หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 572 ไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือ / ตอนที่ 573 รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
- Home
- หวนแค้นชะตารัก
- ตอนที่ 572 ไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือ / ตอนที่ 573 รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
ตอนที่ 572 ไม่คิดว่าตัวเองโง่หรือ
เจ้าแม่มองดูท่าทีของซูจิ่วซือก็รู้ว่าซูจิ่วซือฟังคำพูดของนางอยู่ จึงก้มหน้าเด็ดดอกไม้ต่อ แล้วพูดขึ้นอีก “บางคนฟ้าประทานความฉลาดมาให้ แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจ”
“ขอบใจเจ้าแม่ที่เตือน ในเมื่อเดินหนทางนี้ ข้าไม่นึกเสียใจ”
“เวลานี้ไม่เสียใจ ไม่เท่ากับว่าต่อไปจะไม่เสียใจ เจ้าอายุยังน้อยแต่มีจิตใจอย่างนี้นับว่าหายาก เพราะเจ้าอายุยังน้อย จึงมักจะทำอะไรโง่ๆ วันหลังเจ้าต้องรู้ไว้ ผู้ชายในราชตระกูลไม่คู่ควรกับความรักของเจ้า ในใจของพวกเขามีแต่บ้านเมือง ไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่ง”
ซูจิ่วซือฟังคำพูดของเจ้าแม่ รู้สึกว่าเจ้าแม่มีอคติต่อราชตระกูล ดูแล้วเจ้าแม่คงเคยมีความสัมพันธ์ล้ำลึกกับคนในราชตระกูล ไม่เช่นนั้นคงไม่พูดอย่างนี้ เจ้าแม่พูดราวกับว่าเคยถูกทรยศมาก่อน
“ผู้ชายควรใส่ใจบ้านเมืองอยู่แล้ว ไม่ใช่ความผิด ในใจข้าเองก็ไม่ได้มีแต่ฟู่เฉินหรง ข้ายังมีเรื่องที่ข้าจะทำ แต่หากเขาตกอยู่ในอันตรายและต้องการความช่วยเหลือ ถึงจะข้ามน้ำลุยไฟข้าก็ไม่หวั่น ยังไงก็ต้องไปอยู่เคียงข้างเขาให้ได้”
เจ้าแม่หัวเราะเหมือนได้ยินเรื่องตลก “ถ้าฟู่เฉินหรงรู้ว่าเจ้าถูกพิษหนอนไหมพิษ เขาจะมาหรือ?”
“ข้าไม่บอกเขาแน่”
“ถ้าเขารู้ เขาคงไม่คำนึงถึงอะไรรีบมาอยู่เคียงข้างเจ้าใช่หรือไม่?” เจ้าแม่เงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง มือชะงักเล็กน้อย
ซูจิ่วซือพูดอย่างสงบ ส่ายหน้า “ไม่มีทาง”
“พูดอย่างนี้ถูกต้อง ในใจของเขามีแต่บ้านเมือง ไม่ใช่เจ้า ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง คนที่จะถูกทอดทิ้งก็คือเจ้า ในเมื่อรู้อย่างนี้ ทำไมจึงยอมตายเพื่อเขาโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย แม่หนู เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเจ้าโง่จริงๆ?”
“เขามาหาข้าไม่ได้ ในใจเขายิ่งเจ็บปวด
เจ้าแม่ เวลานี้เขากำลังต่อสู้กับศัตรู ต้องรับผิดชอบชีวิตทหารทั้งกองทัพ ถ้าเขาหนีมาก ผลที่จะเกิดขึ้นคงคาดเดาได้
พอถึงเวลานั้นเลือดจะนองเป็นสาย คนที่เดือดร้อนก็คือชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ถ้าเขาทำอย่างนี้จริงๆ ข้าคงไม่ชอบเขาอย่างนี้ ผู้ชายควรรับผิดชอบต่อหน้าที่ ถ้าข้าเป็นเขา ข้าก็คงตัดสินใจอย่างเดียวกัน ไม่มีวันทอดทิ้งทหารแน่
ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้รับชัยชนะกลับมา แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเขาทอดทิ้งกองทัพ ทุกอย่างที่ข้าทำจะมีความหมายอะไร?”
