หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 792
บทที่ 792
เซ่าหมิงยวนไม่ให้คำตอบที่แน่ชัด ทำให้รุ่ยอ๋องร้อนรุ่มใจมากขึ้น
ตอนนี้เองมีข้ารับใช้มารายงาน “ท่านอ๋อง ชายารองเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”
“นางมาทำอะไร” รุ่ยอ๋องเอ่ยถามโดยไม่ทันคิด ครั้นนึกได้ว่าเฉียวเจาอยู่ที่นี่ เขาจึงเปลี่ยนเป็นพูดว่า “เชิญชายารองเข้ามา”
ผ่านไปครู่หนึ่งมีเสียงหยกพกกระทบกันดังขึ้น หลีเจี่ยวย่างเท้าเข้ามา นางประคองถาดใบหนึ่งไว้ในมือ บนนั้นวางโถน้ำแกงเล็กกะทัดรัดไว้หลายใบ
ราวกับว่าเสียงต่อสู้กันด้านนอกไม่ส่งผลใดๆ ต่อหลีเจี่ยว นางเห็นรุ่ยอ๋องแล้วแสดงคารวะทันที
“มีธุระอันใดหรือไม่” หลีเจี่ยวออกมาเองโดยพลการในเวลาที่มีคนนอกอยู่ด้วย จึงสร้างความไม่พึงใจให้รุ่ยอ๋องอยู่บ้าง แต่เขาเห็นว่ายามนี้อยู่ในสถานการณ์ผิดปกติจึงทำน้ำเสียงดีขึ้น
หลีเจี่ยวมีสีหน้าห่วงใย “ท่านอ๋องมิได้เสวยพระสุธารสสักคำเดียวมาทั้งวัน หม่อมฉันต้มของหวานมาให้ท่านอ๋องเสวยให้ชุ่มพระศอเพคะ”
“เจ้าช่างเอาใจใส่นัก” สีหน้าเขาอ่อนละมุนลง
เขาทนเหนื่อยมานานถึงเพียงนี้จนร่างกายเริ่มไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ ก่อนหน้านี้จิตใจตึงเครียดอยู่ตลอดเลยยังไม่รู้สึกอะไร บัดนี้พอเข้ามาในเรือนแล้วดูเหมือนเสียงฆ่าฟันจะอยู่ห่างไกลชั่วคราว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาทันควัน
หลีเจี่ยวพยักหน้าให้เฉียวเจา “น้องเจากับท่านโหวก็กินสักชามสิ อีกประเดี๋ยวเกรงว่ายังต้องเหนื่อยอีก”
“ขอบคุณพี่เจี่ยวมาก พวกข้าไม่เป็นไร ข้ากับท่านโหวล้วนไม่ชอบกินของหวานเจ้าค่ะ” เฉียวเจาบอกปัดเสียงเรียบๆ
พวกนางกินอิ่มนอนหลับ ไม่ได้ต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างคนอื่นๆ ขณะนี้ยังสดชื่นไม่เลวจริงๆ
ดวงหน้าของหลีเจี่ยวหม่นลงวูบหนึ่ง นางตวัดสายตามองรุ่ยอ๋องอย่างฉับไว
เพลานี้รุ่ยอ๋องมีแก่ใจพะเน้าพะนอหญิงสาวที่ใดกัน เขารีบโบกมือพลางกล่าว “เจ้ายกของหวานเข้ามาเสร็จแล้วกลับไปคอยที่ห้องเถอะ นี่มิใช่เรื่องที่สตรีผู้หนึ่งเช่นเจ้าสมควรยุ่งเกี่ยว”
หลีเจี่ยวได้ยินแล้วลอบขมขื่นใจระลอกหนึ่ง ในเมื่อไม่ใช่เรื่องที่สตรีสมควรยุ่งเกี่ยว เหตุใดหลีซานจึงยืนชูคออยู่ข้างกายกวนจวินโหวได้
แน่นอนว่านางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หรอก แต่นางมิใช่คนโง่เขลา ย่อมประจักษ์แก่ใจว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น
ถ้าหากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ ท่านอ๋องต้องมีคนคุ้มกันพาหนีไป ถึงตอนนั้นจะมีคนนึกถึงนางหรือไร
หากสตรีวัยสาวสะพรั่งอย่างนางตกอยู่ในมือโจรกบฏพวกนั้น ซ้ำยังมีศักดิ์ฐานะเป็นชายารองของรุ่ยอ๋องนางจะมีจุดจบเช่นไร
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากอยู่ข้างพระวรกายตลอดเวลาเพคะ” หลีเจี่ยวกล่าวขอร้อง
