หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 765
บทที่ 765
“ฮูหยิน ฮูหยิน…”
เฉียวเจาดึงความคิดคืนมา นางปั้นหน้าขรึม “อื้อ”
“ฮูหยิน ท่านว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ” เฉินกวงย่อมมีความคิดเล่นงานคุณชายเล็กของจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมเป็นร้อยวิธี แต่เจ้านายยังไม่ออกคำสั่ง เขาจะตัดสินใจโดยพลการย่อมไม่เป็นการดี
หญิงสาวขบคิดเล็กน้อยแล้วไต่ถาม “พวกเจ้าเจอที่ใด”
“ที่เรือนชาวบ้านในตรอกหนึ่งไม่ไกลจากจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมขอรับ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก เจ้าให้คนจับตาดูไว้อย่าให้คลาดสายตา รอคุณชายผู้นั้นลอบนัดพบกับ…บุรุษอีกก็ส่งคนไปตะโกนร้องจับขโมย บอกว่าขโมยเข้าไปในเรือนหลังนั้นแล้วถีบประตูเข้าไปเลย จับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขาเท่านั้นเป็นพอ ถึงเวลาก็ต้องมีเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ยินเสียงเอะอะแล้วมาช่วยกันจับขโมยตามเข้าไปเอง” เฉียวเจาสั่งกำชับเสียงราบเรียบ
เฉินกวงมองนางด้วยสายตาสับสนปนเปอยู่สักหน่อย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮูหยินจะคิดไปในทางเดียวกับตน เขายังนึกว่าสตรีคงทำเรื่องใจร้ายเช่นนี้ไม่ลงคอ…ประเดี๋ยวก่อน จะเอาฮูหยินไปเปรียบกับสตรีพวกนี้มิได้ เขาลืมไปได้อย่างไรกัน ครั้งนั้นฮูหยินเป็นคนให้เขาปลอมเป็นผีไปหลอกคนมาแล้ว
เฉียวเจาคาดเดาความคิดของเฉินกวงได้หลายส่วน นางจึงคลายยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
คนอื่นวางอุบายเล่นงานนางแล้ว หรือว่านางยังต้องใจดีและคิดคำนึงถึงอีกฝ่ายอย่างเห็นอกเห็นใจด้วย
ท่านปู่เคยสอนนางไว้ว่า ‘ใช้ความดีตอบแทนความแค้นมิใช่นักบุญ แต่เป็นคนโฉดเขลา’
อีกประการหนึ่งฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาหมอมารักษาอาการมีบุตรยากให้ลูกสะใภ้คนเล็ก เห็นได้ว่าบุตรชายของนางปิดบังเรื่องนี้ไว้อย่างมิดชิด หลายปีมานี้ลูกสะใภ้ไม่ได้รับความเอ็นดูทะนุถนอมจากสามี ยังต้องทนรับแรงบีบคั้นจากมารดาของสามีอีก ชีวิตของนางจะลำเค็ญเพียงใดก็สุดรู้
เมื่อนางเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ดีไม่ดียังสามารถช่วยสตรีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ให้พ้นจากห้วงทุกข์อีกด้วย
“จริงสิ รอเมื่องานสำเร็จแล้ว อย่าลืมทำให้ฮูหยินของเสนาบดีศาลยุติธรรมเข้าใจด้วยว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”
ชำระแค้นโดยไม่บอกนามไม่ต่างอันใดกับสวมเสื้อแพรท่องราตรี หาใช่วิสัยของเฉียวเจาไม่
“ฮูหยินไว้ใจได้เลย มอบเป็นหน้าที่ข้าเอง รับรองว่าจะจัดการให้ท่านอย่างเรียบร้อยขอรับ”
เฉียวเจาแย้มยิ้ม นางเห็นเฉินกวงยังไม่ออกไปก็มองเขาอย่างฉงนใจ “ยังมีเรื่องใดอีกหรือ”
วงหน้าคมคายของเฉินกวงค่อยๆ แดงขึ้น “ฮูหยิน อันที่จริงข้าอายุน้อยกว่าท่านแม่ทัพเพียงสองปีเองขอรับ”
“หือ?” เฉียวเจามองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
