หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 764
บทที่ 764
ข่าวโคมลอยที่ไร้มูลความจริงและสืบหาต้นตอที่มาไม่ได้จำพวกนี้จัดการได้ยากเย็นที่สุด เฉียวโม่จะมีวิธีดีๆ อันใดที่ใดกัน เขาได้แต่กลับไปที่จวนโหวหารือกับน้องสาว
เฉียวเจาย่อมต้องได้ข่าวแล้วเป็นธรรมดา นางทั้งโกรธเคืองทั้งกระอักกระอ่วนใจ
จะนินทาว่าร้ายคนอื่นก็แล้วกันไปเถอะ แต่นินทาว่าร้ายนางกับพี่ใหญ่เช่นนี้ช่างน่าโมโหจริงๆ
“ข่าวลือมักไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล พี่ใหญ่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสำนักราชบัณฑิตอย่างสุขุมรอบคอบ แม้ว่าจะได้รับโอกาสให้ไปช่วยงานในสภาขุนนาง แต่ดูทีว่าสหายขุนนางเหล่านั้นคงไม่ถึงกับใช้อุบายของเรือนหลังประเภทนี้ ข้าว่าเรื่องนี้แปดถึงเก้าในสิบส่วนพุ่งเป้ามาที่ข้าเจ้าค่ะ” เฉียวเจากล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์
“น้องเจาคิดว่าเป็นการกระทำของสตรีหรือ”
“ปล่อยข่าวลือว่าข้ากับพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์เกินเลยกัน สำหรับถิงเฉวียนแล้วอย่างมากก็เพียงขายหน้า ไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของเขาได้ แต่สำหรับพี่ใหญ่แล้วอาจถึงขั้นอนาคตย่อยยับ อีกอย่างต่อให้พี่ใหญ่เป็นเช่นต้นไม้สูงเด่นกลางป่าเป็นที่อิจฉาริษยาของผู้อื่น จะโดนใส่ร้ายป้ายสีหรือปัดแข้งปัดขาก็เป็นเรื่องสามัญในหมู่ขุนนาง ทว่าการเล่นลูกไม้เช่นนี้น่าอับอายขายหน้าเกินไป ฉะนั้นข้าคาดคะเนว่าเป็นไปได้มากว่าข้าต่างหากที่เป็นต้นเหตุให้พี่ใหญ่พลอยเดือดร้อนไปด้วยเจ้าค่ะ”
“น้องเจา…”
เฉียวเจาแย้มยิ้ม “พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เคยมีชื่อเสียงดีเด่อะไรนัก แต่คนอื่นเหยียบย่ำข้าตามชอบใจ ข้าจะปล่อยให้คนผู้นั้นสมดังใจหวังไม่ได้”
จุดประสงค์ที่ทำลายชื่อเสียงของนางคืออะไรกันแน่
จะไม่พอใจที่นางได้เป็นฮูหยินท่านโหวตั้งแต่อายุน้อยๆ หรือว่าเคยมีข้อหมางใจกันก่อนหน้านี้
เฉียวเจาตริตรองอย่างละเอียด คนที่ผิดใจกับนางก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะจบชีวิตไปเกือบหมดแล้ว…
เช่นนี้ก็เป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว หรือว่ายังมีคนหมายตาตำแหน่งฮูหยินท่านโหวของนาง เลยอยากให้ถิงเฉวียนหย่ากับนางใจจะขาด
ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ที่สร้างความริษยาชิงชังให้ผู้อื่นได้ง่ายที่สุดก็ต้องเป็นครั้งที่เข้าวังไปถวายพระพรในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา ตอนนั้นไทเฮากลั่นแกล้งนางโดยไม่ยั้งมือเลยสักนิด
หญิงสาวมีความจำเป็นเลิศ ทบทวนความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ก็นึกออกว่าบรรดาฮูหยินที่อยู่ด้วยกันในโถงตำหนักเวลานั้นมีใครบ้าง นางเข้าไปที่ห้องหนังสือหยิบพู่กันเขียนรายชื่อแผ่นหนึ่งแล้วเรียกเฉินกวงมาพบ
“เฉินกวง เจ้าได้ยินเรื่องที่เล่าลือกันภายนอกพักนี้แล้วกระมัง”
เขาเกาท้ายทอย “ได้ยินแล้วขอรับ ฮูหยิน ท่านอย่าเก็บคำพูดสกปรกโสมมพวกนั้นมาใส่ใจเลย ไม่คุ้มค่า”
“ไม่ได้ ข้าใส่ใจมากนะ” เฉียวเจากล่าวด้วยรอยยิ้มละไม
คบชู้สู่ชายเป็นชื่อเสียงฉาวโฉ่ร้ายแรงปานใด คนที่พูดว่าไม่เก็บมาใส่ใจก็เพียงสุดปัญญาจะทำอะไรได้ ถึงได้หลอกตนเองเท่านั้น