“เฮ้อ…ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่เจ้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เป็นเด็กดี รีบกลับห้องไปเสีย” รุ่ยอ๋องถอนใจเฮือกแล้วเอ่ยสั่งข้ารับใช้ “ส่งชายารองกลับห้อง”
หลีเจี่ยวโมโหเจียนตายแต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้าแม้สักเศษเสี้ยว นางจำใจเดินกลับไปแต่ยังมองเหลียวหลังซ้ำๆ
เพิ่งผ่านไปราวครึ่งชั่วยามมีคนเข้ามารายงาน “ท่านอ๋องๆ พวกโจรกบฏบุกมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องลุกพรวดขึ้นยืนจนปัดชามของหวานที่กินไปเกินครึ่งแล้วล้มตะแคง เขาคว้าแขนเสื้อเซ่าหมิงยวนไว้หมับ “ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี”
สายตาของเซ่าหมิงยวนหยุดอยู่ที่สองมือซึ่งขยุ้มแขนเสื้อของตนไว้ของรุ่ยอ๋อง ในใจเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เพียงเพราะรุ่ยอ๋องชอบจับแขนเสื้อเขาบ่อยๆ นี่ล่ะ ทำให้เขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นวายไร้สาระพวกนี้ของราชสำนักแล้วจริงๆ
“ท่านอ๋องอย่าเพิ่งร้อนพระทัย กระหม่อมจะออกไปดูสักหน่อย”
“ดีๆ แต่ท่านโหวรีบๆ กลับมานะ”
พอเห็นเซ่าหมิงยวนจูงมือเฉียวเจาเดินออกไป รุ่ยอ๋องก็อดถามขึ้นไม่ได้ “ไยท่านโหวไม่ให้ฮูหยินอยู่ในนี้ จะอย่างไรดาบกระบี่ก็ไม่มีตา”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ทิ้งฮูหยินไว้ที่นี่ ข้าจะเสียสมาธิได้”
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย ทันทีที่ควบคุมเหตุการณ์ไว้ไม่ได้จริงๆ ข้ายังต้องพาภรรยาหนีไปไกลแสนไกล
รุ่ยอ๋องอึ้งงันไป เขาพูดอะไรไม่ออก กวนจวินโหวแสดงความรักต่อภรรยาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งได้เขาก็ยอมจำนนเช่นกัน
พอเดินไปถึงด้านนอกเสียงต่อสู้ดังสนั่นก้องหูยิ่งขึ้น ยังเห็นลูกธนูคมกริบลอยข้ามกำแพงเข้ามา
พวกขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่หลบภัยอยู่ในเรือนพำนักของรุ่ยอ๋องเห็นเซ่าหมิงยวนออกมาก็พากันถามไถ่ “ท่านโหว ตอนนี้จะทำฉันใดดี”
“ใต้เท้าทุกท่านอย่าได้ร้อนใจ ขอให้ข้าไปดูด้านนอกสักหน่อย” เซ่าหมิงยวนพูดพลางจูงมือเฉียวเจาพาเดินต่อไป
มุมปากของทุกคนกระตุกริกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ท่านแม่ทัพ องครักษ์จินอู๋ถูกพวกกบฏสังหารหมดแล้ว ขณะนี้พวกกบฏที่ปิดล้อมอยู่ด้านนอกมีมากถึงพันคน พวกนั้นกำลังเตรียมพังประตูขอรับ”
“คุ้มครองฮูหยินให้ดี” เซ่าหมิงยวนพูดจบแล้วชะเง้อมองปราดหนึ่ง จากนั้นกระโจนกายขึ้นจากพื้นตีลังการอบหนึ่ง ก่อนวางสองเท้าลงเหยียบไปตามกิ่งไม้ที่เยื้องสลับกันไปมาไม่กี่ทีก็ปีนไต่ขึ้นไปถึงยอดไม้
ชายหนุ่มยืนอยู่บนยอดไม้อาศัยแสงดาวกับแสงโคมไฟมองดูสถานการณ์ภายนอกได้อย่างชัดเจน เขาเห็นคนถืออาวุธนับไม่ถ้วนล้อมรอบอยู่นอกเรือน ส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดกลางวงก็คือเจียงหย่วนเฉานั่นเอง
เวลานี้ชุดสีแดงบนตัวเขาถูกอาบย้อมด้วยโลหิต กลางผืนราตรีนัยน์ตาทั้งคู่แวววาวปานดวงดาว จ้องเขม็งไปทางประตูใหญ่
เซ่าหมิงยวนเอาลูกธนูดอกหนึ่งพาดสายโก่งคันธนูแล้วยิงใส่เจียงหย่วนเฉา