เจ้าแม่มองซูจิ่วซืออย่างประหลาดใจ “เจ้าไม่โทษเขา”
“ข้าได้แต่ยินดีที่เขาตัดสินใจอย่างนี้ เขาจะทำอย่างไรกับข้า ข้าก็ยินดี”
“ในเมื่อรู้ว่าเขาไม่มาแน่ ทำไมไม่บอกเขา?”
“เขาอยู่แนวหน้า ทำไมต้องรบกวนเขา”
ซูจิ่วซือพูดอย่างมั่นใจ เวลานี้ฟู่เฉินหรงกำลังประจันหน้ากับถ่าปู้ นางไม่อาจอยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรงได้ แต่ไม่เป็นภาระให้เขาเด็ดขาด
นางรู้ว่าเวลานี้ฟู่เฉินหรงกำลังเผชิญหน้ากับความลำบากและอันตราย นางเข้าใจฟู่เฉินหรงดี ไม่เคยนึกสงสัยในความรู้สึกที่ฟู่เฉินหรงมีต่อนาง
ไม่ว่าคนรอบข้างจะพูดอย่างไรก็ไม่ทำให้นางเลิกเชื่อมั่นในตัวฟู่เฉินหรง นางเชื่อในความคิดของตนเอง
เจ้าแม่แม้คาดไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะพูดอย่างนี้ แต่ก็นับถือเจ้าเด็กนี่ ไม่ใช่คนที่พูดแต่ปาก ดวงตานั่นต่างหากที่ฉายออกมาอย่างชัดเจน
ฟู่เฉินหรงรู้จักดูคนจริงๆ ถึงได้พบเจ้าเด็กที่ซื่อสัตย์ต่อเขาอย่างนี้ หวังว่าวันหลังเจ้าเด็กนี่จะไม่เสียใจ
“ใจคนไม่อาจคาดเดา แม่หนู หาความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“ข้ารู้ว่าข้าทำอะไรอยู่ เจ้าแม่ปล่อยจงโม่เจียงได้หรือไม่? เจ้าแม่มีเงื่อนไขอะไรบอกมาเลย ขอแต่ให้ข้าทำได้ ข้าจะรับปากทุกอย่าง”
เจ้าแม่ก้มหน้าเก็บดอกไม้ต่อ “จงโม่เจียงซื่อสัตย์ต่อเจ้ามาก”
ตอนที่ 573 รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“ชีวิตนี้นอกจากเฉินหรงแล้ว ข้าไม่มีวันรักใครอีก ข้าขอร้องผู้อาวุโสเพราะไม่อยากติดหนี้จงโม่เจียงมากเกินไป เจ้าแม่ ปล่อยจงโม่เจียงเถอะ! เขาช่วยชีวิตข้า เจ้าแม่มีเงื่อนไขอย่างไรก็บอกข้า”
แม้เจ้าแม่จะชื่นชมซูจิ่วซือ แต่ชื่นชมแล้วใช่ว่าจะเมตตา อยู่ในวงการนักเลงมาหลายปี นางไม่เคยเป็นคนดี
เจ้าแม่เห็นดอกไม้ในตะกร้าไม้ไผ่สานมากพอแล้ว ก็ลุกขึ้น มองซูจิ่วซือแวบหนึ่งเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “แม่หนู ถ้าเจ้ายอมให้องค์รัชทายาทมาแลกกับจงโม่เจียง ข้าจะปล่อยจงโม่เจียงไป
ถ้าเจ้าตัดใจไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก เดิมทีจงโม่เจียงก็ยินยอมอยู่แล้ว ข้าไม่ได้บังคับ เจ้าวางใจ ข้าไม่ทำร้ายเขาหรอก จะดูแลเขาอย่างดี”
เจ้าแม่พูดจบก็เดินไปก่อน ซูจิ่วซือยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกปวดร้าวใจ นางไม่อยากติดหนี้รักจงโม่เจียง ความรักนี้ทำให้นางรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“คุณหนู ถ้าเจ้าแม่ไม่ยอม เราคงทำอะไรไม่ได้ เจ้าแม่มีวรยุทธสูงส่ง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าแม่ แม้เจ้าสำนักจงจะหนีออกจากเขาเป่าหลิงได้ วันหลังคงเดือดร้อนแน่ ถึงออกไปได้ เขาก็คงไม่ออกไป นี่เป็นคุณธรรมในวงการนักเลง
ถ้าเจ้าสำนักจงยินยอม เขาคงไม่เป็นไร แค่ถือว่าเจ้าแม่เป็นผู้หญิงธรรมดาก็พอ”
อาหลานเห็นซูจิ่วซือสีหน้ารู้สึกผิด จึงปลอบใจนาง ถึงอย่างไรจงโม่เจียงก็เป็นผู้ชาย
“ไปเถอะ!”