เฉินกวงอึ้งงันไป
ท่าทีนี้ของฮูหยินแปลกๆ อยู่นะ ปกติควรพูดว่าไม่ใส่ใจมิใช่หรือ
เฉียวเจาส่งแผ่นรายชื่อในมือให้เฉินกวง “แม้จะพูดกันว่าข่าวลือเป็นดั่งสวะลอยน้ำ ยากมากที่จะหาต้นตอได้ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะไม่มีใครยินยอมทุ่มเทกายใจต่างหาก ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่อแพร่ออกมาได้ก็ต้องมีที่มาเสมอ ดีที่สิ่งที่พวกเราขาดแคลนน้อยที่สุดในยามนี้ก็คือเวลา”
“นี่คือ…” เฉินกวงก้มหน้ากวาดตาดูรายชื่อแวบหนึ่ง
“นี่เป็นรายชื่อฮูหยินของจวนต่างๆ ที่อยู่ในโถงตำหนักเดียวกับข้าตอนเข้าวังถวายพระพรในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง สองสามชื่อที่ใช้พู่กันหมึกแดงทำเครื่องหมายไว้คือคนที่ให้สืบก่อน เฉินกวง ข้าอยากให้เจ้าระดมกำลังคนมากขึ้นเพื่อเสาะหาตัวคนที่แพร่ข่าวลือผู้นั้นออกมา แน่นอนว่าถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างไรต้องลองดูก่อน”
วันนี้คนอื่นพูดว่านางมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่น วันพรุ่งอาจพูดว่าบุตรที่นางให้กำเนิดมิใช่ของกวนจวินโหว ไม่ลากตัวคนผู้นั้นออกมาจะมิใช่ว่าใครๆ ล้วนเหยียบศีรษะนางได้หรือไร
เฉินกวงเห็นเฉียวเจากล่าวอย่างเอาจริงเอาจังจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฮูหยิน ท่านวางใจเถอะ ท่านแม่ทัพมีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหลายคนแทรกซึมอยู่ตามหอน้ำชาร้านสุราเพื่อดึงพวกนักเลงหัวไม้ที่ไม่เอาการเอางานมาเป็นสมัครพรรคพวกโดยเฉพาะ คนพวกนี้หากินด้วยการสืบข่าว บัดนี้เริ่มใช้การได้แล้ว ให้พวกเขาได้ซ้อมมือพอดี”
เฉียวเจาผงกศีรษะ นางไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยง่าย แน่นอนว่าเพราะเซ่าหมิงยวนเคยบอกความลับให้นางรู้ก่อนออกจากเมืองหลวงว่ามีคนกลุ่มนี้สามารถเรียกใช้งานได้
ไม่ถึงห้าวันเฉินกวงก็มารายงานผล
“ฮูหยิน สืบได้แล้วขอรับ”
“เป็นผู้ใด”
“คนนี้ขอรับ” เฉินกวงยื่นรายชื่อส่งให้พร้อมชี้ตรงชื่อคนผู้หนึ่ง
หญิงสาวมองปราดเดียวอย่างคาดไม่ถึง ทว่าไม่รู้สึกแปลกใจ
ในเมื่อเป็นหนึ่งในบรรดาฮูหยินเป้าหมายหลักที่ให้เฉินกวงสืบ เป็นธรรมดาที่เฉียวเจาจะเห็นว่ามีโอกาสเป็นพวกนางมากที่สุด
หวังซื่อภรรยาของเสนาบดีศาลยุติธรรม เป้าหมายที่นางแพร่ข่าวลือคืออะไร
แม้ว่าสามีของหวังซื่อกับท่านลุงของจวนตะวันออกจะหมางใจกันบ้าง และส่งผลมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรือนหลังของสองตระกูลจากความคิดตื้นเขินของพวกสตรี กระนั้นนางเป็นบุตรสาวของจวนตะวันตก อีกทั้งยังออกเรือนแล้ว ตกลงว่าหวังซื่อเห็นนางขวางหูขวางตาด้วยเรื่องอะไรถึงได้กุข่าวลือที่ต่ำทรามปานนี้ออกมา
เฉียวเจาหลุบเปลือกตาลงน้อยๆ ใช้นิ้วมือเคาะพื้นโต๊ะหนังสือไม้จันทน์ม่วงเบาๆ แล้วฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
หวังซื่อเคยขอร้องท่านย่าหลายครั้งหลายหนอยากให้นางรักษาอาการมีบุตรยากของลูกสะใภ้คนเล็ก แต่โดนท่านย่าบอกปัดอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นทุกครั้ง หรือว่าเรื่องในวันนี้จะมีที่มาอย่างนี้
ทว่าเพียงแค่ปฏิเสธไม่ตรวจอาการให้ลูกสะใภ้คนเล็กของนาง นายหญิงตราตั้งขั้นสามผู้หนึ่งก็กระทำเรื่องพรรค์นี้ออกมามันคุ้มค่าหรือ
