หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 795
บทที่ 795
เจียงหย่วนเฉาเปล่งเสียงหัวร่อราวกับได้ยินเรื่องตลกขบขันที่สุด
เซ่าหมิงยวนก็ไม่เร่งรัด รอเขาหัวเราะจนพอใจอยู่เงียบๆ
บัดนี้รู้ผลแพ้ชนะแน่ชัด เจียงหย่วนเฉายากจะติดปีกบินหนีแล้ว
ผู้ชนะเป็นฝ่ายใจเย็นได้เสมอ
คนที่ยังฆ่าฟันกันอยู่เหลือแทบจะนับนิ้วได้ ดวงตะวันสาดแสงแจ่มจ้าแต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกมากยิ่งขึ้นเพราะภาพน่าอเนจอนาถทั่วทุกจุดที่เห็นได้อย่างชัดเจนจะแจ้ง
เจียงหย่วนเฉาหยุดหัวเราะแล้วเริ่มถอยหลังทีละก้าว
เซ่าหมิงยวนจูงมือเฉียวเจาเดินตามไป
“ใต้เท้าเจียง ขืนท่านถอยไปข้างหลังอีกก็จะถึงหน้าผาแล้ว” เขาเอ่ยเตือนอย่างสงบนิ่ง
เจียงหย่วนเฉาหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมอง
ขณะนี้เขาอยู่ห่างจากหน้าผาเพียงไม่กี่ฉื่อ ด้านล่างคือหุบเหวลึกหมื่นจั้งที่ชวนให้ใจสั่นหน้ามืด หากร่วงตกลงไปร่างกายคงแหลกเหลวเป็นแน่
เจียงหย่วนเฉาหันศีรษะกลับมา ใบหน้าเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดมากนัก มุมปากยังคงประดับรอยยิ้มดุจเก่า
คล้ายว่ารอยยิ้มนั้นมีอยู่ตั้งแต่เมื่อครั้งเฉียวเจาพบเขาครั้งแรก
เจียงหย่วนเฉายิ้มพลางถอยหลังครึ่งก้าว
เฉียวเจาเห็นเขาทำเช่นนี้แล้วใจหายวาบอย่างไร้สาเหตุ
กับคนผู้นี้นางอยากอยู่ห่างๆ เรื่อยมา กระนั้นพอมองดูคนที่เคยมีเรื่องเกี่ยวข้องพัวพันกันหลายต่อหลายครั้งจะต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาจริงๆ นางก็ยังคงไม่ปรารถนาที่จะได้เห็น
ทว่าถึงเวลานี้บทลงเอยของเจียงหย่วนเฉามิใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะใครสักคนปรารถนาหรือไม่
ก่อกบฏล้มเหลวต้องพบจุดจบเช่นไรเป็นที่ประจักษ์ชัดโดยไม่ต้องบอก
“ฮึๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น มันปราศจากความอบอุ่นใดๆ มีเพียงความวังเวงหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
เขาเพ่งสายตามองเฉียวเจาพลางเอ่ยถาม “ที่แท้ท่านก็เป็นห่วงข้าด้วยหรือ”
เฉียวเจานิ่งอึ้งไปกับคำถามนี้
เซ่าหมิงยวนกุมมือเฉียวเจาแน่น หยักยิ้มบางๆ พลางกล่าว “ใต้เท้าเจียง พูดอย่างนี้ในตอนนี้ไม่รู้สึกว่าไร้ความหมายหรือ”
เจียงหย่วนเฉาดึงสายตากลับมามองหน้าเขาเป็นนานถึงถอนใจเล็กน้อย “เซ่าหมิงยวน ข้าอิจฉาในความโชคดีของเจ้าจริงๆ”
“โชคดี?”
