หวนแค้นชะตารัก - ตอนที่ 632 ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า / ตอนที่ 633 จุดยืนของตระกูลมู่
- Home
- หวนแค้นชะตารัก
- ตอนที่ 632 ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า / ตอนที่ 633 จุดยืนของตระกูลมู่
ตอนที่ 632 ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า
“ตอนอยู่เขาเป่าหลิงข้าเคยบอกเจ้า ถ้าเป็นนาง คงจะทูลฮ่องเต้ตั้งนานแล้ว ไม่รอจนถึงตอนนี้
ข้ากลับสงสัยเฟิงชิงสุ่ยมากกว่า นางรู้จักหนอนไหมพิษ และรู้ว่าข้าไม่มีอาการ เวลานั้นชังไห่อยู่ในกำมือนาง เป็นไปได้มากว่านางรู้เรื่องผลเซียนหลิง นางเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด”
ฟู่เฉินหรงยิ้มหยัน “เสียโฉมไปแล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว เรื่องนี้เป็นการคาดเดา ข้าจะไปถามปิงอวิ๋น ถ้านางเป็นคนทูล นางจะยอมรับ” พูดจบ ฟู่เฉินหรงก็ก้มหน้า พูดเบาๆ “จิ่วซือ อย่าใส่ใจเลย ข้าเข้าใจดี คำที่ข้าเคยพูดกับเจ้าก่อนหน้านี้จะให้ข้าพูดทวนหรือไม่”
“พูดทวนทำไม ความจำข้ายังดีมาก”
“พระพลานามัยของพระอัยกาทรุดลง วันนี้ข้าเห็นพระองค์กระอักเลือด พระองค์ยืนยันประทานพระชายารองให้ข้า เรื่องนี้ข้าทูลทัดทานไม่ได้ ขออภัย จิ่วซือ เวลานี้เราไม่อาจห้ามมู่ซืออวี่เข้าวังตะวันออก รอให้ข้าครองบัลลังก์ จะให้มู่ซืออวี่ออกไปจากตูเฉิง ให้นางไปแต่งงานมีลูกกับคนอื่น”
ฟู่เฉินหรงพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เขาเคยรับปากซูจิ่วซือ เวลานี้ไม่อาจรักษาคำพูดได้
ซุ่นตี้ทรงใส่พระทัยเรื่องนี้เป็นพิเศษ เขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาระหว่างเขากับพระองค์
พอเป็นอย่างนี้จึงทำให้ซูจิ่วซือพลอยลำบาก ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย เขาจำเป็นต้องยอมรับไว้ก่อน หลังจากครองบัลลังก์แล้วค่อยให้มู่ซืออวี่ออกไป พอถึงเวลานั้นคงไม่มีใครขัดขวาง
เขาจะพูดกับมู่ซืออวี่ไว้ก่อน มู่ซืออวี่ไม่ใช่คนตูเฉิง ได้ข่าวว่านางเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา พอถึงตอนนั้นเมื่อปลดออกจากตำแหน่ง นางก็ยังแต่งงานตามปกติได้
ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าฟู่เฉินหรงจะคิดอย่างนี้ นางนั่งตัวตรง เงยหน้ามองฟู่เฉินหรง “เจ้าคิดจะให้มู่ซืออวี่เป็นพระชายารองเพียงในนามหรือ”
“ต้องดูว่ามู่ซืออวี่เชื่อฟังหรือไม่ ถ้าคิดไม่ซื่อ ข้าไม่เกรงใจแน่”
“เฉินหรง ข้าคิดดีแล้ว เจ้ารับพระชายารองมีลูกก็ดี…” ซูจิ่วซือดูเหมือนว่าตัดสินใจแล้วจึงพูดออกมา แต่นางยังไม่ทันพูดจบฟู่เฉินหรงก็พูดแทรก “เจ้าอยากให้ข้ามีลูกกับผู้หญิงอื่นจริงหรือ”
“เป็นความรับผิดชอบของเจ้าในฐานะรัชทายาท ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากใจ”
