หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 84
“เจ้าบอกว่าใครอยากพบข้านะ” หมอเทวดาหลี่ทำท่าแคะหู
“กวนจวินโหว” พอเห็นสีหน้าหมอเทวดาหลี่เปลี่ยนไป ฉือชั่นก็ชักหนักใจ
ตาเฒ่าผู้นี้คงจะไม่ใช่นิสัยเก่ากำเริบอีกกระมัง ดีที่เขาส่งสารไปให้เซ่าหมิงยวนแล้ว อีกไม่นานอีกฝ่ายก็จะมาถึง
เมื่อคิดไปเช่นนี้ ฉือชั่นจึงผ่อนคลายขึ้นทันที เขายกสองแขนกอดอก เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มพรายว่า “ท่านหมอเทวดาไม่อยากพบใช่หรือไม่”
ไม่อยากพบก็เปล่าประโยชน์ ด้วยวรยุทธ์เขาจะหน่วงเหนี่ยวชายชราผู้นี้ไว้ได้ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
หมอเทวดามีสีหน้าแปลกพิกลมาก เขาตบโต๊ะแล้วกล่าวว่า “อยากสิ อยากพบเหลือเกิน เจ้าหนุ่มนั่นอยู่ที่ใด”
ยามได้ยินว่าคนที่อยากพบเขาคือกวนจวินโหว หมอเทวดาก็หมดสิ้นความสนใจต่อคำขู่และยั่วยุของคนเบื้องหน้าโดยพลัน
กวนจวินโหว? มิใช่เจ้าคนบัดซบที่ปลิดชีพแม่หนูเฉียวหรือ
เขากำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสสั่งสอนเจ้าคนบัดซบนั่นอยู่พอดี คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรนมาหาที่เอง
“น่าจะใกล้ถึงแล้ว”
หมอเทวดาหลี่หัวเราะหึๆ ทำหน้าขรึมรินน้ำชาให้ตนเอง เขาจิบคำหนึ่งแล้วหลับตาพักเอาแรง
ฉือชั่นเอานิ้วมือเคาะกับพื้นโต๊ะเบาๆ อย่างเบื่อหน่ายเหลือแสน
ขณะที่หมอเทวดาสะลึมสะลือใกล้หลับไป ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากระเบียงทางเดิน เขาลืมตาพรึบ เห็นชายหนุ่มเรือนกายสูงชะลูดผู้หนึ่งก้าวเข้ามา
บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ถอดเสื้อกันฝนออกส่งให้องครักษ์ที่ตามติดมาทางด้านหลัง จากนั้นองครักษ์ก็ถอยออกไปอย่างไร้สุ้มเสียงแล้วยืนเฝ้าหน้าประตู
ถึงแม้จะสวมชุดกันฝนแล้ว ชายเสื้อคลุมของเซ่าหมิงยวนยังคงโดนน้ำฝนสาดกระเซ็นจนเปียก เส้นผมชื้นแฉะจับกันเป็นก้อนๆ มีน้ำหยดลงมาตามข้างแก้ม
ฉือชั่นลุกขึ้นยืน “ขี่ม้ามาหรือ”
“อื้อ” เซ่าหมิงยวนทอดสายตาข้ามตัวสหายรักมองไปที่ผู้เฒ่าซึ่งนั่งวางมาดนิ่งขรึมอยู่ข้างใน เขาก้าวเท้าปราดๆ ไปตรงหน้า ประสานมือคำนับทักทาย “เซ่าหมิงยวนขอคารวะท่านหมอเทวดาขอรับ”
หมอเทวดาหลี่เหลือบเปลือกตาขึ้น ทำสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ “น้ำบนตัวเจ้ากระเด็นโดนหน้าข้าหมดแล้ว”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงันไป หมอเทวดาที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนเบื้องหน้าผู้นี้ไม่พึงใจข้า?