มุมปากของเจียงหย่วนเฉามีรอยยิ้มเยาะหยันผุดขึ้น “ไม่ใช่ความโชคดีหรือไร เจ้ากับข้าต่างมีความลับเรื่องชาติกำเนิดเหมือนกัน แต่เจ้าคือบุตรชายของเจิ้นหย่วนโหว เป็นเชื้อสายของขุนนางผู้ภักดี จอมปราชญ์เฉียวจัวเต็มใจยกหลานสาวให้แต่งงานกับเจ้าเพราะเหตุนี้ อีกทั้งมีคนมากมายยื่นมือช่วยรักษาชีวิตเจ้าไว้อีก แล้วข้าเล่า”
รอยยิ้มมุมปากของเจียงหย่วนเฉาเลือนหายไปโดยไม่รู้ตัว “ข้ากลับเป็นบุตรชายของซู่อ๋อง โจรกบฏตามคำพูดของคนทั่วหล้า หลังได้ล่วงรู้ชาติกำเนินของตน อย่าว่าแต่ฟื้นฟูฐานะเดิม กระทั่งในความฝันข้ายังหลั่งเหงื่อเย็นโซมกายด้วยความพรั่นพรึง หากเป็นไปได้ข้าอยากให้ตนเองเป็นขอทานที่เจียงถังเก็บมาเลี้ยงดูผู้นั้นไปชั่วชีวิตยังดีกว่า ไม่ใช่ ‘นายน้อย’ ที่คนเหล่านั้นเรียกขานกัน”
“ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้า เหตุใดจู่ๆ ก็กลายเป็นบุตรชายของซู่อ๋องไปได้” เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามขึ้น
เจียงหย่วนเฉาหัวเราะ “เด็กกำพร้า? เด็กกำพร้าก็ต้องมีบิดามารดาผู้ให้กำเนิด คงจะเกิดมาจากกระบอกไผ่ไม่ได้กระมัง”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วก็ตวัดสายตาไปที่ใบหน้าของเฉียวเจาแวบหนึ่งก่อนกล่าวเสียงราบเรียบ “ในเมื่อเจ้าสนใจใคร่รู้ ข้าที่ไม่มีอะไรต้องปิดบังก็จะไขข้อกังขานี้ให้เจ้าแล้วกัน ข้านึกว่าตนเป็นบุตรชายของพรานป่ามาโดยตลอด หลังจากบิดามารดาตายไปก็ตกต่ำกลายเป็นขอทานข้างถนน ต่อมาได้พบกับท่านพ่อบุญธรรมที่เดินทางมาปฏิบัติงานแล้วพาข้ากลับเมืองหลวง…
จนกระทั่งได้เดินทางไปหลิ่งหนานครั้งนั้น เดิมทีท่านพ่อบุญธรรมมอบหมายให้ข้าสืบเรื่องพรรคพวกกบฏของซู่อ๋องที่เริ่มโผล่ออกมาอีกครั้ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะทำให้ข้าสืบพบชาติกำเนิดของตนเองโดยไม่ตั้งใจ”
เขาเล่าถึงตรงนี้แล้วแค่นหัวร่อสองเสียง “จะกล่าวอย่างนี้ก็ไม่ถูกนัก แทนที่จะพูดว่าข้าสืบพบ มิสู้บอกว่าคนพวกนั้นเป็นฝ่ายมาหาข้าเอง ตอนนั้นข้าเพิ่งรู้ว่าที่แท้ข้าไม่ใช่บุตรชายของพรานป่าอะไรสักนิด แต่เป็นบุตรชายของซู่อ๋องที่เกิดจากนางบำเรอ เพราะหลังจากคลอดออกมาไม่ได้ถูกบันทึกชื่อไว้ในสมุดหยก* ก่อนซู่อ๋องเตรียมก่อการกบฏก็ให้คนพาข้าออกไปลับๆ ถือว่าป้องกันเหตุหนึ่งในหมื่นและให้ตนเหลือเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่สักคน”
ดวงตาที่เรียบเฉยในทีแรกของเจียงหย่วนเฉาค่อยๆ ทอแววหม่นเศร้า เขากล่าวเยาะหยันตนเองว่า “น่าเสียดายที่ซู่อ๋องคาดคำนวณไปหลายร้อยแปดพันประการ กลับคาดไม่ถึงว่าบุตรชายที่เหลืออยู่คนนี้ของเขาอายุยี่สิบเศษแล้วก็ยังไม่ตบแต่งภรรยามีบุตร สายเลือดของเขาไม่มีผู้สืบทอดอีกต่อไป”
“ใต้เท้าเจียง…”
เขาตัดบทเซ่าหมิงยวน “ท่านโหวสงสารเห็นใจข้าหรือ ไม่จำเป็นหรอก อันว่าชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เดิมทีก็ไม่มีอันใดต้องพูดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากข้าชนะจะเป็นอย่างไร”
เซ่าหมิงยวนไม่กล่าวตอบ
เจียงหย่วนเฉาแค่นเสียงพูด “ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝัง จากนั้นแย่งสตรีในดวงใจข้ากลับมา”
ดวงตาของเซ่าหมิงยวนทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง
ตรงหน้าคือคนที่ใกล้ตายแล้ว จะอย่างไรเขาก็ใจกว้างมากพอ ไม่กล่าววาจาเยาะเย้ยโต้ตอบ
