หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 790
บทที่ 790
ฮ่องเต้หมิงคังล้มลงกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ฝ่าบาท!” ขุนนางทั้งหลายตะลึงพรึงเพริดถึงขีดสุด
เว่ยอู๋เสียคุกเข่ากับพื้นร่ำไห้สุดเสียง
เรื่องอะไรกันนี่! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นเลยนะ!
“แพทย์หลวงเล่า! รีบมาช่วยฝ่าบาทเร็วเข้าสิ” เว่ยอู๋เสียตะโกนพูดปนสะอื้น
หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่วิ่งงุ่มง่ามออกมาจากทางที่ใดก็สุดรู้พุ่งตรงไปหาฮ่องเต้หมิงคังทันที
จังหวะนี้เองเสียงตวาดห้วนจัดดังขึ้น “มู่อ๋องจะยึดอำนาจชิงบัลลังก์ หลังจากล้มเหลวโดนตัดสินโทษถึงกับปลงพระชนม์ฮ่องเต้ต่อหน้าผู้คน มีความผิดร้ายแรงอภัยให้ไม่ได้จริงๆ องครักษ์จินหลินรับคำบัญชา จับกุมมู่อ๋องรวมถึงองครักษ์อวี่หลินที่เป็นพรรคพวกเดียวกันเอาไว้ให้หมดเดี๋ยวนี้! “
“ขอรับ” องครักษ์จินหลินยกดาบซิ่วชุนจ่อไปทางพวกมู่อ๋อง ประกายเย็นเยียบใต้แสงไฟทำให้ผู้คนหนาวยะเยือกไปทั่วร่าง
มู่อ๋องซวนเซถอยหลังพลางส่ายหน้าไม่หยุด “ข้าเปล่า ข้าเปล่านะ…”
พอเห็นองครักษ์จินหลินย่างสามขุมเข้ามา ประกอบกับเหตุไม่คาดฝันที่เกิดกับฮ่องเต้หมิงคัง ทำให้มู่อ๋องตกใจเสียขวัญแต่แรก เขาหมุนกายจะออกวิ่ง
พลันนั้นประกายดาบไหววูบหนึ่ง ศีรษะของมู่อ๋องก็หลุดกระเด็นทันที โลหิตพุ่งกระฉูดออกจากลำคอสูงสามฉื่อสาดกระเซ็นดุจละอองฝน
“อ๊า…” เสียงร้องอุทานดังระงมไปทั่ว
เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์ผงะถอยอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ส่วนพวกนางกำนัลขันทีตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
องครักษ์จินหลินภายใต้การบัญชาการอย่างเยือกเย็นของเจียงหย่วนเฉาปิดล้อมองครักษ์อวี่หลินไว้อย่างรวดเร็ว ด้านเว่ยอู๋เสียนำพากองกำลังฝ่ายในเข้าห้ำหั่นกับคนของหลิวฉุน สีหน้าของเขาฉายแววโกรธแค้นอย่างปิดไม่มิดหลังจากหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ป่าวประกาศว่าหมดหนทางช่วยชีวิตฮ่องเต้หมิงคังได้แล้ว
“ใต้เท้า พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ” องครักษ์จินอู๋ผู้หนึ่งไต่ถามผู้บัญชาการหวังไห่เทาอย่างสับสนงุนงง
หวังไห่เทาถือดาบยาวในมือ เผยรอยยิ้มเยาะหยันกับวั่นตงหยางผู้บัญชาการกององครักษ์อวี่หลินที่ต่อสู้จนเหนื่อยอ่อนแล้ว เขาบอกเสียงดังว่า “ย่อมต้องทุ่มสุดกำลังปราบปรามพวกกบฏที่เหลืออยู่แน่นอน”
ความโกลาหลอลหม่านเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเวลาอันสั้น หนนี้กำลังของสองฝ่ายต่างกันมาก แทบจะเป็นการกวาดล้างสังหารอยู่ฝ่ายเดียว
พวกขุนนางผู้สูงศักดิ์เห็นชายหนุ่มล้มตายคนแล้วคนเล่า บ้างก็รู้จัก บ้างก็ไม่รู้จัก ในบรรดานี้บางทีอาจยังเป็นบุตรชายของบางครอบครัวรวมอยู่ด้วย ทว่าพวกเขานอกจากมองดูตาปริบๆ แล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งสิ้นและไม่กล้าทำด้วย
ฮ่องเต้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่เป็นการยืนยันว่ามู่อ๋องก่อการกบฏ แต่ตอนนี้มู่อ๋องสิ้นชีพไปแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่ารุ่ยอ๋องคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์
ในเวลานี้ใครจะกล้าขอความเมตตาให้องครักษ์อวี่หลินเล่า
อย่าลืมว่าวั่นตงหยางผู้บัญชาการกององครักษ์อวี่หลินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้นกับมู่อ๋อง หลังจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์สามารถไม่ถือสาหาความที่องครักษ์จินหลินตัดสินใจพลาด แต่ไม่มีทางละเว้นองครักษ์อวี่หลินที่เข้ากับมู่อ๋องอย่างเด็ดขาด
