หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 85
“ได้ขอรับ” เซ่าหมิงยวนตอบรับทันใด เรื่องง่ายดายถึงเพียงนี้?
หมอเทวดายกเท้าขึ้นอย่างไม่รักษากิริยาใดๆ เขากล่าวเสียงเอื่อยเฉื่อยว่า “เช่นนี้เถอะ ตอนนี้ข้าอยากไปหาคนผู้หนึ่ง เจ้าแต่งกายเป็นองครักษ์ไปพร้อมกับข้าแล้วกัน”
เมื่อแรกที่พาแม่หนูหลีไปส่งถึงเรือน เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพอสะสางธุระเรียบร้อยแล้วจะไปเยี่ยมนาง อันว่าฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ก็เอาวันนี้เลยเถอะ มีกวนจวินโหวอยู่ด้วย องครักษ์น่ารำคาญพวกนั้นก็ไม่ต้องตามไปเป็นพรวนพอดี
เซ่าหมิงยวนประหลาดใจพอดูทว่าไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตะเบ็งเสียงเรียก “เยี่ยลั่ว เข้ามา”
องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าห้องเปิดประตูเข้ามา “ท่านแม่ทัพ”
“มานี่”
องครักษ์ผู้จงรักภักดีเดินเข้าไปหา “ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะบัญชาขอรับ”
ในใจของพวกเขาเหล่านี้ ท่านแม่ทัพคือแม่ทัพเสมอ หาใช่ท่านโหวอันใดไม่
“ถอดเสื้อผ้าออก”
“หา?” เยี่ยลั่วตะลึงงัน เขามองไปที่หมอเทวดาหลี่ด้านข้างอย่างละล้าละลัง “ท่านแม่ทัพ เช่น…เช่นนี้ไม่ดีกระมัง…”
แม่ทัพของเขามีความชอบแปลกๆ เฉกนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
แม้นจะพูดว่าเป็นเพราะรบทัพจับศึกอยู่ต่างเมืองเป็นเวลานาน ในค่ายทหารก็มีพวกผิดเพศบางคนมั่วสุมกัน ถึงขั้นที่มีอยู่คืนหนึ่งเขาออกไปถ่ายเบายังเคยเห็นบุรุษเปลือยบั้นท้ายสองคน แต่นี่มิได้หมายความว่าเขาจะเป็นตามไปด้วยนะ
เยี่ยลั่วชายตามองท่านแม่ทัพผู้หล่อเหลาคมคายไม่เป็นสองรองใครแวบหนึ่งแล้วปลงใจเด็ดเดี่ยว
ช่างเถิด ถ้าเป็นความต้องการของท่านแม่ทัพผู้น่าเทิดทูนดุจเทพเซียน ข้าก็จะฝืนใจเสียสละสักหน
แต่ว่า…ตาเฒ่าที่อยู่ด้านข้างล่ะ มันเรื่องอะไรกัน
เซ่าหมิงยวนไม่คิดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปกติเงียบขรึมไม่ช่างพูดจะคิดเตลิดไปไกลเช่นนี้ คิ้วหนาพาดเฉียงย่นเข้าหากันน้อยๆ “ยืดยาดอะไรอยู่ ยังไม่ถอดอีก”
“เอ่อ…ข้าจะถอดเดี๋ยวนี้เลยขอรับ” ผู้ที่เคยชินกับชีวิตเสี่ยงตายดุจเลียเลือดบนคมดาบมากับเซ่าหมิงยวนล้วนคล่องแคล่วว่องไว เยี่ยลั่วเร่งรีบปลดกระบี่พกเอวแล้วถอดเสื้อคลุมตัวนอกมือเป็นระวิง เขาชำเลืองมองหมอเทวดาไปพลางให้กำลังใจตนเองไปพลาง จากนั้นกัดฟันดึงกางเกงตัวใน
เซ่าหมิงยวนเห็นสถานการณ์ชักพิกลๆ ถ้วยชาในมือก็พุ่งตรงออกไปกระแทกมือเยี่ยลั่วอย่างแม่นยำ
เยี่ยลั่วรู้สึกเจ็บจึงคลายมือจากกางเกงตัวในที่ตกอยู่ในสภาพล่อแหลมเต็มที มองท่านแม่ทัพด้วยสีหน้าเหลอหลา
“เจ้าถอดกางเกงด้วยเหตุใด” ชายหนุ่มก้มลงเก็บเสื้อคลุมตัวนอกที่องครักษ์โยนลงบนพื้น บอกกับหมอเทวดาหลี่ว่า “ท่านโปรดรอสักครู่”