ด้านข้างเจียงหย่วนเฉามีคนถือโล่คุ้มกันเขาอย่างแน่นหนา ได้ยินเสียงธนูก็ชูโล่ขึ้นกันไว้ทันที
ครั้นลูกธนูคมกริบเสียบทะลุโล่ปักเข้ากลางอกคนผู้นั้น มีคนบังอยู่หน้าตัวเจียงหย่วนเฉามากขึ้นอย่างว่องไว
เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเซ่าหมิงยวนไกลๆ พร้อมเผยรอยยิ้มบางๆ
เซ่าหมิงยวนไม่สะทกสะท้านสักนิด ยิงลูกธนูดอกที่สองออกไปอีกโดยแทบไม่หยุดเว้นจังหวะ
“คุ้มกันนายน้อย” เสียงบอกดังต่อกันไปเป็นทอดๆ ฉับพลัน
ทว่าลูกธนูดอกนี้มิได้เล็งที่เจียงหย่วนเฉา กลับพุ่งลงไปตรงหน้าประตู
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น บุรุษหน้าดำผู้หนึ่งล้มตึง
“ท่านแม่ทัพ!” คนรอบข้างบุรุษที่ล้มลงกับพื้นร้องเรียกด้วยความตื่นตกใจ
ใบหน้าของเซ่าหมิงยวนไร้รอยกระเพื่อมไหวของอารมณ์ เขายิงลูกธนูออกไปอีกดอกโดยไม่รอช้า มันปลิดชีพบุรุษร่างผอมผิวขาวเกลี้ยงเกลาผู้หนึ่ง
“ท่านอาจารย์!” เสียงร้องเรียกอย่างโศกเศร้าเจ็บปวดดังขึ้นอีกหลายเสียง
เซ่าหมิงยวนเม้มปากแน่นยิงธนูต่อ เมื่อดูจากความชุลมุนที่เกิดขึ้น ดอกนี้สังหารนายทัพของพวกกบฏได้อีกแล้วอย่างเห็นได้ชัด
“ยิงเขาให้ตกลงมา!” เจียงหย่วนเฉาเอ่ยสั่งเสียงกร้าว
ลูกธนูถูกยิงไปทางที่เซ่าหมิงยวนอยู่ประหนึ่งห่าฝน กระนั้นพวกมันยังลอยพุ่งไปไม่ถึงตรงหน้าเขาก็ร่วงหล่นลงพื้นหมด
“นายน้อย จะทำอย่างไรดีขอรับ คนผู้นั้นอยู่นอกระยะยิงของธนูของพวกเรา”
สีหน้าของเจียงหย่วนเฉาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาประเมินความสามารถของกวนจวินโหวต่ำไปจริงๆ
บัดนี้ฝ่ายตนครองความได้เปรียบโดยสิ้นเชิงแล้ว ช้าเร็วก็ต้องบุกเข้าไปได้ แต่มีเซ่าหมิงยวนอยู่กลับทำให้พวกเขาสูญเสียคนสำคัญไปติดๆ กัน ซึ่งนี่เป็นความสูญเสียที่เขาไม่อยากแบกรับ
เจียงหย่วนเฉาคาดคิดไม่ผิด ขณะที่ฝ่ายเขาโจมตีเซ่าหมิงยวนกลับ เซ่าหมิงยวนมิได้หยุดมือแต่อย่างใด ยังคงยิงลูกธนูมาอีกหลายดอก คนฝั่งนี้ที่ล้มลงล้วนเป็นคนระดับมันสมอง
คนในฝ่ายเจียงหย่วนเฉาเริ่มแตกตื่น
บุรุษฝ่ายตรงข้ามบนต้นไม้เป็นปีศาจหรือไร ทั้งที่พวกเขาแต่งกายคล้ายคลึงกันและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เหตุใดถึงหาตัวหัวหน้าของพวกเขาออกมาได้คนแล้วคนเล่า
“ถอย ถอยหลัง!” เจียงหย่วนเฉาตะโกนเสียงดัง
อันว่าจะยิงคนยิงม้าก่อน จะจับโจรจับหัวหน้าโจรก่อน ลูกธนูที่แม่นยำจนน่าอัศจรรย์เพียงไม่กี่ดอกของเซ่าหมิงยวนบีบให้คนนับพันถอยออกไปนอกระยะยิงของธนูได้ ด้านหน้าประตูว่างโหรงเหรงเหลือแต่ซากศพเป็นกองๆ ในพริบตาเดียว
“กวนจวินโหว ท่านนึกว่าอาศัยกำลังคนเพียงผู้เดียวก็จะสกัดขัดขวางพวกข้าได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ!” เจียงหย่วนเฉาตะเบ็งเสียงถาม
เซ่าหมิงยวนถือธนูในมือ นัยน์ตาสีดำสนิทเป็นประกายลุ่มลึก เขาหัวร่อเสียงก้องกังวาน “เช่นนั้นเจ้าแน่จริงก็มาเลยสิ”
ใต้แสงไฟใบหน้าขาวเกลี้ยงของเจียงหย่วนเฉาฉายอารมณ์ปรวนแปร สุดท้ายเขาส่งยิ้มให้เซ่าหมิงยวนจากไกลๆ แล้วชูมือกล่าว “เตรียมโจมตีด้วยไฟ!”