ดวงจันทร์บนท้องฟ้าบัดเดี๋ยวถูกผืนเมฆบดบังบัดเดี๋ยวเยี่ยมหน้าออกมาครึ่งหนึ่งชมดูโลกมนุษย์ที่เป็นดังนรกอย่างเฉยชา
ผ่านพ้นกลางดึกไปแล้ว พระตำหนักที่แสงไฟสว่างไสวเจิ่งนองไปด้วยโลหิต หลังถูกไล่ต้อนเข่นฆ่าอย่างไร้ทางสู้องครักษ์อวี่หลินสองสามคนสุดท้ายล้มลงดับดิ้นไปพร้อมความตื่นกลัวระคนไม่ยอมจำนน
เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจามายืนอยู่กลางกลุ่มคนตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้
“จะยุติแล้วใช่หรือไม่” อากาศยามราตรีกลางเขาหนาวเย็น เฉียวเจากระชับเสื้อคลุมบางๆ ให้แน่นขึ้น แม้สุ้มเสียงของนางจะสงบนิ่งแต่ใบหน้ากลับซีดขาว
พอเห็นคนมีเลือดเนื้อจิตใจต้องล้มตายไปอย่างนี้คนแล้วคนเล่าต่อหน้าต่อตา หากจะบอกว่าไม่สะดุ้งสะเทือนคงเป็นไปไม่ได้
เซ่าหมิงยวนจับมือนางไว้ตลอด สายตาของเขามองผ่านฝูงชนไปจับอยู่ที่ตัวเจียงหย่วนเฉาพลางกล่าวเสียงเบา “เกรงว่าจะยังไม่ยุติ”
ลูกธนูดอกนั้นไม่ใช่ฝีมือของเว่ยอู๋เสียแน่นอน และยิ่งไม่มีทางที่จะเป็นมู่อ๋องที่ตกใจเสียขวัญไปแล้ว เช่นนั้นคนที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเจียงหย่วนเฉาผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน!
ผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินที่บังอาจปลงพระชนม์เจ้าเหนือหัว เรื่องนี้มีแผนร้ายอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่ เพียงขบคิดดูก็ชวนให้อกสั่นขวัญผวา แล้วเรื่องจะยุติลงเท่านี้ได้อย่างไรกันเล่า
เขาเห็นองครักษ์อวี่หลินคนสุดท้ายล้มลงก็แหงนหน้ามองฟ้า
ผืนคัคนานต์สีเข้มถูกแต่งแต้มด้วยดวงดาววาววับดุจอัญมณี ดวงจันทร์หลบเร้นอยู่ในชั้นเมฆพอดี
เซ่าหมิงยวนลอบถอนใจเบาๆ
นี่คือยุติที่ใดกัน บางทีอาจเพียงเพิ่งเริ่มต้น
ราวกับรับรู้ได้เจียงหย่วนเฉาทอดสายตามองสบดวงตาเซ่าหมิงยวนจากที่ไกล มุมปากเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ใต้เท้า พรรคพวกของมู่อ๋องถูกกวาดล้างหมดแล้วขอรับ” องครักษ์จินหลินคุกเข่าลงข้างหนึ่งกล่าวกับเจียงหย่วนเฉา
เขาดึงสายตากลับแล้วพยักหน้าเอื่อยๆ สาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปหารุ่ยอ๋อง
“ท่านอ๋อง พรรคพวกของมู่อ๋องถูกสำเร็จโทษหมดสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีๆ ท่านผู้บัญชาการเจียงรีบลุกขึ้นเถอะ” ขณะนี้มือเท้าของรุ่ยอ๋องยังเย็นเฉียบ แม้แต่อ้าปากพูดก็ยังระคายคอ
เสด็จพ่อสิ้นแล้ว น้องหกก็เช่นกัน นี่หมายความว่าบัลลังก์เป็นของเขาแล้ว
เขาจะได้สืบทอดแผ่นดินต้าเหลียงอย่างถูกต้องชอบธรรม
ความสุขมาเยือนอย่างกะทันหันเกินไป เขาตั้งรับไม่ทันอยู่สักหน่อย
รุ่ยอ๋องยกมือกุมอก ฝืนปั้นสีหน้าโศกาอาดูรเต็มที่ “คิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะทรง…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง
เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์รีบกล่าวปลอบ “ท่านอ๋อง ตอนนี้มิใช่เวลาจมอยู่กับความโศกเศร้านะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ต้องทรงหักห้ามพระทัย ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้พระองค์สะสาง…”
รุ่ยอ๋องเกือบเปล่งเสียงหัวร่อออกมา โชคดีที่เขาใช้แขนเสื้อบังหน้าไว้ถึงไม่มีคนเห็น
ฟังดูสิ ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้สะสาง…
ที่แท้นี่คือความรู้สึกของผู้ครองใต้หล้า ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ!