มิใช่ง่ายๆ กว่าจะพูดเกริ่นนำได้ เฉินกวงรวบรวมความกล้าบอกออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว “ฮูหยินหาภรรยาให้ข้าสักคนเถอะขอรับ”
นางหรี่ตาลงถามด้วยรอยยิ้มพราย “เจ้าเห็นว่าสือหลิวเป็นอย่างไร”
“สือหลิว?” เฉินกวงทำหน้างงงัน “นี่เป็นพี่สาวท่านใดหรือขอรับ”
“อ๋อ ก็คนที่กวาดลานเรือนผู้นั้นอย่างไรเล่า”
เรือนกายสูงใหญ่อวบหนาผุดขึ้นในหัวเฉินกวงในพริบตา เขาทำหน้าม่อยอย่างสุดระงับ “ฮูหยิน ข้ารู้สึกว่าตนยังอายุน้อย หรือไม่รอไปอีกสักหน่อยดีกว่าขอรับ”
กล่าวคำนี้จบเฉินกวงก็เผ่นหนีแทบไม่ทัน
พอรู้ตัวคนกุข่าวลือและมีวิธีรับมือแล้ว เฉียวเจาก็อารมณ์ดีขึ้นพอดู จึงเรียกปิงลวี่เข้ามาแล้วบอกยิ้มๆ “วันนี้เฉินกวงขอให้ข้าหาภรรยาให้เขา”
“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ปิงลวี่กระดากกระเดื่องอยู่บ้าง แต่แสร้งทำท่าราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น
ประเดี๋ยวฮูหยินบอกว่าเฉินกวงอยากแต่งงานกับข้า ข้าจะตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธดีนะ โอ๊ย…ยุ่งยากใจจริงๆ
“ข้าเห็นว่าสือหลิวไม่เลวเลย”
ปิงลวี่เบิกตากว้างทันใด “คุณหนู ท่านอย่าล้อเล่นสิเจ้าคะ เอวของสือหลิวยังหนากว่าเฉินกวงเสียอีก”
อาจูฟังแล้วเม้มปากอย่างขบขันตลอด
เมื่อครู่ยังทำเป็นไม่สนใจอยู่เลยนะ ตอนนี้ถึงกับลืมเรียก ‘ฮูหยิน’ ด้วยซ้ำไป
“เอวหนาจะเป็นอะไรไป ว่ากันว่าสตรีลักษณะนี้ลูกดก” เฉียวเจาจงใจเย้าแหย่สาวใช้น้อย
ปิงลวี่กลับร้อนใจจริงๆ “ฮูหยิน ท่านอย่าจับคู่สุ่มสี่สุ่มห้าเป็นอันขาด เฉินกวงไม่ชอบสือหลิวแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาแย้มยิ้มกว้าง
ปิงลวี่ถึงคิดตามทันในตอนนี้ นางกระทืบเท้ากล่าวว่า “ฮูหยิน ไยท่านกระเซ้าข้าเล่า”
ข้ายังไม่หัวเราะเยาะที่เวลาท่านแม่ทัพอยู่เรือนฮูหยินลุกไม่ขึ้นบ่อยๆ แล้วตอนดึกๆ ยังขอน้ำตั้งหลายหนด้วยนะ!
เฉียวเจาหุบยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ปิงลวี่ เจ้ากับอาจูต่างเป็นสาวใช้ที่ใกล้ชิดที่สุดของข้า อีกทั้งถึงวัยมีคู่ครองแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องอาย เจ้ารู้สึกว่าเฉินกวงเป็นอย่างไร”
ปิงลวี่ผู้ร่าเริงโผงผางเป็นนิจกลับหน้าแดงทันควัน นางเม้มปากไม่พูดไม่จา
“ถ้าเจ้าไม่มีความคิดนี้ ข้าก็จะถามไถ่สือหลิวแล้วนะ…”
“อย่านะ!” ปิงลวี่รีบเอ่ยปากพูด นางมองสบสายตาแฝงแววยิ้มๆ ของผู้เป็นนาย ก่อนพูดอย่างขัดเขินว่า “อย่างนั้นก็ได้เจ้าคะ”
“อย่างใดหรือ”
“โธ่ ก็อย่างนั้นน่ะสิเจ้าคะ ดีชั่วก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง” ปิงลวี่พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน
เฉียวเจาหัวเราะพลางมองไปทางอาจู
แม้อาจูจะหน้าแดง แต่น้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้ายังอยากปรนนิบัติฮูหยินอีกสองปีเจ้าค่ะ”
เฉียวเจาไม่ได้ชื่นชอบเป็นแม่สื่อแม่ชัก นางยินดีที่ได้เห็นคนสมหวังในรัก แต่ถ้าไร้ใจนางก็ไม่คิดจะหาคู่ให้สาวใช้ข้างกายตามชอบใจ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “อย่างนั้นถ้าวันหน้าได้เจอคนที่ถูกใจก็บอกข้า ขอเพียงคนผู้นั้นประพฤติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ข้าจะไม่ขัดขวางเลย”