ซูจิ่วซือหลบสายตาของฟู่เฉินหรง เห็นชัดว่าคำพูดนี้ทำให้นางเจ็บปวดมาก นางจะยินยอมได้อย่างไร ในใจนางไม่ยอมเด็ดขาด แต่คำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม นี่เป็นเรื่องจำเป็น
ฟู่เฉินหรงโอบไหล่ซูจิ่วซือ พูดด้วยสีหน้าห่วงใย “จิ่วซือคนโง่ ทำไมเจ้าโง่อย่างนี้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าคิดแทนข้า เจ้ายินยอม แต่ข้าไม่ยินยอม หน้าที่ของข้าคือเป็นฮ่องเต้ที่ดี ไม่รวมถึงการมีลูก แต่ข้าไม่ให้แคว้นเจียงไร้ผู้สืบทอดแน่”
“เฉินหรง ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า”
พอได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของซูจิ่วซือก็มีรอยยิ้ม และรู้สึกซาบซึ้งมาก
ฟู่เฉินหรงจูบหน้าผากซูจิ่วซือ “ข้าควรจะขอบใจเจ้าสำหรับทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้าต่างหาก วันหลังอย่าพูดโง่ๆ อย่างนี้อีก ข้าไม่ใช่คนที่จะเอาใครก็ได้”
“เจ้าก็…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูจิ่วซือยิ่งลึก
“ถ้ามู่ซืออวี่ยินดีเป็นน้องสาว ข้าก็จะถือนางเป็นน้องสาว ถ้านางมีความคิดที่ไม่สมควร ข้าก็จะหาเหตุผลให้นางออกไป จิ่วซือ คำพูดของข้าที่พูดกับเจ้าทุกคำเป็นความจริง และคิดอย่างนี้จริงๆ เจ้าลำบากเพื่อข้า ข้าไม่ดีใจเลย เจ้าทำให้ข้ามามากแล้ว”
คนหยิ่งอย่างซูจิ่วซือยังพูดออกมาอย่างนี้ ทำให้เขาซาบซึ้งจริงๆ ซูจิ่วซือลำบากมามากแล้ว เขาไม่มีวันให้ซูจิ่วซือลำบากอีก
ตอนที่ 633 จุดยืนของตระกูลมู่
“ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งนี้ ในเมื่อเจ้าปฏิเสธ ข้าก็ไม่จำคำนี้ วันหลัง ไม่ว่าวังตะวันออกหรือวังใน คนใกล้ชิดเจ้ามีข้าคนเดียวเท่านั้น”
ดวงตาซูจิ่วซือฉายแววมั่นใจ นี่จึงจะเป็นซูจิ่วซือที่ฟู่เฉินหรงรู้สึกว่าสวยมาก นางไม่ควรได้รับความลำบาก เขาไม่อยากให้ซูจิ่วซือฝืนใจตัวเองเพื่อเขา ไม่อยากให้นางลำบาก
ฟู่เฉินหรงหัวเราะร่า “ด้วยความยินดี”
เรื่องลูกเขาคิดตกแล้ว ถ้าในราชตระกูลไม่มีผู้รับช่วงที่เหมาะสม เขาจะไปหาเด็กข้างนอกมาเป็นคนในราชตระกูล ขอแต่ให้เป็นคนมีความสามารถ เรื่องชาติกำเนิดเขาไม่ใส่ใจ
ฟู่เฉินหรงจากแคว้นเจียงไปแคว้นเว่ย เคยอยู่ทั้งสองแคว้น จึงไม่ให้ความสำคัญเรื่องสายเลือดนัก
ตอนเด็กเนื่องจากเขาไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตระกูลกู้ เห็นซูเหมยปฏิบัติต่อตนอย่างไม่ยุติธรรม แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่เวลานั้นเขาถือว่าซูเหมยเป็นแม่ อยากให้นางรักตนบ้าง
ต่อมาเขาเข้าใจและเลิกหวังแล้ว จึงไม่เห็นความสำคัญของสายเลือดนัก
ถ้าเขารับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง เขาจะไม่ทำอย่างซูเหมย เขาจะดูแลเหมือนลูกที่แท้จริง สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นวาสนาอย่างหนึ่ง