อันที่จริงเขาควรโศกเศร้า แต่พอเป็นพระบิดาที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาหลายปี แต่จู่ๆ ก็สวรรคตไปตอนนี้ เขาก็อยากร้องไห้มากแต่เขาทำไม่ได้จริงๆ!
มีแต่ความดีใจ ดีใจเหลือเกิน!
เพื่อกลบเกลื่อนความปีติยินดี รุ่ยอ๋องยกแขนเสื้อขึ้นแล้วร้องไห้ต่ออีกครู่หนึ่ง พอขุนนางทั้งหลายพร่ำพูดปลุกปลอบเขาถึงได้สงบลง
รุ่ยอ๋องมองขุนนางที่อยู่รอบตัวแล้วสูดจมูก “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เช่นนั้น…”
เขายังพูดไม่จบเสียงต่อสู้ฆ่าฟันก็ดังลอยมาจากทุกทิศทางอย่างฉับพลัน เสียงดังสนั่นโครมครามดุจฟ้าคำราม แม้แต่ผืนดินใต้ฝ่าเท้าที่ถูกอาบย้อมเป็นสีแดงยังเหมือนกับสั่นสะเทือนไปด้วย
“เสียงอะไร”
ทุกคนเหลียวดูทั้งสี่ด้านอย่างลุกลน เห็นเงาดำทะมึนของคนกลุ่มใหญ่ที่หลั่งไหลมาทางพระตำหนักอย่างรวดเร็ว ใต้แสงดาวทั่วฟ้าเห็นได้ชัดถนัดถนี่ว่าคนเหล่านั้นถือดาบยาวและเกาทัณฑ์หน้าไม้ไว้ในมือ อาวุธมีคมสะท้อนแสงจันทร์เปล่งประกายเย็นเยียบ
ในขณะที่ทุกคนตะลึงงันอยู่ คนกลุ่มใหญ่นั่นก็เข้ามาประชิดแล้ว ดูจากการแต่งกายล้วนเป็นชาวป่าชาวเขา ทว่าแววตาวาววามดุจสุนัขป่าชวนให้ขวัญหนี
ห่าฝนธนูพุ่งลอยมานับไม่ถ้วน เกิดเสียงร้องโหยหวนดังขรม
“อารักขาท่านอ๋อง!” หวังไห่เทาผู้บัญชาการกององครักษ์จินอู๋เอาตัวบังอยู่ด้านหน้ารุ่ยอ๋องทัน เขาคุ้มกันรุ่ยอ๋องไปพลางตะโกนบอกไปพลาง “ผู้บัญชาการเจียง ข้าคุ้มกันท่านอ๋องออกจากที่อันตรายก่อน ส่วนทางนี้ฝากท่านด้วย”
เจียงหย่วนเฉาฟังแล้วแย้มปากยิ้ม “ได้”
เขาชูมือขึ้นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดัง “ลงมือ!”
สิ้นเสียงเขาองครักษ์จินหลินส่วนหนึ่งเล็งเกาทัณฑ์ใส่ผู้บุกรุก ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้ยิงธนูสักดอกก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มตึง
ชั่วอึดใจที่ล้มลงกับพื้นองครักษ์หนุ่มเหล่านี้สองตาเหลือกลานอย่างไม่อยากเชื่อสายตาของตน
จวบจนหมดลมหายใจพวกเขายังไม่กระจ่างแจ้งว่าเหตุใดพี่น้องที่กินนอนด้วยกันมาโดยตลอดถึงหันอาวุธใส่ตน
“เจียงสือซาน เจ้าทำอะไร!” เจียงสืออีฉุกใจได้ทันควันว่าไม่ชอบมาพากล เขาถือดาบซิ่วชุนจ่อไปที่เจียงหย่วนเฉาพลางเอ่ยถามเสียงกระด้าง
เจียงหย่วนเฉายิ้มกับเขา “ข้าย่อมทำเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้ว”
“ผู้บัญชาการเจียง ไฉนผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านถึงลงมือกับพวกเดียวกันเอง” สมุหราชเลขาธิการสวี่ตวาดถามขึ้นกลางฝูงชน “ท่านจะก่อกบฏหรืออย่างไร!”
เจียงหย่วนเฉาชายตามองสวี่หมิงต๋าพลางกล่าวยิ้มๆ “กบฏอะไรกัน เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วพึงควรเป็นซู่อ๋องได้ครองแผ่นดินนี้ ข้าในฐานะบุตรชายของซู่อ๋องก็แค่ช่วงชิงสิ่งที่ควรเป็นของตนกลับมาเท่านั้นเอง”