หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 564 เดินหมากให้เก่งขึ้น / ตอนที่ 565 เยาะเย้ยเสียดสี
ตอนที่ 564 เดินหมากให้เก่งขึ้น
“องค์รัชทายาท ข้อความในจดหมายเป็นเรื่องโกหกหรือไม่?”
ปิงอวิ๋นพูดด้วยความสงสัย
“ข้าจะให้คนไปสืบให้แน่ชัด เจ้าออกไปก่อน!”
แม้ไม่ได้ไปสืบที่ตูเฉิง แต่ฟู่เฉินหรงก็เชื่อว่าข้อความในจดหมายเป็นความจริง
เดิมทีเขารู้สึกประหลาดใจที่จู่ๆ ซูต้าเฉิงก็เข้าไปจัดการ ซูต้าเฉิงเป็นคนอย่างไรเขารู้อยู่แก่ใจ และรู้ว่าซูต้าเฉิงกับเฟิงชิงสุ่ยมีความเกี่ยวพันกันอย่างล้ำลึก คราวนี้ที่ซูต้าเฉิงลงมือ ต้องเป็นเพราะเฟิงชิงสุ่ยบอกแน่ เดิมทีเขานึกว่าเฟิงชิงสุ่ยช่วยเนื่องจากคำนึงถึงทหารและราษฎร เพราะนางเคยอยู่ในกองทหารมาก่อน
พอได้รับจดหมายเขาจึงเข้าใจ เขาประเมินเฟิงชิงสุ่ยสูงเกินไป นี่ต่างหากที่คนอย่างเฟิงชิงสุ่ยจะกระทำ ดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยเนื้อหาในจดหมาย และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
แม้จดหมายจะเขียนอย่างนี้ แต่เขาก็ส่งคนไปสืบ ดูว่าเป็นความจริงหรือไม่
จิ่วซือ เจ้าต้องรอข้า รอข้าขับไล่ถ่าปู้ออกไปให้หมด แล้วข้าจะไปหาเจ้า
ฟู่เฉินหรงตัดสินใจอย่างเงียบๆ หยิบด้ายมงคลออกมาจากใต้เสื้อเกราะ เขาลูบด้ายมงคล แววตาอ่อนโยนและรู้สึกผิด
จวนแม่ทัพสยบปฐพี
หลังจากเฟิงเยว่หายไป เฟิงเชียนกับเฟิงชิงสุ่ยก็ส่งคนไปตามหาเฟิงเยว่ แต่เฟิงเยว่เหมือนกับระเหยไปจากโลก เป็นไม่เห็นคน ตายไม่เห็นศพ
ก่อนหน้านี้ไม่นานลูกชายคนเล็กเกิดเรื่อง เวลานี้ลูกชายคนโตไม่รู้หายไปไหน เฟิงเชียนรู้สึกร้อนใจมาก
ช่วงเวลานี้จวนแม่ทัพสยบปฐพีเกิดเรื่องไม่ขาดระยะ ต่อเนื่องกัน ทำให้เขารู้สึกหัวใจสลาย ร่างกายเริ่มรู้สึกไม่สบาย ซุ่นตี้ทรงอนุญาตให้เขาพักที่จวนสักสองสามวัน
เฟิงชิงสุ่ยกับเฟิงเยว่สนิทสนมกันดี หลังจากเฟิงเยว่หายตัวไปแล้ว กลางคืนนางก็นอนไม่หลับ มักจะรู้สึกว่าเฟิงเยว่ตกอยู่ในอันตราย
ในจวนแม่ทัพสยบปฐพีมีแต่ฟู่เยว่อี้ที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สบายอกสบายใจทั้งวัน
นางสวมเสื้อคลุมยาวสีเหลือง อุ้มเตาในมือ ชมดอกเหมยที่ลานหลังจวนแม่ทัพสยบปฐพี ที่นี่ปลูกเหมยหลายต้น เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันรู้ตัวก็ถึงฤดูดอกเหมยบานแล้ว
“องค์หญิง ดอกเหมยนี่งามจริงๆ จะเด็ดเอาไปใส่ในแจกันหรือไม่?”
