หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 520 ตระกูลเฟิงน่าขยะแขยง / ตอนที่ 521 แม่นางอาหลาน
ตอนที่ 520 ตระกูลเฟิงน่าขยะแขยง
พอฟู่เยว่อี้อาบน้ำเสร็จ เหม่ยพ่านก็หลบไปเอายากันท้องมาแล้ว ขณะดื่มยาอยู่ในห้อง จู่ๆ เฟิงชิงสุ่ยก็เข้ามา
ตามแบบแผนแล้ว ฟู่เยว่อี้ควรจะไปคารวะเฟิงเชียน แต่นางอ้างว่าไม่สบายและไม่ได้ไป คนตระกูลเฟิงคงไม่ว่าอะไร เป็นอย่างที่เฟิงเยว่ว่า นางเป็นคนของจวนซิ่นอ๋อง โดยเปิดเผยแล้วไม่มีใครมากวนใจนางได้
แม้เห็นเฟิงชิงสุ่ยเข้ามา แต่ฟู่เยว่อี้ก็ไม่ขยับตัว ยังคงดื่มยาในชามต่อ
เฟิงชิงสุ่ยเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นยาจีน นางนั่งลงบนม้านั่งข้างหน้าฟู่เยว่อี้ ถามอย่างห่วงใย “ได้ยินว่าพี่สะใภ้ไม่สบาย ข้าตั้งใจมาเยี่ยม พี่สะใภ้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟู่เยว่อี้วางชามยาลง แป้งบนใบหน้าปกปิดความหม่นหมองไว้ได้ ยังดีที่เข้าฤดูหนาวแล้ว เสื้อผ้าหนามิดชิด ช่วยปิดบังรอยบนคอของนาง เวลานี้นางไม่อยากพบเฟิงชิงสุ่ย สีหน้าเย็นชามาก “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
เหตุการณ์เมื่อคืนนางได้มายินแล้ว แต่นางไม่ได้เห็นใจฟู่เยว่อี้ แต่กลับรู้สึกสะใจ
นางไม่มีวันให้ฟู่เยว่อี้มาควบคุมตระกูลเฟิงเด็ดขาด ให้บทเรียนแก่ฟู่เยว่อี้ก็สมควร ให้นางเห็นสภาพของนางเวลานี้ให้ชัดเจน
ฟู่เยว่อี้จะได้ไม่คิดว่าตัวเองเก่งทุกเรื่อง ที่นี่คือตระกูลเฟิง ไม่ใช่จวนซิ่นอ๋อง ฟู่เยว่อี้คิดจะมายืนอย่างมั่นคงในตระกูลเฟิง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
เกิดเรื่องอย่างนี้ฟู่เยว่อี้ยังคงสงบ เฟิงชิงสุ่ยเองก็ชื่นชมฟู่เยว่อี้ ทั่วทั้งตูเฉิง ผู้หญิงที่นางพอจะยอมรับก็คือฟู่เยว่อี้กับซูจิ่วซือนี่แหละ
“พี่สะใภ้เพิ่งแต่งเข้าตระกูลเฟิงก็ไม่สบายเสียแล้ว ถ้าพี่ใหญ่รู้คงจะเป็นห่วง พี่สะใภ้ต้องดูแลสุขภาพให้ดี”
“ชิงสุ่ยวางใจ ข้าจะดูแลสุขภาพให้ดี ข้าเพลียแล้ว ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ! ข้าอยากพักผ่อน”
เวลานี้ฟู่เยว่อี้ไม่มีใจจะพูดคุยกับเฟิงชิงสุ่ย จึงบอกไล่ตรงๆ
“เมื่อก่อนข้าก็อยากคบพี่สะใภ้เป็นเพื่อน แต่ไม่มีโอกาส เวลานี้เราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน นี่เป็นวาสนาระหว่างข้ากับพี่สะใภ้ อยากอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ที่นี่สักสองสามวัน พี่สะใภ้ต้องดูแลสุขภาพให้ดี”
เฟิงชิงสุ่ยสีหน้าทะนงตน ยิ้มให้ฟู่เยว่อี้ ทั้งสองแม้อายุพอๆ กัน แต่เฟิงชิงสุ่ยกลับดูเหมือนอายุมากกว่าฟู่เยว่อี้หลายปี เหมือนพี่สาวพูดกับน้องสาว
พอถึงตอนนี้ในใจของฟู่เยว่อี้โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที นางยิ้มให้เฟิงชิงสุ่ยอย่างอ่อนหวาน แต่สายตากลับเย็นชา “แม้เจ้าจะหมั้นกับองค์รัชทายาท แต่จะได้เข้าวังตะวันออกหรือไม่ก็ไม่แน่ ใครให้หน้าประตูวังตะวันออกมีมู่ซือซือขวางอยู่
เจ้าก็ต้องพยายามมากขึ้น ถ้าถูกมู่ซือซือเบียดออกมา ข้าในฐานะพี่สะใภ้ก็อดดูแคลนแทนเจ้าไม่ได้ เจ้าพร้อมทั้งหน้าตาความสามารถ เหนือกว่ามู่ซือซือมาก”
“พี่สะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่เชื่อก็คอยดูก็แล้วกัน สุดท้ายคนที่จะเป็นพระชายารัชทายาทก็คือข้า”
“งั้นหรือ? ข้าจะรอดื่มเหล้ามงคลของน้อง”
ฟู่เยว่อี้ในใจรู้สึกดูหมิ่น หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ตระกูลเฟิงทำให้นางรู้สึกขยะแขยง เมื่อก่อนนางไม่ชอบซูจิ่วซือ เวลานี้ไม่ชอบเฟิงชิงสุ่ยมากกว่า
“พี่สะใภ้ไม่สบาย งั้นก็พักให้ดี ข้ากลับก่อนละ” เฟิงชิงสุ่ยลุกขึ้น แล้วพูดต่อ “อีกสักครู่จะให้คนเอารังนกนางแอ่นมาให้พี่สะใภ้ จะได้บำรุงหน่อย”
