หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 778
บทที่ 778
‘ตาเฒ่าหนังเหนียว’ ฮ่องเต้หมิงคังมองดูพระโอรสที่เกือบไปจบชีวิตต่างถิ่นอย่างปลื้มปีติเป็นอันมาก “กลับมาก็ดีแล้ว”
เขาก็ว่าแล้วเชียว เขาส่งเจ้าห้าไปขอพรที่เขาหลิงไถ สวรรค์สมควรคอยช่วยเหลือจึงจะถูก ไฉนจะปล่อยให้เจ้าห้าตายอยู่ที่อื่นเล่า
แล้วก็เป็นไปตามคาด นี่เจ้าห้ากลับมาโดยสวัสดิภาพแล้วมิใช่หรือ
ฮ่องเต้หมิงคังมองสำรวจรุ่ยอ๋องอย่างละเอียดแล้วพยักหน้าอย่างพึงใจ
อืม เจ้าห้าดูมีเนื้อมีหนังมากขึ้นกว่าครั้งที่พบกันเมื่อสามปีก่อน
เขายังถามไถ่ถึงเรื่องราวที่พระโอรสประสบพบเจอในช่วงที่ผ่านมา
รุ่ยอ๋องรอดตายมาได้ล้วนเป็นเพราะองครักษ์ที่เซ่าหมิงยวนส่งมาช่วยเอาไว้ บัดนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่ออีกฝ่าย แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าพระบิดาเป็นคนช่างระแวง จึงย่อมไม่เอ่ยถึงสักครึ่งคำ เลือกเล่าแต่เหตุการณ์ตอนตกอยู่ในอันตรายเป็นตายเท่ากัน
“นี่แสดงว่าในกลุ่มคนเร่ร่อนพวกนั้นมีโจรแฝงตัวปะปนอยู่ด้วยจริงๆ หรือ”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ในกลุ่มพวกคนเร่ร่อนมีคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน องครักษ์ของกระหม่อมบาดเจ็บล้มตายด้วยน้ำมือของพวกเขาไปมากกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็พลัดหลงกันไป หลังจากนั้นกระหม่อมถูกผลักตกแม่น้ำ เดชะบุญที่ได้บารมีของเสด็จพ่อคุ้มครองถึงกลับมาอย่างปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงคังกล่าวอย่างครุ่นคิด “โจรที่ฟ้องร้องหลันซงเฉวียนยังถูกจองจำไว้ในคุกหลวงของกรมอาญา ให้เสนาบดีกรมอาญาพาเจ้าไปชี้ตัว”
สำหรับรุ่ยอ๋องแล้วการไปชี้ตัวคนร้ายก็เพียงทำพอเป็นพิธีเท่านั้น เขามิใช่คนเบาปัญญาสักหน่อย มิใช่ง่ายดายกว่าหลันซานกับบุตรชายจะถูกโค่นล้มลง หรือเขายังต้องช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้สองคนนั้นอีก หลายปีมานี้สองพ่อลูกคู่นั้นขัดแข้งขัดขาเขาไว้ไม่น้อย ชูธงโจ่งแจ้งว่ายืนอยู่ข้างมู่อ๋อง
เรื่องนี้จึงเป็นอันว่าตอกตะปูปิดฝาโลงไป รุ่ยอ๋องกลับถึงวังอ๋องก็ชำระกายผลัดอาภรณ์แล้วจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนอนหลับอย่างเต็มที่สองวันถึงนับว่าฟื้นฟูเรี่ยวแรงกลับมาได้
ครั้นคิดถึงว่าหนนี้สามารถฝ่าข้ามประตูนรกมาได้ล้วนเป็นเพราะอาศัยองครักษ์ของกวนจวินโหว รุ่ยอ๋องตรึกตรองอยู่นานพักหนึ่งแล้วออกเดินไปที่เรือนของหลีเจี่ยว
ในช่วงที่ไม่รู้ว่ารุ่ยอ๋องเป็นหรือตายนี้ หลีเจี่ยวซูบผอมลงจนคางแหลมแก้มตอบ เอวเล็กคอดกิ่ว อีกทั้งเพราะเปลี่ยนมาสวมชุดฤดูร้อน ดูไปแล้วถึงกับคล้ายจะถูกลมพัดปลิวไปได้
รุ่ยอ๋องเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้อยู่บ้าง เขากุมมือนางพลางพูด “ที่ผ่านมาทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว”
หลีเจี่ยวหลั่งน้ำตารินทันที “หม่อมฉันเป็นห่วงไม่นับว่ามีอะไร ขอเพียงท่านอ๋องทรงปลอดภัยเท่านั้นเป็นพอ หากทรงเป็นอะไรไปจริงๆ หม่อมฉันคงติดตามพระองค์ไปแล้ว ที่อดทนมาถึงตอนนี้ได้ก็เพราะคิดว่าท่านอ๋องทรงมีบุญญาธิการล้นฟ้าจะต้องไม่เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์แน่…”