เขาถือเสื้อเดินเลี้ยวเข้าไปหลังฉากกั้นซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง เปลื้องเสื้อคลุมสีขาวออกแล้วสวมชุดทหารองครักษ์ธรรมดาแทน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ก้าวเท้าออกมา
เซ่าหมิงยวนตัวสูงกว่าเยี่ยลั่ว ส่งผลให้ชุดไม่พอดีตัว ดีที่สอดชายขากางเกงเก็บไว้ในรองเท้าหุ้มข้อพื้นบางแล้วดูไม่ออก แค่ว่าตัวเสื้อสั้นเต่อไปเล็กน้อย เผยข้อมือที่เห็นปุ่มกระดูกชัดเจนรวมถึงลูกกระเดือกบนลำคอ
หมอเทวดาหลี่มองชายหนุ่มแล้วรำพึงในใจ คนประเภทนี้สวมชุดองครักษ์ก็ไม่เหมือนองครักษ์อยู่ดี
“ท่านหมอเทวดา พวกเราไปกันได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ” เซ่าหมิงยวนหยิบกระบี่พกที่เยี่ยลั่ววางบนโต๊ะเล็กด้านข้างมาห้อยไว้ข้างเอวพลางไต่ถาม
“ได้แล้ว”
“ท่านแม่ทัพ…” เยี่ยลั่วที่สวมแต่เสื้อตัวในส่งเสียงเรียกอย่างห้ามไม่อยู่
เซ่าหมิงยวนที่เดินอยู่ข้างๆ หมอเทวดาหลี่หันหน้าไป “อีกประเดี๋ยวให้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านนี้ซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าใส่”
เยี่ยลั่วอ้าปากออก เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น ท่านแม่ทัพแต่งกายเช่นนี้จะไปที่ใดกับหมอเทวดา ต้องบอกท่านแม่ทัพหรือไม่ว่าอาภรณ์ชุดนี้ของเขาไม่ได้ซักมาสามวันแล้ว
แต่ครั้นคิดไปถึงภาพที่ท่านแม่ทัพลงโทษให้พวกเขาเปลือยกายท่อนบนวิ่งบนพื้นหิมะอย่างเลือดเย็นไร้หัวใจตอนอยู่แดนเหนือแล้ว เยี่ยลั่วก็ตัดสินใจไม่พูดจะดีกว่า
ฉือชั่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็หมุนกายมา เขาเห็นเครื่องแต่งกายของเซ่าหมิงยวนแล้วเลิกคิ้วขึ้น “ถิงเฉวียน นี่เจ้าใส่ชุดอะไรของเจ้า”
เขากลอกตาไปมองหมอเทวดาหลี่ สาวเท้าเดินไปถามไปว่า “จะไปใดกันหรือ”
เซ่าหมิงยวนซาบซึ้งใจที่สหายรักช่วยเชิญหมอเทวดามาพบตน จนใจที่เพลานี้มิใช่จังหวะเหมาะจะพูดคุยกัน เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “ไว้ค่อยคุยกันอีกที ข้าไปพบคนผู้หนึ่งเป็นเพื่อนท่านหมอเทวดาก่อน”
“พบใครรึ” ฉือชั่นรู้ว่าเซ่าหมิงยวนอาจไม่ล่วงรู้ก็เป็นได้ เขาจึงหันไปถามจากหมอเทวดาหลี่โดยตรง
หมอเทวดาหลี่เหยียดมุมปาก “เจ้าหนุ่ม กงการอะไรของเจ้าด้วย”
เมื่อครู่นี้ยังเอาชื่อเสียงของแม่หนูหลีมาข่มขู่เขาอยู่เลยนะ วันหน้าคนผู้นี้อยู่ห่างๆ จากแม่หนูหลีได้ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งดี
ฉือชั่นเริ่มเฉลียวใจ เขาคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นได้ฉับพลัน จึงหลุดปากถามขึ้น “พวกท่านจะไปจวนสกุลหลี?”
ทอดสายตามองไปทั่วเมืองหลวง ถ้าจะมีสถานที่สักแห่งที่ตาเฒ่าหงำเหงือกผู้นี้อยากไป เห็นทีว่าต้องเป็นเรือนของหลีซานอย่างแน่นอน
ฉือชั่นเลื่อนสายตาไปหยุดที่ใบหน้าเซ่าหมิงยวน
เขาได้ยินสาวใช้ที่ชื่อปิงลวี่ผู้นั้นบอกว่าวันนั้นหลีซานยังโผไปซบอกถิงเฉวียนด้วย
เป็นไปไม่ได้ เซ่าหมิงยวนไม่หล่อเหลาเท่าข้า!