เหม่ยพ่านเดินตามหลังฟู่เยว่อี้ถามขึ้น
“อย่าเลย ดอกไม้อยู่บนต้นดีกว่า เด็ดไปไว้ในห้องไม่นานก็เ**่ยว ไม่มีความหมาย อยากดูก็ออกมาดูได้”
ฟู่เยว่อี้ยืนใต้ต้นเหมย ยื่นมือไปโน้มกิ่งลงมาดม พอกลิ่นหอมรวยรินโชยเข้าจมูก มุมปากนางก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่
“เมื่อวานพระชายามาหาองค์หญิงถึงจวนแม่ทัพสยบปฐพี พระชายาเอาใจใส่องค์หญิงมาก” ยากที่จะเห็นฟู่เยว่อี้มีความสุขกับการชมดอกไม้ ช่วงนี้ฟู่เยว่อี้อารมณ์ไม่ดีนัก เหม่ยพ่านพยายามพูดเอาใจ
“ท่านแม่ไม่ได้มาเอาใจใส่ข้า พูดถึงแต่จวนซิ่นอ๋อง ท่านแม่กลัวว่าข้าจะไม่ทุ่มเทชีวิตให้จวนซิ่นอ๋อง คอยเตือนข้าให้นึกถึงบุญคุณจวนซิ่นอ๋องที่เลี้ยงดู ในสายตาท่านแม่เห็นแต่จวนซิ่นอ๋อง”
พอพูดถึงพระชายาซิ่นอ๋อง ฟู่เยว่อี้ก็หยุดยิ้ม พูดหยันตัวเอง “เมื่อก่อนข้ายังนึกว่าไป๋โหรวเป็นลูกที่ท่านพ่อเก็บมาเลี้ยง เมื่อวานเพิ่งรู้จากปากท่านแม่ว่าไป๋โหรวก็เป็นลูกสาวของท่านพ่อ
แต่เนื่องจากแม่ของไป๋โหรวฐานะต่ำต้อย ท่านพ่อไม่ยอมรับไป๋โหรว แต่เห็นไป๋โหรวสวยเหมือนแม่ จึงฝึกนางให้เป็นเบี้ย นางเป็นเบี้ย ข้าเองก็เป็นเบี้ย เพียงแต่ข้าเป็นพี่สาวเป็นเบี้ยชั้นดีหน่อย”
“องค์หญิง องค์หญิงกับไป๋โหรวจะเหมือนกันได้อย่างไร”
“อย่างน้อยไป๋โหรวยังได้เข้าวัง เฟิ่งอวิ๋นหล่างก็เอาใจใส่นาง แต่ข้ากลับถูกผลักมาให้เฟิงซุน ข้ายังสู้นางไม่ได้ ในสายตาของท่านพ่อ ข้ากับไป๋โหรวไม่มีอะไรต่างกัน”
ฟู่เยว่อี้ปล่อยมือ เดินไปข้างหน้าต่อ เฟิงชิงสุ่ยเดินเข้ามา
ตอนที่ 565 เยาะเย้ยเสียดสี
พอเห็นฟู่เยว่อี้แต่งหน้าอย่างบรรจง ผิวพรรณผุดผ่อง ไม่วิตกทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย เฟิงชิงสุ่ยก็เริ่มโกรธ
เฟิงเยว่หายไป แต่ฟู่เยว่อี้กลับแต่งตัวฉูดฉาด ไม่หม่นหมองเหมือนเมื่อก่อน แสดงว่านางจงใจ
“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นอะไรไปหรือ? ขอบตาดำเชียว นอนไม่หลับหรือ? ให้หมอสั่งยาระงับประสาทหรือไม่”
พอเห็นเฟิงชิงสุ่ย ฟู่เยว่อี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนหวาน ถามอย่างเอาใจใส่
เฟิงชิงสุ่ยยิ้มอย่างฝืนๆ “เวลานี้พี่ใหญ่หายไปไหนไม่รู้ พี่สะใภ้ไม่ร้อนใจสักนิด”
“ข้าร้อนใจอยู่ข้างใน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงออก หวังว่าเฟิงเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพสยบปฐพีได้เดือนเดียว ไม่อยากเป็นม่ายยังสาว”
ปากพูดออกมาอย่างนี้ แต่ใบหน้าของฟู่เยว่อี้ไม่มีความวิตกแม้แต่น้อย พูดอย่างขอไปที นางรู้ว่าเฟิงเยว่ไม่มีวันกลับมาแน่ ซูจิ่วซือจะปล่อยให้เฟิงเยว่กลับมาได้อย่างไร ถ้าเฟิงเยว่โชคดีกลับมาได้ นางก็ไม่ปล่อยเขาแน่
“เรื่องนี้อย่าให้เกี่ยวข้องกับพี่สะใภ้ก็แล้วกัน ไม่งั้นข้าไม่ปล่อยพี่สะใภ้แน่” เฟิงชิงสุ่ยจ้องหน้าฟู่เยว่อี้อย่างเย็นชา นางรู้สึกมาตลอดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฟู่เยว่อี้ แม้ไม่มีหลักฐาน แต่อาศัยความรู้สึกลึกๆ ในใจนางคิดอย่างนี้