ซูจิ่วซือไม่พูดอะไรอีก นางเข้าใจดี ในใจจงโม่เจียงไม่ได้ยินยอม เรื่องนี้ชายหญิงไม่ต่างกัน ถ้าไม่ยินยอม ย่อมไม่มีความสุข
นางรู้ว่าการพูดโน้มน้าวเจ้าแม่เป็นเรื่องยาก เจ้าแม่ไม่ใช่สาวน้อยอายุสิบกว่า
เมื่อกี้นางรู้สึกได้จากคำพูดของเจ้าแม่ว่าเคยมีความสัมพันธ์กับราชตระกูล ขณะเดินไปใกล้ถึงหน้าประตู นางก็ถามต่อ “อาหลาน เจ้ารู้ความเป็นมาของเจ้าแม่หรือไม่?”
อาหลานสั่นหัว “วงการนักเลงไม่มีใครรู้อดีตของเจ้าแม่ ไม่รู้ว่าชื่อจริงชื่ออะไร รู้แต่ว่านางเป็นคนแคว้นเจียง และเพิ่งเข้าสู่วงการนักเลงเมื่อยี่สิบปีก่อน เจ้าแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้ ราวกับว่าเป็นเรื่องต้องห้าม และไม่มีใครกล้าถาม”
ซูจิ่วซือพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรอีก
ขณะเตรียมกลับห้อง จู่ๆ ก็เห็นเฟิงเยว่ที่เพิ่งเดินเข้ามา
เขาถูกล่ามเท้าด้วยโซ่เหล็ก ทุกครั้งที่ก้าว ก็ลากโซ่เหล็กตามไปด้วย ส่งเสียงกังวาน โซ่เหล็กหนักอึ้งทำให้เขาไม่สามารถเดินเร็ว ได้แต่เคลื่อนไปอย่างช้าๆ
ทันทีที่เห็นซูจิ่วซือ เขาก็หรี่ตาทันที อยากพุ่งเข้าไปหาซูจิ่วซือ
แต่จนใจเพราะโซ่หนักเกินไป พอร้อนใจรีบเดิน เขาก็เกือบล้ม พยายามควบคุมตัวให้มั่นคง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเอาอะไรให้เขากิน ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย”
“มู่ซือซือ…”
เฟิงเยว่กัดฟันเรียกชื่อออกมา
เดิมทีเขาประหลาดใจว่าฟู่เยว่อี้เกี่ยวข้องกับคนวงการนักเลงได้อย่างไร เวลานี้พอเห็นซูจิ่วซือ เขาจึงเข้าใจทันที
ผู้หญิงสองคนนี้แอบร่วมมือกันจัดการเขา เขานึกไม่ถึงแม้แต่น้อย เดิมทีสองคนนี้เป็นศัตรูกันไม่มีวันร่วมมือกันได้
ซูจิ่วซือสีหน้าสงบ ยิ้มน้อยๆ ให้เฟิงเยว่ สีหน้าแสดงความประหลาดใจ “คุณชายเฟิงทำไมมาอยู่ที่นี่?”
“มู่ซือซือ การตายของมู่หยางอย่าโทษข้าเลย เขากลัวความผิดจึงฆ่าตัวตายเอง เกี่ยวอะไรกับข้า?
เขาติดหนี้ชีวิตข้า เหตุการณ์ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ถ้าเจ้าเข้าใจเหตุผลก็รีบปล่อยข้าไป ข้าจะไม่ติดใจเอาความ ไม่งั้นข้าจะทำลายตระกูลมู่ให้ย่อยยับ”