เซ่าหมิงยวนเป็นแม่ทัพผู้กุมอำนาจทหารครองความเป็นใหญ่ในดินแดนหนึ่งมานานปี เป็นธรรมดาที่จะไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครบีบเค้นอย่างไรก็ได้ เขาแย้มยิ้มกล่าวเสียงนุ่มว่า “ท่านหมอเทวดากล่าวล้อเล่นแล้ว เรื่องอื่นๆ ข้าล้วนทำได้ไม่ดีสักอย่าง มีเพียงพละกำลังในตัวที่ควบคุมได้ไม่เลว ไม่มีทางทำให้น้ำฝนกระเด็นโดนหน้าท่านเป็นอันขาด ท่านนั่งสบายๆ ได้เต็มที่ขอรับ”
“อย่ามาคุยโอ่” หมอเทวดาหลี่ทำทีเอามือลูบปากแล้วสบช่องถ่มน้ำลายป้ายไว้บนมือ แบมือออกโบกไปโบกมาตรงหน้าชายหนุ่ม “ไม่กระเด็นโดนหน้าข้าแล้วจะเปียกเช่นนี้รึ”
ฉือชั่นที่อยู่ด้านข้างกลอกตาขึ้น พูดเสียงเยาะๆ “น้ำฝนตกจากเมฆก้อนใดกันถึงมีฟองขาวๆ ด้วย”
สีหน้าของหมอเทวดาหลี่บึ้งตึง เขายกมือชี้หน้าฉือชั่นและพูดกับเซ่าหมิงยวน “มีเรื่องจะขอร้องให้ข้าช่วยใช่หรือไม่ จะให้ข้าช่วยก็ได้ แต่เจ้าต้องบอกให้เจ้าหนุ่มนี่ออกไปก่อน”
เจ้าคนบัดซบสองคนนี้นิสัยเสียเหมือนกันจริงๆ
เซ่าหมิงยวนดูออกว่าหมอเทวดาหลี่เป็นพวกคนประหลาดคิดอะไรผิดแผกจากผู้อื่น เขามองไปทางฉือชั่นโดยไม่ลังเลใจ “สือซี…”
“ได้ ไม่ทันถึงฝั่ง เจ้าก็ถีบหัวเรือส่ง” ฉือชั่นยื่นมือตบไหล่สหายทีหนึ่งก่อนจะสาวเท้าก้าวใหญ่เดินฉับๆ ออกไป
พอเขาออกนอกประตูก็เห็นองครักษ์ที่เซ่าหมิงยวนพามาเหลือบตามองจึงบันดาลโทสะอย่างสุดระงับ พูดตะคอกใส่ “ขืนมองอีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเสีย”
องครักษ์หลุบตาลงเงียบๆ หากลอบนึกในใจ ท่านสู้ข้าไม่ได้สักหน่อย
ฉือชั่นเดินหลายก้าวไปพิงราวระเบียงด้านนอกมองดูถนนเบื้องล่าง
ดูเหมือนฝนตกหนักขึ้นอีก เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายกลายเป็นม่านน้ำ มองไกลๆ ละม้ายกระแสน้ำตกที่ไหลกระโจนลงสู่พื้น บนถนนแทบมองไม่เห็นวี่แววผู้คน
เขาทอดถอนใจระคนอยากรู้
ไม่รู้ว่าถิงเฉวียนอยากพบหมอเทวดาเพราะเหตุใด ขนาดฝนตกหนักอย่างนี้ก็ยังขี่ม้ามา
เฮ้อ…อย่าให้แผลตรงหัวไหล่ที่โดนชกจนปริออกเมื่อวานนี้กลัดหนองจึงจะดี
ภายในห้องส่วนตัว
พอเห็นฉือชั่นออกไปแล้ว หมอเทวดาหลี่ปล่อยตัวตามสบายยิ่งขึ้น เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้พูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ว่ามา อยากให้ข้าตรวจอาการให้เจ้าใช่หรือไม่”
เขามองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นๆ ลงๆ แล้วแค่นเสียงเยาะ “ก็โทษมิได้ โรคในตัวเจ้าน่ะ ถ้าไม่รักษาให้หายล่ะก็ เกรงว่าคงได้ตายตั้งแต่ยังหนุ่มแล้ว”
เซ่าหมิงยวนหลุบตาลง สีหน้าเขาไม่แปรเปลี่ยนสักนิดขณะเผยเรื่องที่จะขอความช่วยเหลืออย่างสุภาพเกรงใจ “ข้าอยากขอร้องให้ท่านหมอเทวดาช่วยตรวจให้พี่ชายของภรรยาข้าขอรับ”
หมอเทวดาหลี่ตัดบทเขาทันควัน “จะช่วยญาติโกโหติกาก็มาหาข้า พี่ชายของภรรยาเจ้าเป็นใครกัน ไม่ตรวจ!”