รุ่ยอ๋องฟังแล้วประทับใจยิ่งขึ้น เขาบีบมือนางแน่นๆ พลางกล่าวว่า “เจี่ยวเหนียง ข้าตั้งใจจะทูลขอแต่งตั้งเจ้าเป็นชายารอง”
หลีซื่อกลายเป็นชายารอง สกุลหลีก็พอจะนับเป็นเครือญาติกันได้แบบถูๆ ไถๆ แล้ว ถึงตอนนั้นให้หลีซื่อไปมาหาสู่กับฮูหยินของกวนจวินโหวบ่อยๆ คนอื่นก็หาข้อครหาไม่ได้
สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับกวนจวินโหวก็จะกระชับแน่นแฟ้นขึ้นอีกขั้นไปโดยปริยาย
หลีเจี่ยวดีใจจนเนื้อเต้น แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้สักเศษเสี้ยว นางหลุบตาลงต่ำพลางพูดอย่างเจียมตน “หม่อมฉันมีคุณงามความดีอันใดจะรับตำแหน่งชายารองได้เล่าเพคะ พี่น้องคนอื่นๆ ในวังถ้ามิใช่เข้าวังมาก่อนหม่อมฉันก็มีพระราชนัดดาน้อยให้ท่านอ๋อง…”
รุ่ยอ๋องยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เข้าวังก่อนแล้วมีอันใด ในวังมีคนใดชาติตระกูลสูงส่งกว่าเจ้าบ้าง ท่านลุงของเจ้าคือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก บิดาเป็นราชบัณฑิตหลวงที่สัตย์ซื่อทรงคุณธรรม ว่าไปแล้วเป็นชายารองยังถือว่าลดเกียรติลงด้วยซ้ำไป สำหรับเรื่องพระราชนัดดาน้อยนั้น เจ้าคลอดบุตรสาวคนโตให้ข้าแล้ว ยังต้องกลัดกลุ้มอีกหรือว่าวันหน้าจะให้กำเนิดพระราชนัดดาน้อยไม่ได้”
หลีเจี่ยวข่มความตื่นเต้นยินดีไว้ในใจแล้วแสดงคารวะต่อรุ่ยอ๋อง “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเมตตาหม่อมฉันอย่างล้นเหลือเพคะ”
นางสมหวังแล้วในที่สุด แม้จะเป็นเพียงชายารอง แต่ในวังไม่มีชายาเอก ภายภาคหน้านางก็ครองความเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว
อีกอย่างในบรรดาอนุมากมายในวัง นางสามารถก้าวข้ามหน้าอนุสองคนที่ให้กำเนิดพระโอรสขึ้นไปเป็นชายารอง เห็นได้ว่าในใจท่านอ๋องเห็นความสำคัญของนางอย่างแท้จริง
รุ่ยอ๋องต้องตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกมาพักหนึ่ง ยามนี้หญิงงามอยู่ตรงหน้า ซ้ำยังมีท่าทางโอนอ่อนคล้อยตามทุกอย่าง บันดาลให้อดเกิดอารมณ์ปรารถนาขึ้นมาไม่ได้ เขาดึงนางมาใกล้ๆ แล้วประทับจูบ
หลีเจี่ยวยินดีจนสุดระงับ พลันละทิ้งท่าทีสงวนตัวของหญิงสาวตระกูลใหญ่ไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้รุ่ยอ๋องติดใจในรสเสน่หาครอบครองนางต่อๆ กันสองครั้งถึงหยุดพัก
รุ่ยอ๋องประสบเคราะห์ร้ายในครานี้มีต้นเหตุจากการไปขอพรแทนฮ่องเต้หมิงคังซึ่งพระองค์ทรงรู้ดีแก่ใจ ด้วยเหตุนี้คำทูลขอแต่งตั้งตำแหน่งชายารองของเขาจึงได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ด้านหยางไทเฮาได้รู้ความเคลื่อนไหวนี้ก็เรียกรุ่ยอ๋องไปพบ “ข้าได้ยินว่าเจ้าทูลขอแต่งตั้งหลีซื่อเป็นชายารองหรือ”
เขาเอ่ยตอบ “ในวังของกระหม่อมขาดประมุขหญิงมานาน สมควรมีคนคอยดูแลการงานต่างๆ ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เชี่ยนเหนียงดูแลการงานต่างๆ ในวังอ๋องมาโดยตลอดมิใช่หรือ ข้าเห็นว่านางทำหน้าที่ได้ดี หลายปีมานี้จัดการเรื่องสัพเพเหระพวกนั้นในวังอ๋องได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย”