ตอนที่ 521 แม่นางอาหลาน
พูดจบเฟิงชิงสุ่ยก็ออกไป พอนางพ้นแล้ว สีหน้าของฟู่เยว่อี้ก็เครียดทันที เวลานี้พอเห็นคนตระกูลเฟิงนางก็รู้สึกขยะแขยง นางไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะใจร้ายกับนางอย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องไปจากตระกูลเฟิง นางไม่อาจเป็นหมากเดินตานี้ต่อไป
ให้นางปรนนิบัติเฟิงซุน นางยอมตาย
เรือนหวนคะนึง
ซูจิ่วซือนั่งอยู่ในห้อง หิ้วเตาเล็กในมือ เบื้องหน้ามีผู้หญิงสวมเสื้อผ้าหยาบสีน้ำเงิน แม่นางคนนี้หน้าตาขี้ริ้ว ผิวหยาบ แต่รูปร่างสูง ยืนข้างซูจิ่วซือ สูงกว่าซูจิ่วซือถึงครึ่งหัว
นี่คือองครักษ์ใกล้ชิดที่กู้หลียวนหาให้นาง เป็นคนวงการนักเลง ได้รับความช่วยเหลือจากเผยปิงปิง คนวงการนักเลงคำนึงถึงคุณธรรม จึงมาหาซูจิ่วซือที่ตูเฉิงตามที่กู้หลียวนบอก
ปิงซินไม่เคยเห็นแม่นางตัวสูงใหญ่อย่างนี้ จึงมองผู้หญิงชุดน้ำเงินอย่างประหลาดใจ ถึงกับรู้สึกหวั่นเกรง
ซูจิ่วซือเห็นมือทั้งสองของนางด้านหนา รู้ว่าเป็นคนฝึกวรยุทธ มือใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไปมาก
นางพูดอย่างอ่อนโยน ถามขึ้น “แม่นาง ชื่ออะไรหรือ?”
“ข้าชื่ออาหลาน แม่นางเผยเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า เดิมทีข้าอยากอยู่ตอบแทนนางที่หมู่บ้านให้ปลอดภัย”
อาหลานท่าทางซื่อๆ ชอบอยู่โดดเดี่ยว เวลาพูดสีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงไม่มีสูงต่ำ มีลักษณะของคนเคยผ่านความลำบากมาก่อน
ปิงซินอยากรู้จักอาหลานมาก จึงถามขึ้น “แม่นางอาหลาน เจ้าเป็นคนที่ไหน? อายุเท่าไร?”
“ข้าเป็นคนแคว้นเว่ย อยู่วงการนักเลงเร่ร่อนไปทุกแห่ง พอนานเข้า ข้าก็จำไม่ได้ว่าบ้านเกิดข้าอยู่ไหน ปีนี้ข้าอายุสิบเจ็ด” อาหลานตอบอย่างตรงไปตรงมา ราวกับไม่อยากพูดถึงบ้านเกิดของตนมากนัก อายุเท่านี้ก็ทำให้ปิงซินบำบากใจ นางสั่นหัว “เจ้าเพิ่งสิบเจ็ด ขออภัย ข้าสิบเก้าแล้ว เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่”
อาหลานดูคล้ายกับอายุยี่สิบกว่าปี ดูไม่ออกว่าเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ด แม้แต่ซูจิ่วซือเองก็ประหลาดใจ แสดงว่าอาหลานผ่านประสบการณ์มามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้สึกว่านางเป็นผู้ใหญ่มากทั้งๆ ที่อายุยังน้อย
คนวงการนักเลงทั่วไปไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก เพราะเป็นคนละโลก
ในเมื่อกู้หลียวนกับเผยปิงปิงส่งมาให้ ซูจิ่วซือก็เชื่อมั่น เกี่ยวกับอดีตของอาหลาน ถ้านางไม่อยากพูด ซูจิ่วซือก็ไม่ซัก ถ้าต่อไปนางจงรักภักดี อดีตจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ
“ให้อาหลานเรียกเจ้าเป็นพี่ นางอาจจะเรียกไม่ได้ อาหลาน นี่ปิงซิน วันหลังมีปัญหาอะไรก็ถามนางได้ ข้าจะให้นางช่วยดูแลเจ้า
ในเมื่อเจ้ามาที่ตูเฉิง ก็ต้องรู้เรื่องราวในตูเฉิงบ้าง ติดตามข้าเป็นงานอันตราย ข้าจะปกป้องเจ้า แต่อาจจะมีเหตุที่คาดไม่ถึง เจ้าต้องเตรียมใจไว้ให้ดี
ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็ไปตอนนี้เลย หากอยู่ต่อ ข้าต้องการคนที่จงรักภักดีเท่านั้น”
น้ำเสียงของซูจิ่วซือเคร่งครัด นางต้องการคนอย่างนี้จริงๆ หากได้เป็นคนใกล้ชิดนาง นางก็จะดูแลอย่างดี แต่คนอย่างนี้ต้องจงรักภักดี นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าคนใกล้ชิดเชื่อถือไม่ได้ ไม่เพียงแต่ตนจะตาย ยังทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อน
“คนวงการนักเลงมีหรือจะใส่ใจความเป็นความตาย ถ้ากลัวตายก็คงไม่กล้าอยู่ในวงการนักเลง ในเมื่อมาที่นี่ข้าก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะจงรักภักดีต่อคุณหนูมู่