“ชิงสุ่ยพูดอย่างนี้ก็แปลกละ ท่านพี่หายไปจะเกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไร ถึงอย่างไรท่านพี่ก็ยังเป็นสามีข้า ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ข้าไม่ใช่คนใจดำอย่างนั้น
แม้ไม่สามารถทำหน้าที่สามี แต่มีคนพูดคุยด้วยก็ยังช่วยคลายความอึดอัดบ้าง ทำไมเจ้าคอยจับผิดข้าอยู่เรื่อย”
“พี่สะใภ้ ถึงแม้พี่ใหญ่ไม่อยู่ ชาตินี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนของตระกูลเฟิง ถ้าไม่ตาย ย่อมออกไปจากตระกูลเฟิงไม่ได้ อนาคตยังอีกยาวไกล บางเรื่องพี่สะใภ้ต้องมองให้ชัดหน่อย”
เฟิงชิงสุ่ยเตือน ถ้าเฟิงเยว่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ และพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับฟู่เยว่อี้ นางไม่ปล่อยฟู่เยว่อี้แน่ ต้องทรมานนางให้สาสม นางต้องอยู่ที่ตระกูลเฟิงตลอดชีวิต นางไม่มีวันปล่อยให้นางอยู่อย่างสุขสบายแน่
“ข้าเองก็ไม่คิดจะออกไปจากตระกูลเฟิง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะอยู่กับข้าที่ตระกูลเฟิงอีกนานเท่าไร พูดแล้วเจ้าอย่าโกรธนะ เมื่อคืนข้าฝันว่าองค์รัชทายาทแต่งงานกับมู่ซือซือ ส่วนเจ้าถูกผู้คนเย้ยหยัน สุดท้ายกระโดดทะเลสาบฆ่าตัวตาย”
ฟู่เยว่อี้พูดพร้อมกับหัวเราะร่า “แปลกจริงๆ ข้าอยู่ดีๆ ก็ฝันอย่างนี้”
เฟิงชิงสุ่ยยิ้มหยัน “พี่สะใภ้ไม่รู้หรือว่าความจริงมักจะตรงกันข้ามกับความฝัน?”
“จริงหรือ คงเป็นฝันของคนอื่น ในฐานะที่เป็นพี่สะใภ้ ข้าก็อยากให้เจ้าสมหวัง ข้ากลับก่อนละ” ฟู่เยว่อี้พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป ไม่มองหน้าเฟิงชิงสุ่ยแม้แต่แวบเดียว
“ฮูหยินน้อยไร้มารยาทจริงๆ” พอฟู่เยว่อี้ไปแล้ว ชิวซูก็ต่อว่าอย่างไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าฮูหยินน้อยคนนี้จะกล้าเยาะเย้ยเฟิงชิงสุ่ย
“วันหลังนางต้องรับกรรม”
เฟิงชิงสุ่ยรู้สึกหงุดหงิด เวลานี้นางยังทำอะไรฟู่เยว่อี้ไม่ได้
ในทางเปิดเผยฟู่เยว่อี้ยังเป็นพี่สะใภ้ของนาง เป็นฮูหยินน้อยในจวนแม่ทัพสยบปฐพี ฐานะสูงกว่านาง ทั้งยังถือกำเนิดในจวนซิ่นอ๋อง ไม่อาจมองข้ามได้ แต่พอเห็นฟู่เยว่อี้สีหน้าท่าทางอย่างนี้ ในใจนางรู้สึกไม่พอใจมาก ฟู่เยว่อี้ช่วยซูจิ่วซือ คิดจะทรยศต่อจวนซิ่นอ๋องหรือ?
ถ้าฟู่เยว่อี้กับซูจิ่วซือร่วมมือกัน ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ เมื่อวานพระชายามาที่จวนแม่ทัพสยบปฐพี นางถือกำเนิดในจวนแม่ทัพสยบปฐพีจริงๆ เฟิงชิงสุ่ยไม่คิดว่าฟู่เยว่อี้จะทรยศต่อจวนซิ่นอ๋องได้ง่ายๆ
เวลานี้ไม่รู้ว่าเฟิงเยว่ไปไหน ซูจิ่วซือก็ไม่ได้อยู่ที่จวนตระกูลมู่ ไม่รู้ไปไหนแน่ หรือว่าการหายไปของซูจิ่วซือจะเกี่ยวข้องกับเฟิงเยว่?