“แม้ว่าเชี่ยนเหนียงจะทำหน้าที่ได้ดี แต่ถึงที่สุดแล้วก็เคยเป็นเพียงสาวใช้ประจำตัวของชายาเอกคนเดิม อีกทั้งไม่มีบุตรธิดาสักคน ทูลขอแต่งตั้งนางเป็นชายารองเกรงว่าจะเป็นที่ติฉินนินทาของผู้คนได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาฟังถึงตรงนี้แล้วแย้มยิ้ม “หากพินิจตามผู้สืบสกุล ในวังของเจ้ามีอนุสองคนคลอดพระโอรสให้เจ้ามิใช่หรือ”
“พวกนางคนหนึ่งเป็นบุตรสาวของคนเชือดหมู อีกคนเคยเป็นนางรำมาก่อน ยิ่งไม่เป็นที่ยอมรับนับถือของผู้อื่นพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว”
หลังบอกให้รุ่ยอ๋องกลับไป หยางไทเฮาก็สั่งให้ไหลสี่ไปเชิญฮ่องเต้หมิงคังทันที
ถึงแม้ฮ่องเต้หมิงคังจะแล้งน้ำใจกับพระสนมชายาและพระโอรสพระธิดา แต่กลับมีความกตัญญูต่อพระมารดา เขาวางงานในมือลงแล้วไปที่ตำหนักฉือหนิงโดยไม่รอช้า
ยามเห็นพระโอรสที่แลดูบริสุทธิ์สูงส่งดุจผู้ทรงศีล ตรงหว่างคิ้วของหยางไทเฮากระตุกริกๆ นางท่องคำว่าอมิตาภพุทธอยู่ในใจคำหนึ่งก่อนเอ่ยปากขึ้น “จางเอ๋อร์กลับมาได้อย่างปลอดภัย ข้าวิตกกังวลมาพักใหญ่ถึงสบายใจได้เสียที”
“ทำให้เสด็จแม่ต้องทรงเหนื่อยพระทัยแล้ว”
หยางไทเฮาปรายตามองฮ่องเต้หมิงคังปราดหนึ่งถึงพูดเปลี่ยนไปอีกทาง “แต่ข้าสบายใจได้เพียงครึ่งเดียว”
ฮ่องเต้หมิงคังวางสีหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ
“รุ่ยหวังเฟยจากไปหลายปี วังอ๋องใหญ่โตไม่มีคนดูแลสักคนเดียว ตอนมีข่าวว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจางเอ๋อร์แพร่ออกมา ใจข้าทุรนทุรายคล้ายอยู่ในหม้อน้ำมันเดือด คิดคำนึงว่าหากจางเอ๋อร์มีอันเป็นไป วังรุ่ยอ๋องจะทำฉันใดดี โอรสธิดาสองสามพระองค์ที่เพิ่งเกิดมาก็ไม่มีแม้แต่มารดาที่เป็นชายาเอก จะปล่อยให้พวกอนุเลี้ยงดูสั่งสอนกันเองคงไม่ได้กระมัง”
“ความหมายของเสด็จแม่คือ…”
“ข้าเห็นว่าสมควรเลือกชายาคนใหม่ให้จางเอ๋อร์ได้แล้ว”
ตอนรุ่ยหวังเฟยล้มป่วยล่วงลับจากไป โอรสธิดาหลายพระองค์ของเขาก็อายุสั้นตายไปเรื่อยๆ ส่งผลให้เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์เกิดข้อกังขาในใจ ต่างไม่กล้าส่งบุตรสาวที่เลี้ยงดูทะนุถนอมจนเติบใหญ่เข้าวังอ๋องกัน
ถึงได้เป็นชายาคนใหม่ของท่านอ๋องเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเลือกข้างผิดก็เท่ากับพาคนทั้งตระกูลมาเดือดร้อนไปด้วย
ฮ่องเต้หมิงคังกับไทเฮาแจ่มแจ้งถึงจุดนี้ดี จึงวางเรื่องเลือกชายาให้รุ่ยอ๋องลงก่อนชั่วคราว
“ไม่ทราบว่าเสด็จแม่ทรงมีคนที่ถูกพระทัยหรือยัง”
หยางไทเฮาเหลือบเปลือกตาขึ้น “พักก่อนฮูหยินผู้เฒ่าของหลิวซิ่งโหวพาคุณหนูหกเข้าวังมาเยี่ยมข้า ข้าเห็นแม่เด็กน้อยผู้นั้นแล้วไม่เลวเลยทีเดียว”
หนังตาของฮ่องเต้หมิงคังกระตุกทีหนึ่ง เขาใคร่ครวญเพียงครู่เดียวก็ตอบตกลง
เจ้าห้าเป็นพี่ชาย อีกทั้งมีความชอบจากการไปขอพรแทนเขา การเลือกชายาคนใหม่จากตระกูลของไทเฮาก็ถือเสียว่าเป็นการแสดงท่าทีของเขาในทางหนึ่งเถอะ
แน่นอนว่าเขามิได้บอกออกมาตรงๆ ว่าวันหน้าหากเจ้าห้าไม่ถูกใจก็สามารถเปลี่ยนคนได้ทุกเมื่อ