เฉียวเจาเม้มปาก นางไม่คิดว่าผู้ที่มีศักดิ์ฐานะในระดับหวังซื่อจะกระทำเรื่องที่ให้ร้ายคนอื่นเพื่อระบายความโกรธแต่ประการเดียวโดยไม่หวังผลอื่นใด
หวังซื่อได้ประโยชน์อะไรจากการทำลายชื่อเสียงของนาง
ความคิดในหัวเฉียวเจาแล่นไปมาหลายตลบ นางแลมองต้นพุทธรักษากอหนึ่งนอกหน้าต่างแล้วกระจ่างแจ้งในบัดดล
สามีไปออกศึกแดนไกล ภรรยามีข่าวลือว่าคบชู้ถูกคนหัวเราะเยาะ หากเป็นสามีภรรยาทั่วไป หลังจากสามีกลับมาจะมีผลลัพธ์เช่นไร
เกรงว่าหนังสือหย่าแผ่นเดียวยังน้อยไปด้วยซ้ำ
ถ้านางหย่ากับสามีแล้วกลับสกุลเดิม ดูจากที่ผ่านมาสกุลหลีปกป้องนางมาโดยตลอด ชีวิตย่อมปลอดภัยไร้ข้อกังวลใดๆ แต่ชื่อเสียงของสกุลหลีกับสถานการณ์ของนางคงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งแล้ว
ถึงตอนนั้นตำแหน่งฮูหยินเสนาบดีศาลยุติธรรมอันทรงเกียรติก็จะมีประโยชน์มากเป็นพิเศษใช่หรือไม่
เฉียวเจาเดินไปที่ริมหน้าต่างมองต้นพุทธรักษาที่งามสดสวยไม่เป็นสองรองใคร นางรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกถึงกลางใจ
‘คนไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินลงทัณฑ์’ นางได้รู้ซึ้งอีกคำรบหนึ่งว่าใช้คำกล่าวนี้กับคนบางคนแล้วเหมาะเจาะปานใด
“ฮูหยิน ข้ายังพบเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากขอรับ”
“เรื่องอะไร” นางหมุนกายกลับมา
“คนของเราจับตาดูคนในครอบครัวของพวกเขาอยู่ตลอดมิใช่หรือขอรับ วันก่อนลูกสะใภ้คนเล็กกลับสกุลเดิม ได้ยินโดยบังเอิญตอนนางร้องไห้ปรับทุกข์ว่าสามีนอนอยู่ห้องด้านข้างตลอด แล้วจะมีบุตรได้ที่ใดกัน…”
ครั้นปะทะเข้ากับสายตาแปลกใจน้อยๆ ของเฉียวเจา เฉินกวงเกาท้ายทอยอย่างกระดากใจ เขารีบกล่าวอธิบาย “ฮูหยิน มิใช่ว่าพวกข้ามีเจตนาแอบฟังเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยานะขอรับ แค่ได้ยินโดยไม่ตั้งใจ…”
“นี่คือเรื่องน่าสนใจที่เจ้าบอกหรือ” เฉียวเจาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่เข้ากันไม่ได้น่าสนใจที่ตรงใด
แค่กๆ นอนแยกห้องกันตลอดก็ต้องเข้ากันไม่ได้แน่นอน
“ไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอน...” เฉินกวงพูดถึงตรงนี้แล้วชะงักกึก ดวงหน้าขาวเกลี้ยงเป็นสีแดงเรื่อๆ อย่างน่าสงสัย
แววตาของเฉียวเจาทอประกายวูบหนึ่ง นางเอ่ยถามว่า “มีอะไร”
“ฮูหยิน พูดเรื่องนี้ออกมากลัวว่าหูของท่านจะแปดเปื้อนขอรับ”
เฉียวเจายิ้มแล้ว “คนข้างนอกนินทาข้าอย่างนั้น ข้ายังอยู่ดีมีสุข แล้วจะมีเรื่องอะไรที่ฟังไม่ได้”
เฉินกวงชั่งใจเล็กน้อยก่อนทำใจแข็งกล่าวว่า “บุตรชายคนเล็กของพวกเขามีใจเสน่หาบุรุษขอรับ”
“มีใจเสน่หาบุรุษ?”
“ขอรับ ก็คือไม่ชมชอบสตรี ชมชอบแต่บุรุษ คนของเราสะกดรอยตามบุตรชายคนเล็กของพวกเขาไป พบเห็นเขาอยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง ฮึๆ เขายังเป็นฝ่ายที่โดนทับอยู่ด้านล่างด้วยนะ…” เฉินกวงรีบปิดปาก เขาทำตาละห้อยมองเฉียวเจา
ข้าเป็นคนจริงจังมากจริงๆ ฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาดนะ!
บุรุษกับบุรุษ…
ในใจแม่นางเฉียวยามนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกตะลึงพรึงเพริด ภาพในสมุดเล่มเล็กๆ วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดคล้ายโคมม้าวิ่ง
นางมั่นใจว่าในสมุดเล่มเล็กไม่มีภาพอธิบายในเชิงนี้!