จู่ๆ ฉือชั่นก็รู้สึกไม่อยากให้เซ่าหมิงยวนเข้าใกล้จวนสกุลหลีอย่างปราศจากเหตุผล เขายืนขวางหน้าหมอเทวดาหลี่พลางพูด “ข้าไปเป็นเพื่อนท่านก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ ท่านให้กวนจวินโหวแต่งกายในสารรูปเช่นนี้ถูกใครเห็นเข้าจะไม่เข้าท่าสักปานใด”
“เจ้าไม่ได้” หมอเทวดามองฉือชั่นอย่างพินิจแล้วโคลงศีรษะ ยิ้มเยาะในใจว่า หึๆ อยากไปเจอหน้าแม่หนูหลีล่ะสิ ไม่มีทาง
ฉือชั่นฟังแล้วทำหน้าบึ้ง “ไฉนเป็นข้าถึงไม่ได้”
หมอเทวดาหลี่บอกตามตรงอย่างไม่ไว้หน้า “วรยุทธ์เจ้าไม่ได้ หากข้าออกไปแล้วถูกคนลักพาตัวหรือฆ่าทิ้งจะทำประการใด”
เจ้าหนุ่มนี่ยังเอาชนะพวกที่รุ่ยอ๋องส่งไปตามหาข้าทางทิศใต้ตอนนั้นไม่ได้เลยนะ แล้วจะเป็นองครักษ์ได้อย่างไร
ถึงฉือชั่นได้ยินแล้วโมโหแทบตาย แต่จนใจที่มันเป็นความจริง เขาข่มใจกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นข้าไปพร้อมกับพวกท่านด้วย”
“ไม่ได้ๆ” หมอเทวดาหลี่ส่ายหน้าถี่รัว
“เหตุใดเช่นนี้ก็ไม่ได้อีกเล่า” ฉือชั่นถามอย่างอดกลั้น
หมอเทวดาหลี่แค่นหัวร่อเสียงหนึ่ง “เขาปลอมเป็นองครักษ์ไปจวนสกุลหลีเป็นเพื่อนข้ายังพอทำเนา แต่นกยูงรำแพนหางเยี่ยงเจ้าอยากตามข้าไปจวนผู้อื่นคิดจะทำอะไร”
ฉือชั่นหน้าแดงจรดใบหูในพริบตา เขาอับอายจนพาลโกรธจึงกล่าวขึ้น “ข้าแค่กลัวว่าสหายข้าเป็นคนซื่อเกินไป จะเสียเปรียบ”
“สือซี…” เซ่าหมิงยวนที่ยืนมองอยู่ด้านข้างเฉยๆ มาตลอดเอ่ยปากขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่ในที่สุด “ข้าไม่เสียเปรียบหรอก”
คนที่คิดจะเอาเปรียบเขาได้ มีแต่เพราะเขาเต็มใจเองเท่านั้น
ดังเช่นหมอเทวดาตรงหน้า เขามีเรื่องขอความช่วยเหลืออีกฝ่าย เช่นนั้นถึงให้บุกน้ำลุยไฟเขาก็ยอม นับประสาอะไรกับไปพบคนผู้หนึ่งเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็สุดแท้แต่พวกเจ้า!”
ถีบหัวเรือส่ง นกสิ้นซ่อนเกาทัณฑ์ วันหน้าเขาจะไม่สนใจเซ่าหมิงยวนอีกแล้ว
คุณชายฉือเดินกระแทกเท้าลงบันไดไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เซ่าหมิงยวนจนปัญญาอยู่มาก ไม่พบกันหลายปี สือซียังนิสัยเดิมไม่เปลี่ยน ดีที่ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้ถือสาหาความกันจริงๆ
“ท่านหมอเทวดา พวกเราไปกันเถอะขอรับ”
พวกองครักษ์วังรุ่ยอ๋องที่รออยู่ในโถงใหญ่ของหอสุราเห็นหมอเทวดาหลี่ลงมาก็พากันลุกขึ้น
“ข้ามีธุระจะออกไปข้างนอกสักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องตามไป”
“นายท่าน นี่เกรงจะไม่เหมาะขอรับ ความปลอดภัยของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พวกข้าไม่กล้าไม่ติดตาม” หัวหน้าองครักษ์กล่าว
หมอเทวดาหลี่เบี่ยงกายชี้ไปที่องครักษ์ซึ่งยืนหลุบตาอย่างสำรวมอยู่ข้างกายพลางพูด “มีเขาอยู่ด้วย”
“เขาคนเดียว…”
เซ่าหมิงยวนเงยหน้าขึ้นมององครักษ์ที่กล่าววาจา
ดวงตาเฉยเมยเย็นเยียบแผ่รังสีเหี้ยมเกรียมคุกคามออกมา คนผู้นั้นเงียบเสียงไปทันใด
เป็นกวนจวินโหวหรือนี่!
“ข้าจะออกไปกับท่านหมอเทวดา หากมีเรื่องอะไร ข้าย่อมขอขมาต่อท่านอ๋องเอง” เซ่าหมิงยวนพูดจบก็ย่างเท้าไปทางด้านนอก
ท่านแม่ทัพย่างก้าวด้วยจังหวะฝีเท้าไม่เร็วไม่ช้าไปทางหัวหน้าองครักษ์ บารมีที่เปล่งออกมารอบกายประหนึ่งภูผาถล่มคลื่นน้ำถั่งโถมทำให้เขารู้สึกแข้งขาไร้เรี่ยวแรง เข่าอ่อนโดยไม่รู้ตัวจนต้องลุกลนหลบออกด้านข้างก่อนจะเสียกิริยา
คนทั้งกลุ่มทำตาปริบๆ มองดูหมอเทวดาหลี่ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับกวนจวินโหวแล้วแล่นเข้าสู่ม่านฝนไปอย่างรวดเร็ว