เวลานี้เขาไม่อยากให้ซูจิ่วซือคิดเรื่องนี้ พอเขาเห็นนางฝืนใจทำเพื่อเขา ฟู่เฉินหรงก็รู้สึกเป็นห่วง เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าซูจิ่วซือเป็นคนเย็นชา ต่อมาจึงเริ่มรู้สึกว่า นางเป็นเด็กโง่อย่างนี้เอง
เด็กโง่อย่างนี้ เขาต้องเอาใจใส่ให้ดี เขาไม่ใช่กู้เหยี่ยน และไม่มีวันชดเชยแทนกู้เหยี่ยน เพียงแต่อยากดูแลนางให้ดี
รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือกลับจวนตระกูลมู่ เรือนหวนคะนึงยังคงเหลือไว้ให้นาง พอกลับไปนางจึงอยู่ที่เรือนหวนคะนึง การตกแต่งทุกอย่างที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลง ฮูหยินมู่ยังคงให้สาวใช้มาปัดกวาด เรือนจึงสะอาดเรียบร้อยดี
อากาศเริ่มอบอุ่น ทุกหนทุกแห่งมีการแตกตาผลิดอก มีดอกตูมที่เตรียมจะบาน ก่อนหน้านี้มู่หยางเอาดอกไม้มาปลูกที่เรือนหวนคะนึงจำนวนมาก ในนั้นจึงเป็นอุทยานขนาดเล็ก ดอกไม้ส่วนหนึ่งบานแล้ว
ซูจิ่วซือถือกรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้อยู่ จู่ๆ เสียงของมู่เจี๋ยก็ดังขึ้น “นึกว่าเจ้าลืมต้นไม้ไปแล้ว ท่านแม่ให้คนมาดูแลตลอด”
“เป็นของที่พี่รองให้ จะลืมได้อย่างไร ตอนนี้ไม่มีอะไรทำ ข้าจึงมาตัดแต่งกิ่งไม้”
ซูจิ่วซือก้มหน้าตัดแต่งกิ่งต่อ
“ซือซือ เรื่องของซืออวี่…”
มู่เจี๋ยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมซุ่นตี้จึงตัดสินพระทัย ประทานพระชายารองให้วังตะวันออกอย่างรวดเร็ว และเป็นคนของตระกูลมู่ด้วย
ซูจิ่วซือยิ้มเจื่อนๆ “พี่สาม ซืออวี่เป็นคนอย่างไร”
มู่เจี๋ยนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ซูจิ่วซือจะถามอย่างนี้ เมื่อก่อนเขาอยู่ที่จิ่นโจว พักที่จวนนายท่านรองมาตลอด เขาคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ข้าไปทำงานนอกบ้าน ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดซืออวี่ ครอบครัวอารองอบรมเข้มงวด ซืออวี่อยู่บ้านฝึกเล่นดีดพิณหมากล้อมอ่านหนังสือวาดรูปมาตลอด ไม่ค่อยออกนอกบ้าน นิสัยสงบ อ่อนโยน คงจะใกล้ชิดได้ง่าย”
“เป็นเด็กสาวที่เข้าใจจิตใจคนอื่น อย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“เจ้าไม่ถือสาที่ซืออวี่จะเป็นพระชายารองหรือ”
มู่เจี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ถือสาได้อย่างไร แต่เป็นพระประสงค์ไม่อาจทัดทาน พี่สาม วางใจเถอะ! ข้าจะจัดการเรื่องของซืออวี่ตามสมควร ดูแลนางให้ดี”
มู่เจี๋ยถอนหายใจเบาๆ “เจ้าเป็นน้องสาวของข้า ข้าจะเป็นห่วงนางทำไม กลัวแต่ว่าเจ้าจะลำบาก เจ้าช่วยเหลือองค์รัชทายาทมามาก ซือซือ จำไว้ พวกเรายืนอยู่ข้างเจ้า ถ้าซืออวี่ไม่ซื่อตรง เจ้าไม่ต้องเกรงใจพวกเรา”