“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ” อาจูรีบกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตันใจเต็มเปี่ยม
ในฐานะสาวใช้ผู้หนึ่งมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของตนเองได้ส่วนหนึ่ง นี่นับเป็นบุญวาสนาสูงส่งแล้ว
เฉินกวงส่งคนไปปักหลักเฝ้าดู ไม่นานนักคุณชายเล็กของจวนเสนาบดีศาลยุติธรรมก็ลักลอบออกไปพบปะคู่รักอีกครั้ง
เรือนชาวบ้านหลังนั้นไม่โดดเด่นสะดุดตาเลยสักนิด ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นถ้าไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยก็เป็นพ่อค้าขายของเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อได้ข่าวว่าชายสองคนในเรือนเริ่มนัวเนียกันให้วุ่น ตรงปากตรอกพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นทันที
“จับขโมยๆ…”
ขอเพียงเรื่องที่ประสบพบเจอเป็นการจับขโมยหรือไฟไหม้พรรค์นี้ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ได้ยินเสียงดังเอะอะล้วนจะออกมาช่วยเหลือ เหนือสิ่งอื่นใดขณะนี้ยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ ชั่วเวลาสั้นๆ ก็มีคนออกมาดูเหตุการณ์ไม่น้อย พอเห็นคนทำท่าลับๆ ล่อๆ วิ่งอยู่ข้างหน้า ส่วนคนที่ไล่กวดตามหลังคือเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ตั้งแผงขายอาหารเช้าตรงปากตรอกก็พากันเข้าร่วมขบวนจับขโมยทันที
“เร็วเข้า! เจ้าหัวขโมยนั่นเข้าไปในเรือนหลังนี้แล้ว ปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้ มันลักขโมยกระทั่งเงินซื้อโลงศพของข้าไป” คนที่วิ่งตามมาตะเบ็งเสียงบอกดังลั่น
เพื่อนบ้านทั้งหลายได้ยินเช่นนี้แล้วก็เหลือจะทน มีคนอารมณ์ร้อนยกเท้าถีบประตูเรือนเปิดออกทันที จากนั้นทุกคนวิ่งกรูกันเข้าไปในพริบตา
เพลานี้เป็นจังหวะที่คุณชายเล็กของจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับคู่รักหนุ่มอยู่ ทันใดนั้นประตูก็เปิดผลัวะออกฉับพลัน มีคนยืนออกันแน่นอยู่หน้าประตู ทั้งหมดต่างมองจนปากอ้าตาค้าง
รอบด้านเงียบสนิทไปชั่วอึดใจก่อนเสียงร้องอุทานจะดังขึ้นเป็นทอดๆ
“ตายจริง! บุรุษหนุ่มทั้งแท่งสองคน บัดสีบัดเถลิงยิ่งนัก!”
“ไฉนมีคนเยี่ยงนี้เป็นเพื่อนบ้านได้ จะไม่ทำให้ฮวงจุ้ยเสียหายหรอกหรือ ไม่ได้ เอาตัวพวกเขาไปส่งทางการ ผิดจารีตประเพณีสิ้นดี”
น่าเวทนาคุณชายเล็กของเสนาบดีศาลยุติธรรมนัก เขาแอบเช่าเรือนหลังนี้ไว้ลับๆ จึงไม่มีใครล่วงรู้ฐานะ เขาถูกคนหลายคนจับมัดเอาไว้อย่างรวดเร็วแล้วจะลากตัวไปส่งทางการ
เมื่อได้ยินว่าต้องไปที่ทำการคุณชายจางตกใจจนขวัญหนีดีหาย ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่กล้าบอกว่าตนเป็นคนตระกูลใดเองเด็ดขาด ได้แต่ดิ้นขัดขืนตะโกนบอกว่าให้ปล่อยไม่หยุด
ตอนนี้เองมีคนอ้าปากพูดขึ้นกะทันหัน “เอ๊ะ! นี่คุณชายเล็กของจวนท่านเสนาบดีศาลยุติธรรมมิใช่หรือ ข้าเคยเห็นหน้าครั้งหนึ่งตอนไปที่ดื่มสุราที่ร้านไป่เว่ย”
คุณชายจางได้ยินว่าฐานะของตนเปิดเผยแล้วก็ทั้งอับอายทั้งร้อนใจจนหน้ามืดสิ้นสติไป