถึงเอ่ยต่อไปว่า “ฉะนั้นข้าได้แต่ต้องขอร้องหลีฮูหยินแล้ว”
เฉียวเจารีบกล่าวขึ้น “ไทเฮาทรงทำให้หม่อมฉันอายุสั้นแล้ว ได้แบ่งเบาความกังวลพระทัยเป็นเกียรติของหม่อมฉัน ไหนเลยจะอาจเอื้อมให้พระองค์ ‘ขอร้อง’ เพคะ”
ไทเฮาอึ้งงันไป การสนทนาดำเนินไปทิศทางนี้ออกจะผิดจากที่คาดไว้บ้างใช่หรือไม่ จากเรื่องราวที่นางสืบถามมาได้พวกนั้นฮูหยินของกวนจวินโหวผู้นี้ไม่ใช่พวกอ่อนแอไม่สู้คนอันใด
เฉียวเจานั่งอยู่อย่างสุภาพเรียบร้อย ทว่ามุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
ท่านปู่เป็นคนอบรมสั่งสอนนางตั้งแต่เล็กจนโต แต่ขณะเดียวกันก็ได้ท่านย่าซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์บ่มเพาะขัดเกลา มาตรว่านางไม่แยแสธรรมเนียมพวกนั้น แต่ไม่มีทางให้ใครอ้างคำว่าไม่รู้ธรรมเนียมมาบีบเค้นนางได้
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนหลีฮูหยินไปที่นั่นสักครั้ง”
“ไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้หม่อมฉัน…”
สีหน้าของหยางไทเฮาฉายแววปึ่งชากะทันหัน “จะเก็บเด็กผู้นั้นไว้ไม่ได้เด็ดขาด แต่จะให้กระทบกระเทือนร่างกายของฉางหรงไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
เฉียวเจาลอบขบขัน เรียกร้องมากถึงเพียงนี้ เห็นข้าเป็นเทพเซียนบนสวรรค์หรืออย่างไร
“หม่อมฉันขอไปตรวจพระอาการก่อนเพคะ”
“ไหลสี่ ไปที่วังองค์หญิงใหญ่เป็นเพื่อนฮูหยินท่านโหว”
เฉียวเจากล่าวอำลาหยางไทเฮาแล้วไปที่วังองค์หญิงใหญ่ฉางหรงพร้อมกับไหลสี่ทันที
สิงโตหินหน้าประตูวังผ่านการชำระล้างด้วยฝนกับหิมะมาติดๆ กันหลายวันจนดูเปล่งประกายสดใสเป็นพิเศษ แผ่นหลังผอมบางของคนผู้หนึ่งกำลังเกาะตัวสิงโตอาเจียนไม่หยุด
เถาเซิงที่อยู่ด้านข้างลนลานทำอะไรไม่ถูก “คุณชาย เราเข้าไปอาเจียนด้านในเถอะ ท่านอาเจียนรดใส่หน้าสิงโตแล้วขอรับ”
“ชิ้วๆ ไปไกลๆ ข้ามิได้อาเจียนใส่หน้าเจ้าสักหน่อย” ฉือชั่นไล่เด็กรับใช้เหมือนเป็นแมลงวัน จากนั้นอ้าปากอาเจียนลมต่อแต่ไม่มีแม้แต่น้ำย่อยในท้องออกมาแล้ว
“คุณชาย ฮูหยินของท่านโหวมาขอรับ”
“ฮูหยินท่านโหวอะไรกัน เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”
“โธ่ คุณชาย ก็ฮูหยินของกวนจวินโหว คุณหนูหลีซานขอรับ” เถาเซิงเน้นเสียงหนักอย่างห้ามไม่อยู่
แม้ว่าคุณชายของเขาจะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดหลังคุณหนูหลีซานกับกวนจวินโหวเป็นคู่รักกัน แต่ในฐานะบุรุษเหมือนกันเขารู้ดีว่ายามอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่เคยชมชอบ ยังต้องรักษาภาพของตนเองในสายตาอีกฝ่ายไว้เล็กๆ น้อยๆ
“หลีซาน...” ฉือชั่นได้ยินสองพยางค์นี้แล้วยืดตัวตรง หันหน้าไปก็ประสานสายตากับเฉียวเจาที่เพิ่งลงจากรถม้า
นางผงกศีรษะกับเขาแต่ไกลเป็นเชิงทักทาย
“ฮูหยินท่านโหว ไทเฮาร้อนพระทัยเรื่องขององค์หญิงใหญ่อยู่ตลอด ยังทรงรอข้ากลับไปรายงานอยู่ ท่านโปรดเข้าไปดูองค์หญิงใหญ่โดยไวเถอะขอรับ” ไหลสี่กล่าวเร่ง
เฉียวเจาดึงสายตาคืนมาแล้วเดินตามไหลสี่ไปที่ประตูข้าง
ฉือชั่นกลอกตาไปหยุดอยู่ที่ตัวไหลสี่ แววเลื่อนลอยในดวงตาที่ฉ่ำปรือแต่เดิมหายวับไป เริ่มมีประกายมากขึ้นหลายส่วน
ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปหาพวกเฉียวเจา
“คุณชาย อย่างน้อยก็เช็ดปากสักหน่อยสิขอรับ” เถาเซิงกลัวเขาจะหกล้ม รีบไล่กวดตามไปยื่นผ้าเช็ดหน้าอยู่เบื้องหน้าฉือชั่น
เขารับมาเช็ดลวกๆ แล้วโยนทิ้งลงพื้นไปเลย จากนั้นเร่งฝีเท้าเดินไปขวางหน้าเฉียวเจากับไหลสี่
“คุณชายฉือ…”
ฉือชั่นดันตัวไหลสี่ออกไปอีกทาง “ข้าไม่มีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
ไหลสี่โดนผลักจนเซถลา เขายังไม่ทันได้อ้าปากพูดก็เห็นฉือชั่นฉุดเฉียวเจาออกเดินไปแล้ว
“นี่มันอะไรกัน” ไหลสี่ก้าวขาจะตามไป แต่ถูกเถาเซิงขัดขวางไว้
“ไหลสี่กงกง ให้คุณชายข้าสนทนากับฮูหยินของกวนจวินโหวสองสามคำ จิตใจของคุณชายเป็นทุกข์อยู่ขอรับ”
“แต่ว่า…” ไหลสี่ฉุกใจได้ทันควัน “คุณชายฉือรู้แล้วหรือ”
“เอ่อ…ทราบแล้วขอรับ”
“เจ้าก็รู้เช่นกันหรือ”
เถาเซิงหัวเราะแห้ง “แหะๆ” คุณชายของข้าโมโหเจียนตายอยู่แล้ว ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร
ไหลสี่ถอนใจเฮือก ช่างเถิด แค่สนทนาสองสามคำก็สองสามคำ อย่างไรคุณชายฉือคงลงไม้ลงมือกับฮูหยินของกวนจวินโหวไม่ได้กระมัง