สายลมริมหน้าผาพัดผ่านระหว่างคนทั้งสาม ฝั่งหนึ่งเป็นคนสองคนยืนด้วยกัน ส่วนอีกฝั่งมีเพียงคนเดียวยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“เอาล่ะ ข้าตอบสนองความสนใจใคร่รู้ของเจ้าแล้ว ตอนนี้จะให้ข้าถามคำถามหนึ่งได้หรือไม่”
“ว่ามา”
เจียงหย่วนเฉาเหยียดยิ้ม “คำถามนี้มิใช่ถามเจ้า แต่เป็นนาง”
เซ่าหมิงยวนมองเฉียวเจาแวบหนึ่งค่อยประสานสายตากับเขา “เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตข้า ถามภรรยาข้าได้เลย”
ราวกับคำว่า ‘ภรรยา’ ทิ่มแทงใจเจียงหย่วนเฉา แววเจ็บปวดจุดวาบขึ้นในดวงตาเขา
เขายืนอยู่ริมหน้าผาชันเงียบๆ นานครู่ใหญ่ถึงมองสบตาเฉียวเจาตรงๆ พร้อมกับเอ่ยถาม “ใจท่านเคย…ชมชอบข้าสักนิดหรือไม่”
เฉียวเจานิ่งเงียบ ลมจากหน้าผาพัดชายกระโปรงนางปลิวไหวๆ กระโปรงไม่ใช่สีเรียบเป็นนิจไม่เปลี่ยนแปลงเช่นในกาลก่อน แต่มีสีสันลวดลายงามตา
“ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ท่านยังไม่ได้ออกเรือนให้กับบุรุษผู้นี้” ในดวงตาของเจียงหย่วนเฉาแฝงรอยวาดหวัง ทว่าริบหรี่เสียยิ่งกว่าแสงหิ่งห้อย ด้วยแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้าเชื่อว่าจะได้รับคำตอบยืนยัน
ถึงแม้จะเลือนรางแต่มันยังคงทอประกายอยู่ เพื่อเฝ้ารอคำตอบของหญิงสาวให้ได้
เซ่าหมิงยวนรู้สึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าคำถามนี้ของเจียงหย่วนเฉาชอบกลอยู่บ้าง ประหนึ่งเขาล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่างเหมือนกับตน
ความคิดนี้ทำให้จิตใจของชายหนุ่มสับสนปนเปอยู่สักหน่อย เขากุมมือเฉียวเจาแน่นขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เฉียวเจาหลุบตาลง “ไม่เคย…”
นางช้อนตาขึ้นมองบุรุษเบื้องหน้า แม้นจะรู้สึกว่าในสถานการณ์นี้ตนพูดอย่างนี้ออกจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ถึงที่สุดแล้วนางไม่อยากหลอกลวงเขาจึงกล่าวอย่างจริงจัง “ในอดีตเมื่อนานมาแล้วก็ไม่เคยเช่นกัน”
เจียงหย่วนเฉาถอยหลังอีกครึ่งก้าว
ริมฝีปากของหญิงสาวเผยอออก นางคิดจะบอกว่าระวัง แต่สุดท้ายมิได้เปล่งเสียงออกมา
“เพราะอะไรเล่า” เจียงหย่วนเฉาจ้องตานางพลางพึมพำถ้อยคำนี้
เฉียวเจาอดมองเซ่าหมิงยวนแวบหนึ่งไม่ได้ถึงพูดว่า “เพราะในอดีตเมื่อนานมาแล้วข้ารู้ว่าพอเติบใหญ่ขึ้นจะต้องออกเรือนให้กับบุรุษนามว่าเซ่าหมิงยวน บางทีตอนเริ่มต้นอาจเป็นความอยากรู้อยากเห็น ข้าถึงสนใจเรื่องต่างๆ ของเขามากมาย ต่อมาก็ค่อยๆ ลืมเปิดหัวใจให้บุรุษผู้อื่นเข้ามาแล้ว”
สายตาของเซ่าหมิงยวนไหววูบหนึ่ง เขาทำท่าจะพูดไม่พูด
ฝ่ายเจียงหย่วนเฉากลับได้รับคำตอบที่ทำให้เขายอมจำนนในที่สุด เขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้นาง “เฉียวเจา พบกันชาติหน้าเถอะ”
กล่าวจบเขาดึงดาบยาวตรงเอวขึ้นปาดคอตนเองสุดแรง
ชั่วพริบตาที่โลหิตสาดกระเซ็น เจียงหย่วนเฉาส่งเสียงหัวร่อ
เขาต้องการทั้งแผ่นดินทั้งหญิงงาม แต่ท้ายที่สุดกลับไม่มีอะไรสักอย่าง เป็นดังเช่นฐานะขอทานที่สิ้นไร้ไม้ตอกในตอนแรกของเขา
ยังดีที่เขาได้รู้แล้วว่าความจริงเขากับนางยังพบกันช้าไป
ในอดีตเมื่อนานมาแล้วของเขา มิใช่ในอดีตเมื่อนานมาแล้วของนาง
เช่นนั้นชาติหน้าค่อยพบกันใหม่ให้เร็วกว่าเดิมเถิด
* สมุดหยก เป็นคำเรียกผังตระกูลของกษัตริย์