ถ้าเป็นเจ้าหนุ่มนี่ขอให้รักษาโรคให้ เขาจะได้กลั่นแกล้งให้หนำใจระบายความแค้นแทนแม่หนูเฉียว แต่สำหรับคนอื่นๆ หรือจะอาหมาอาแมวที่ใดก็ช่าง เขาไม่มีเวลาว่าง
“ขอเพียงท่านหมอเทวดารับปากตรวจอาการให้พี่ชายของภรรยาข้า ท่านต้องการสิ่งใดล้วนเอ่ยปากมาได้ทุกอย่างเลยขอรับ”
“ข้าก็บอกแล้วว่าพี่ชายภรรยาเจ้าเป็นใครมาจาก…ประเดี๋ยวนะ!” หมอเทวดาชะงักปากกะทันหัน เขาทำหน้าตาชอบกล “พี่ชายของภรรยาเจ้า คนใดหรือ”
“ข้ามีพี่ชายภรรยาแค่คนเดียวขอรับ เขาเป็นบุตรชายของใต้เท้าเฉียวอดีตข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้ายที่ล่วงลับไปแล้ว นามว่าเฉียวโม่”
“ล่วงลับไปแล้ว? ล่วงลับไปแล้วอะไรกัน เจ้าหนุ่มรีบบอกข้ามาให้รู้เรื่องนะ” หมอเทวดาใจหล่นดังตุบ ใช้สองมือเท้ากับพื้นโต๊ะยันตัวลุกขึ้นยืนทันที
สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมลง เขากล่าวไขความกระจ่าง “เรือนของท่านพ่อตาข้าประสบเหตุไฟไหม้ คนทั้งครอบครัวมีเพียงพี่ชายกับน้องสาวคนเล็กของภรรยาข้าที่หนีรอดออกมาได้ บัดนี้ทั้งสองพำนักอยู่ที่จวนเสนาบดีโค่วขอรับ”
ลมหายใจของหมอเทวดาหลี่สะดุดขาดห้วง เขาล้มลงนั่งกลับไปบนเก้าอี้ ไม่อาจดึงสติคืนได้เป็นนาน
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปดุจเดียวกัน
ฝนเทกระหน่ำดังจั๊กๆ จากนอกห้อง เสียงเม็ดฝนสาดกระทบกรอบหน้าต่างไม่หยุดหย่อนชวนให้หงุดหงิดว้าวุ่นใจ
ในที่สุดหมอเทวดาหลี่ก็คุมสติได้ เขามองเซ่าหมิงยวนอย่างพินิจก่อนเอ่ยถาม “เฉียวโม่เป็นอะไรไป ได้รับบาดเจ็บหรือ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ขอรับ พี่เฉียวโม่บาดเจ็บที่ใบหน้า”
บาดเจ็บที่ใบหน้า?
สีหน้าของหมอเทวดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาเป็นหมอ อีกทั้งเป็นหมอที่เคยเห็นคนได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วน จึงแจ่มแจ้งดีเหลือเกินว่าคนที่เป็นแผลไฟไหม้นั้นน่ากลัวปานใด
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“สองเดือนเศษขอรับ แต่เพิ่งมีข่าวมาถึงเมืองหลวงก่อนหน้านี้ไม่นาน ยามนี้รู้กันไปทั่วแล้ว”
สองเดือนเศษ? เวลานั้นข้าอยู่ทางทิศใต้พอดี แต่กลับไม่เคยเอาใจใส่!
เจ้ารุ่ยอ๋องสมควรตาย ปกปิดเรื่องข้างนอกเสียมิดชิด เขาก็ว่าแล้วเชียวเข้าไปอยู่ในวังอ๋องไม่ต่างอันใดกับติดคุก!
หมอเทวดากล่าวโทษรุ่ยอ๋องทันทีทันใด ลืมเลือนไปสนิทใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้ถึงความหลังระหว่างเขากับตระกูลเฉียวเลยสักนิด แล้วจะรีบนำเรื่องนี้มาบอกเขาโดยเฉพาะได้เช่นไร
“พูดเช่นนี้ เจ้าอยากขอให้ข้ารักษาแผลไฟไหม้ที่ใบหน้าของเฉียวโม่หรือ” หมอเทวดาหลี่ปรายตามองเขาพลางนึกในใจว่า คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่ยังมีมโนธรรมอยู่เล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าเต็มใจทุ่มเทมากเท่าใดเพื่อแลกกับมัน
เขาอยากทดสอบความจริงใจของอีกฝ่าย จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “เอาอย่างนี้เถอะ อยากให้ข้าช่วยรักษาเขาก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าต้องตอบตกลงเงื่อนไขของข้าสักสองสามข้อ”
นัยน์ตาของเซ่าหมิงยวนทอแววลึกล้ำ เขากล่าวตอบอย่างนุ่มนวล “เชิญท่านหมอเทวดาบอกได้เลยขอรับ”
ชายหนุ่มดูออกว่าหมอเทวดาผู้นี้ดูทีว่าจะเคยมีไมตรีแต่หนหลังกับตระกูลท่านพ่อตา บางทีถึงเขาไม่ตอบรับเงื่อนไขใดๆ หมอเทวดาก็ต้องช่วยรักษาเฉียวโม่อยู่ดี
แต่เขาไม่อยากเสี่ยง เพราะนี่เป็นน้ำใจอันน้อยนิดหนึ่งเดียวที่เขาทำให้แก่พี่ชายของภรรยาได้
“ข้อแรก เจ้าไปบอกรุ่ยอ๋องว่าข้าไม่อยากพักอยู่ที่วังเขาแล้ว ข้าจะไปที่ใดมาที่ใด รุ่ยอ๋องห้ามก้าวก่าย ข้อสองช่วงที่ข้าอยู่ในเมืองหลวงนี้ เจ้าต้องรับผิดชอบคุ้มครองความปลอดภัยของข้า สำหรับข้อสาม ตอนนี้ยังคิดไม่ออก วันหน้าค่อยบอกอีกที ว่าอย่างไร ทั้งหมดนี้เจ้าตกลงหรือไม่เล่า”